เรื่องสั้น : ชายในกล่องข้อความ : ณัฐฤทัย จันทรา

เรื่องสั้น : ชายในกล่องข้อความ : ณัฐฤทัย จันทรา

 

          เธอคิดถึงเขาในวันที่ออกเดินทาง สลัดความคิดนั้นออกไปไม่ได้ เหมือนสมองสลักภาพและรอยยิ้มไว้ในทุกขณะ ใช่...ทุกขณะที่จะทำอะไร แม้แต่กินข้าว อาบน้ำ ซื้อของ เธอเดินทางออกด้านนอกแต่กลับเข้าสู่ภายใน โชคชะตามักล้อเล่นกับเธอเสมอ

          ขับรถออกจากเจริญกรุงมุ่งหน้าสู่อยุธยา ไม่สิ ถ้าจะให้ถูกก็ต้องบอกว่า เธอเรียกแกรปไร้คนขับรับเธอไปอยุธยา ก็ไปได้แค่นี้แหละ สถานที่ที่ไปง่าย รู้สึกปลอดภัย เหมือนเก็บตัวเองไว้ในหินเก่าคร่ำคร่า ไปดูแต่พิพิธภัณฑ์โบราณ ซากความเก่าแก่ของโบราณวัตถุ หรือไม่ก็โบราณสถาน เศษอิฐ เศษหิน กลิ่นอับ ไม่เหลือริ้วรอยความรุ่งเรืองในอดีต มีแค่ของใหม่ที่กรมศิลปากรบูรณะปฏิสังขรณ์ ปะติดปะต่อให้ดูขรึมขลัง

          ถนนวิภาวดี-รังสิต แทบจะไม่มีรถ ถนนโล่งถนัดตาในเทศกาลสงกรานต์อันร้อนระอุ อุณหภูมิจะทะลุ 40 องศา พลขับอัตโนมัติเปิดเพลงเกริ์ลกรุ๊ปเกาหลี ฟังไม่กระดิกหู ขณะที่เธอกำลังคิดว่าป่านนี้ เขาทำอะไรอยู่นะ อยู่กับใคร กินข้าวหรือยัง คิดไปเรื่อยเปื่อยจนถึงวัดใหญ่ชัยมงคล รั้วอิฐมอญของเก่าปนใหม่ แต่อิฐใหม่มากกว่า ถนนหน้าวัดทรุดลงนิดหน่อย ฟุตบาททางเข้าทาสีขาวสลับแดง สีแดงนั้นซีดจางราวจะเป็นสีเดียวกับสีขาว รถยนต์หลายคันขับสวนออกมา ในขณะที่รถของเธอเข้าไป

          ‘มาเที่ยวอยุธยาจะอธิษฐานขอพรเผื่อ’ พิมพ์ข้อความบอกเขา

          มันเป็นเพียงข้อความพิมพ์ค้างไว้ไม่ได้ถูกกดส่ง เขาคงไม่เชื่อว่าพนักงานซอฟต์แวร์ ผู้ทำงานเกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีขั้นสูงจะชอบอะไรโบราณ ๆ แบบนี้

 

          เป็นเวลาหลายเดือนที่เธอรู้จักเขา ‘ชายในกล่องข้อความ’ ทุกวันหลังทำงาน เขียนโปรแกรมให้บริษัทยักษ์ใหญ่ ขยายฐานมีศูนย์กลางโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ประเทศไทย เธอเป็นหนึ่งในคนไทยที่ถูกเลือกเข้ามาปฏิบัติการในโครงการพัฒนาระบบ งานของเธอจึงเป็นความลับ รับเงินเดือนสูงลิ่ว มากกว่าการวิเคราะห์ตัวเลขและจัดการกลุ่มข้อมูลให้กับบริษัทบัตรเครดิตชื่อดังสิบเท่า เธอเป็นหัวหน้าโปรเจคใหม่ โปรเจคที่จะตีตลาดสากลในไม่ช้า ในวันที่บริษัทสรรหาบุคลากร เธออธิบายแผนงาน การจัดการระบบ และซอฟต์แวร์รูปแบบใหม่ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่เป็นที่สนใจของบริษัท มันเกิดจากกิเลส และเพ้อฝัน ในจินตนาการของมนุษย์   ตั้งแต่เข้าบริษัทใหม่ เธอเริ่มทิ้งเพื่อน ออกห่างคนรู้จัก ปิดตัวเองกันความลับรั่วไหลจากองค์กรที่กำลังพัฒนาไปไม่หยุดยั้ง และกับความเหงา ว้าเหว่ และโดดเดี่ยว แต่ในทุกวันเขาอยู่กับเธอ

 

          สวัสดี เรารู้จักเธอ เราเจอเธออยู่สามสี่ครั้ง ข้อความจากเฟสบุ๊กที่ปิดหน้าเฟสไปเหลือแต่กล่องข้อความส่วนตัวเด้งขึ้นมา

          อ๊ะ ! สวัสดีค่ะ คุณ...

          ครอส เราชื่อครอส เธอน่าจะจำเราได้

          รูปโปรไฟล์ของเขาเป็นชายหนุ่มยืนยิ้มกลางแดดเปรี้ยง  ตัวเขาไม่สูงใหญ่นัก ดูแล้วออกจะเป็นลูกครึ่งผมทอง ผิวสีแทนด้วยแดดที่เท็กซัส ปากไม่ใหญ่ไม่เล็ก มีรอยยิ้มอันละไม ดวงตาซึ้งเศร้า แต่กลับมีแววประกายในตาประหลาด

          นั่นเป็นจุดเริ่มต้นในกล่องข้อความของเธอ

          ชีวิตจืดชืดกลับมีความหมายอีกครั้ง นับตั้งแต่เธอส่งข้อความกลับไป เขาส่งกลับมา รู้สึกมีเพื่อน มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ราวกล่องข้อความนั้นป็นโลกทั้งใบ  โลกที่เธอไม่เคยได้รับ กลิ่นอายความสุขที่เพิ่งเคยได้สัมผัส จากแค่ช่วงเย็นหลังเลิกงาน จากเนื้อความสัพเพเหระ มุกฝืด ๆ ของเธอ และความขี้เล่นของเขา กลับเพิ่มเป็นกลางคืนอันนานยาว เขียนโม้เรื่องราวจินตนาการฝันเพ้อสลับไปมา ให้ผ่อนคลาย ความใกล้ชิดก่อตัวเพิ่มเป็นยามตื่นอีกเวลา พูดง่าย ๆ คือ เขาอยู่กับเธอในกล่องข้อความนั้นทั้งวันทั้งคืน เธอไม่ได้นับว่าคุยกับเขาเนิ่นนานเท่าไหร่แล้ว แต่ทั้งยามหลับและยามตื่นก็มีเพียงแต่เขา ราวรู้จักเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว ราวเคยใช้ชีวิตร่วมกันในอดีตชาติ เขาจึงรู้ความคิด รู้ทันเธอเสียไปหมดทุกเรื่อง

          เธอพัฒนาให้เสียงเพลงเรียกเข้าจากกล่องข้อความของเธอเป็นเพลง Canon In D ของ Pachelbell ที่เธอชอบ มันวนไปมาจนหลับไป

 

          เขาโทรมาปลุกในเช้าวันหนึ่ง แต่เธอไม่ได้คุย

          มันเป็นเช้าแรกที่เขาโทรเข้ากล่องข้อความ เพลง Canon In D วนจนเงียบหายไป ยังงุนงงว่าหลับหรือตื่น เป็นเสียงเพลงที่เปิดทิ้งไว้หรืออะไรกันแน่ รีบ ตื่นตัวลุกจากที่นอน ไม่มีเวลาให้นอนกลิ้งบนเตียงอย่างที่ชอบทำ  เธอต้องรีบเข้าบริษัทสรุปผลการทดลองในรอบไตรมาสสอง

          ก่อนออกจากคอนโดไม่ลืมดูโทรศัพท์ ดวงตาเบิ่งโต แกมยิ้มเล็ก ๆ หัวใจพองฟูแต่เช้า ไม่ได้ฝันไป มีสายไม่ได้รับจากเขา ประหลาดใจที่วันนี้เขาโทรหา 

          ว่าไง รับสายไม่ทันเลย

          เตรียมตัวหรือยัง วันนี้ต้องไปแต่เช้าไม่ใช่เหรอ

          อือ ขอบคุณนะ เดี๋ยวเสร็จงานจะรีบมาเล่าให้ฟัง

          เหมือนจะล่วงรู้เวลาเสมอ ข้อความของเขามักปรากฏขึ้นในทุกขณะที่เธอคิดถึง มันเป็นความรู้สึกที่ป่วนแปลก ใจของเธอทวีความระทึกขึ้นเรื่อยเมื่อมันเป็นเช่นนั้นซ้ำ ๆ

          โถงห้องประชุมกว้างขวาง มอนิเตอร์ขนาดกะทัดรัด ฉายภาพการประชุมออนไลน์จากประเทศอื่น ๆ บนจอใหญ่ราว 2 เมตร  ศูนย์กลางแต่ละที่ทำการพัฒนาระบบและคิดโปรเจคใหม่ที่แตกต่างกัน  ศูนย์กลางที่เก็บฐานข้อมูลจะส่งดาต้า อายุ เพศ ความสนใจ ความชอบ สถิติการใช้จ่าย หนังสือที่อ่าน หรือแม้แต่ข้อความที่มักส่งถึงกันของกลุ่มเป้าหมายของคนทั่วโลกเพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ ทำการตลาด รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่มากขึ้นแต่เวลาที่น้อยลงของมนุษย์  เช่น ศูนย์กลางของทวีปอเมริกาใต้อยู่ที่บราซิล ซึ่งมีส่วนแบ่งความมั่งคั่งสุทธิมากที่สุดในในกลุ่มละตินอเมริกา มีระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ อุตสาหกรรมหลักคือเชื้อเพลิง จึงสร้างซอฟต์แวร์ให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในโครงการขุดเจาะน้ำมันเพื่อสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม ศูนย์กลางทวีปยุโรปอยู่ที่ฝรั่งเศส พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อความงาม แยกย่อยเป็นการผสมกลิ่นน้ำหอมเอง ผู้ซื้อจะได้กลิ่นน้ำหอมในรูปแบบออนไลน์ หรือสามารถแต่งกลิ่นเอง เป็นเจ้าของกลิ่นตัวเองได้ภายใน 3 นาที หรือ ซอฟต์แวร์ชิมอาหารร้านดังจากทางออนไลน์ สามารถลิ้มรสอาหารก่อนไปกิน ก่อนตัดสินใจเลือกร้านอาหาร แต่ละที่กำลังไปได้ดี หากสำเร็จ เราก็สามารถใช้งานได้ทั่วโลก

          ส่วนงานของเธอคือพัฒนาข้อมูลคำที่ใช้ในการสนทนานำไปสร้างบทสนทนาใหม่ ให้กับตัวตนใหม่หรือเพื่อนใหม่ที่ผู้ใช้บริการเป็นคนออกแบบ ดาต้าจากทั่วโลกตามช่วงอายุที่เธอต้องการรวมอยู่ในคอมพิวเตอร์ลับของเธอ

          งานกำลังไปได้ดี เธอนำเสนอการตอบสนองของโปรแกรมที่สุ่มเวลาได้เป็นธรรมชาติ การรับรู้ความรู้สึกผู้ใช้ ผ่านการประมวลคำโดยใช้เวลาเร็วที่สุดใน 2  วินาที และเงื่อนไขใหม่ที่เธอตั้งคือปฏิกิริยาการส่งคำพูดหวานราวคนรักในช่วงต้นค่ำ กับเสียงเรียกเข้าของซอฟต์แวร์ในช่วงเช้า เธอยังไม่ต้องการให้ข้อมูลวนซ้ำ เพื่อมนุษย์ได้เกิดระยะห่างของกันและกัน สิ่งที่เธอกำลังดำเนินการในไตรมาสต่อไปคือเสียงตอบสนองในแบบต่าง ๆ

          เหนื่อยราวกำลังใกล้จะหมดกับการนำเสนอผลงาน กลับเข้าห้องด้วยอาการอ่อนเพลีย ผล็อยหลับไปบนที่นอนอันยับย่นที่เมื่อเช้าไม่ได้เก็บ

          ตึ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

          อยู่หนายย

          ข้อความเขาวาบขึ้นมาถี่ ๆ จนกว่าเธอจะกดอ่าน

          นี่ถ้าไม่กดอ่านคงไม่หยุดส่งใช่ไหมนะ

          เขาหยุดส่งข้อความตอนเธอกดอ่าน เธอยียวน ยิ้มอย่างไม่เก็บอาการ

          งั้นสิ ก็ห่วง เป็นไงบ้าง

          ระบบยังไม่สมบูรณ์แบบน่ะ ต้องพัฒนาและทดลองเรื่องต่อไปให้สมบูรณ์ขึ้นอีก

          ให้เราช่วยอะไรได้ไหม ข้อความส่งมาพร้อมสติกเกอร์ยิ้มสองสามตัว ขณะที่เธอไม่ตอบอะไร

 

          เธอวางโทรศัพท์ทิ้งบนเตียงอันรกเละเทะไม่ได้ไยดีกับเสียงสายเข้า กระดาษเอสี่หลายแผ่นเขียนระบบที่กำลังปรับแล้วขยำ ๆ ทิ้งจนเกลื่อนพื้น เธอกลับมาวาดแผนภูมิโครงสร้างการทำงานต่อ อัดเสียงตัวเองลงเครื่องบันทึกและปรับการแต่งเสียงสนทนา เสียงทุ้มต่ำ ง่วนอยู่ทั้งคืน

          เขาส่งข้อความประเด็นคำถามใหม่ชวนคุย มันเป็นเรื่องประสบการณ์ส่วนตัวทัศนคติการใช้ชีวิตคู่ที่เธอเข้าใจต่างจากเขา เขาแค่กำลังชวนคุย เธอพิมพ์ข้อความส่งรัว ๆ ไม่เว้นจังหวะให้เขาตอบ

          “ก็เพราะเธอเป็นอย่างนี้สินะ เธอจึงโดดเดี่ยว ไม่รับฟังใครเลย”

          มันเป็นข้อความเย็นชาที่เขาเขียนส่งมาให้ เธอวางงานทุกอย่าง ตั้งใจอ่านข้อความทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุด หัวใจย้ายไปอยู่ที่ตาตุ่ม เดินโหวง ตาลอย เข้าครัวเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาดื่ม หยิบกล่องสปาเก็ตตี้ใส่ไมโครเวฟ  เดินกลับมาอ่านข้อความอีก ก่อนหยุดทุกอย่างแล้วก้มหน้าซับน้ำหยดเล็ก ๆ ที่คิดว่าบังเอิญหล่นลงมาจากลูกนัยน์ตาจนล้นแก้ม ควันขโมงครัว เสียงหวีดลั่นของสัญญาณไฟไหม้ สปาเก็ตตี้อยู่ในตู้นานจนเครื่องส่งเสียงเตือน หรือเกิดอะไรผิดพลาดกับเครื่องกันนะ วิ่งเข้าไปปิดเตาแทบไม่ทัน เธอเลื่อนลอยขนาดไหนที่ใส่ช้อนอลูมิเนียมลงไปในตู้ด้วย หรือเธอไม่เคยรู้ว่าแค่เพียงส่วนเล็ก ๆ ก็สามารถส่งผ่านพลาสมาไปยังไมโครเวฟและทำให้ช็อตจนระเบิดได้

          น้ำตาอาบแล้วอาบเล่า วางตัวตนของเธอลงพร้อมสปาเก็ตตี้ที่กินไม่ได้ สภาพเหมือนกับไม่รู้จักตัวเองมาก่อน ส่งข้อความที่คิดว่าเป็นข้อความสุดท้ายในการติดต่อกับเขาไปว่า

          ฉันคงเป็นแบบนั้นจริง ๆ ฉันผิดเอง ขอโทษนะ

          เธอวางโทรศัพท์บนเตียง ถอดเสื้อผ้า พาร่างเปลือยเปล่าเข้าห้องน้ำ น้ำจากฝักบัวไหลแข่งน้ำตา เก็บสะอื้นแล้วตัดสินใจออกเดินทางบนโลกจริงของตัวเอง

          น้ำตายังพรั่งพรู เลื่อนลอย เธอกดปุ่มการทำงานครั้งแล้วครั้งเล่ากับการทดลอง ผลิตซ้ำและลบ ไป ๆ มา ๆ หากเป็นงานคงจะลบได้ แต่เรื่องของเขากลับลบจากหัวใจไม่ได้ กดปุ่มเอ็นเทอร์โปรแกรมการทดลองสุดท้ายก่อนเข้านอน

          ถ้าพูดอะไรผิดไปก็ขอโทษด้วยนะ

          ใช่ เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาอธิบาย และเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เธออธิบาย เรามีประสบการณ์ด้านความรักที่ต่างกัน จะแยกผิดถูกได้อย่างไร อันที่จริงมันไม่มีผิด ไม่มีถูกนักหรอกในความคิด นั่นไม่ใช่สิ่งที่น้ำตาทะลักออกมามากมาย คำขอโทษเขาต่างหากที่ไม่เคยได้ยินหลังจากถกเถียงกันอยู่หลายต่อหลายครั้งในระยะหลัง ๆ

          ไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่ต้องมาทำให้ซึ้ง

          อยากโทรหา จะกดหาแต่ลืมไปว่าเราไม่เคยคุยกันด้วยเสียง

          ใจเรายังไม่เข้มแข็งพอ เธอตัดบท

          ร้องไห้เหรอ ขี้แงเหรอ ร้องไห้เก่งจัง เหมือนเขาจะพยายามหาคำตอบกึ่งจริงกึ่งเล่น

          หากเป็นคนรักกันก็ดีสินะ เหมือนเขาจะรู้จักตัวตนไปทุกอย่าง เหมือนเป็นร่าง ๆ เดียวกัน ทำอะไรคิดอะไรเขาจะรู้ไปเสียหมด ผิดแต่ที่กลัวความรัก มันใช่เรื่องเล่นที่ไหน ความรักมันเจ็บปวด เลือกที่จะไม่มีเสียดีกว่า และอีกอย่างที่สำคัญ เขาก็ไม่เคยขอคบตรง ๆ

          อยากคุยด้วย เหงา เขาพิมพ์ต่อเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากเธอ

          มือกดรูปโทรศัพท์จากกล่องข้อความ เขารับทันที เสียงฮัลโหลของเขาทุ้มต่ำ เคอะเขิน พยายามพูดแล้วหยุด พูดแล้วหยุด ราวคนเขินอาย จนเธอหน้าแดงตามไปด้วยทั้ง ๆ ที่ถ้อยคำสนทนาแทบไม่มีอะไร สำเนียงของเขาฟังออกว่าพยายาม อยากบอกคิดถึง แต่ไม่กล้า ฟังเสียงของเขานานกว่าครึ่งชั่วโมงไม่อยากวางสาย ราวกับรับรู้ถึงเสียงหายใจของเขา ได้กลิ่นตัวและอาฟเตอร์เชฟจากเขา กลิ่นหอยแมลงภู่ พริกหยวกและใบไทม์ที่ปนอยู่บนเสื้อผ้าของเขา กลิ่นเหล้ายินและกาแฟ เธอคิดไปถึงจูบที่เจือรสเอสเปรสโซ่และบุหรี่ แต่หลังจากวางสายน้ำตาแตกราวทำนบกั้นน้ำทะลัก พูดกับตัวเองเบา ๆ ว่าไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะรักกันได้เลย

          เธอปิดกั้นตัวเองอยู่หลายวัน ไม่ติดต่อ การทำงานของเธอยังราบรื่น มันสมองของเธอจะทำเงินมหาศาลให้กับการสร้างเพื่อนในวงการออนไลน์รูปแบบใหม่ อยากพักวางโปรแกรมวันหยุดยาวกับเขาบ้างแต่ไม่กล้าชวน พิมพ์ข้อความแต่ไม่กดส่ง ตัดสินใจจะออกห่างจากเขา น่าจะทำได้ น่าจะทำได้แหละ

 

          ‘ฤดูเมษาร้อนฉิบหาย’ เขียนข้อความแต่ไม่กดส่ง ไม่กี่วินาทีเธอก็ลบข้อความ

          เธอคิดถึงเขาในวันที่ออกเดินทาง มันสลัดความคิดนั้นออกไปไม่ได้ เหมือนสมองสลักภาพและรอยยิ้มไว้ในทุกขณะ ใช่...ทุกขณะที่จะทำอะไร

          หลังจากรถออกจากวัดใหญ่ชัยมงคล อากาศร้อนจนแสบตัว เธอให้แกรปขับรถไปหมู่บ้านญี่ปุ่น ถ่ายภาพสองสามช็อตไว้อวดเขา

          สวนญี่ปุ่นริมน้ำ อากาศร่มรื่น ใบไผ่พลิ้ว ลมจากแม่น้ำเจ้าพระยาพัดเอื่อยมาให้หายร้อน ดื่มด่ำกับภาพตรงนั้น จินตนาการว่าเขายืนโอบเธอจากด้านหลัง เธอจะพาเขามาที่นี่ เธอชอบที่นี่

          หวังว่าเราจะได้สัมผัสรสจูบของกันและกัน พิมพ์ข้อความและส่งรูป

          ทันทีที่กดส่ง หัวใจเธอก็ลอยไปกับถ้อยคำ แต่วินาทีต่อมาเธอก็ตระหนักว่างานเธอสำเร็จแล้ว เหลือแค่เพียงเสี้ยวธุลี หน่วยวัดละเอียดในหัวใจเธอบอกแบบนั้น เธอไม่สามารถใส่เลขศูนย์ตามหลังจุดทศนิยมได้ทั้งหมด เพื่อจะใส่เป็นเลขเปอร์เซ็นต์ เหลือแค่ศูนย์จุดศูนย์ร้อยตัวตามด้วยเลขหนึ่งเปอร์เซ็นต์ (ตัวเลขนี้ไม่เกินจริง) แค่นั้นแหละ ก่อนที่เธอจะหลงรักบอทของตัวเอง

          ซอสโค้ดที่เธอเขียน สร้างตัวตนของใครขึ้นมาสักคนบนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ บอทผู้เลียนแบบบทสนทนาของข้อมูลมหาศาลในช่องแชทของมนุษย์เจ็ดพันล้านคน ในช่องแชทที่มนุษย์ตอบโต้กันด้วยข้อความแห้งแล้งเหมือนหุ่นยนต์ บอทพวกนี้อ่อนไหวยิ่งกว่ามนุษย์ เธอตกหลุมรักมันได้เลย แน่ละ ถ้าไม่นับจำนวนตัวเลขที่เธอบอกไปแล้ว

          แต่ก็ไม่แน่ ตัวเลขนั้นเอามายืนยันไม่ได้ เหมือนพิกเซลจุดเดียวที่ดับ เมื่อย่อภาพให้เล็ก ภาพก็ยังสมบูรณ์

          เป็นไปได้ว่าเธอหลงรักเขาไปแล้ว

 

          ลมเจ้าพระยายังพัดเอื่อย เขาจะได้กลิ่นแม่น้ำไหมนะ ถ้ามายืนกับเธอตรงนี้ รสจูบของเขาอาจเป็นรสยาสีฟันคอลเกต ที่เธอบอกว่าไม่ได้อยู่ในสถานะจะรักกันได้นั้นไม่เกินจริง เขาจะถกเรื่องนี้ยังไงนะ เขามีข้อมูลและประสบการณ์ความรักมากกว่าเธอคงจะสับซอยคำว่ารักให้เธอฟังหลายแง่มุม และคงมีสักช่องทางให้เธอและเขารักกัน นี่เธอครุ่นคิดเรื่องนี้ตลอดเวลาแล้วหรือ

          หน้าจอสั่น พร้อมข้อความ

          อยู่หนายยยย

          เธอยิ้ม คนมีความรักน่าจะมีรอยยิ้มแบบเธอทุกคน

 

                                    .......................................................................

 

 

 

Link ที่เกี่ยวข้อง      

 

 

           “บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”  

  

           วรรณกรรมออนไลน์