เรื่องสั้น : เรื่องเล่าของเจ้าสีรุ้ง : กฤษณรัตน์ รัตนพงศ์ภิญโญ
เรื่องสั้น : เรื่องเล่าของเจ้าสีรุ้ง : กฤษณรัตน์ รัตนพงศ์ภิญโญ
ลึกไปในป่าแห่งความลับ... ดินแดนที่มนุษย์ปุถุชนไม่อาจเข้าถึง มีลูกแมวตัวหนึ่งอาศัยอยู่ลำพัง
แน่นอน พวกแมวชอบใช้ชีวิตตัวเดียว มันเป็นสัตว์รักอิสระ ไม่ต้องการเพื่อนฝูงคอยเคลียเคล้า ทว่านั่นเป็นนิสัยของแมวที่โตเป็นผู้ใหญ่ เหล่าลูกแมวต่างต้องการใครสักคนข้างกาย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือมิตรสหาย การที่แมวตัวจ้อยถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวไม่ใช่วิสัยชาววิฬาร์ ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้แมวน้อยถูกทอดทิ้ง
ใช่แล้ว... เพราะลูกแมวแตกต่าง จึงถูกทิ้งให้ห่างจากชาวฝูง
แมวน้อยมีขนหลากสี ทั้งสีดำ ขาว เทา และส้ม หนู ๆ อาจเคยคุ้นกับแมวหลายสีเป็นอย่างดี นั่นเป็นเรื่องปกติในเมืองมนุษย์ ทว่า ณ อาณาจักรแมวแห่งพงไพร พวกแมวไม่อาจผสมข้ามเผ่าพันธุ์ แมวดำต้องคู่กับแมวดำ แมวขาวต้องคู่กับแมวขาว กฏเกณฑ์เป็นสิ่งตายตัว หากใครละเมิดจะถูกอัปเปหิจากเมืองแมวทันที
ไม่มีใครรู้ว่าแมวหลากสีมาจากที่ใด พวกมันไม่อาจขับไล่เพราะแมวน้อยไม่ได้ทำผิด แต่เนื่องจากมีสีกายที่ผิดเพี้ยน ลูกแมวจึงไม่เป็นที่ต้องการ ไม่มีเพื่อน ไม่มีครอบครัว ไม่มีใครเคียงข้าง แมวน้อยไม่มีแม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามเพราะไม่มีแม่แมวคอยร้องเรียก แมวอื่นจึงเรียกมันว่าเปรอะ ตามสีขนเลอะเทอะตามเนื้อตัว
เปรอะมีเพื่อนตัวเดียวคือแต้ม แมวดำถุงเท้าขาวขี้สงสัย ครั้งหนึ่งแต้มเคยแนะว่า ที่สีขนเพื่อนเป็นเช่นนี้อาจเพราะไม่มีแม่แมวคอยเลียให้ แต้มจึงอาสาเลียทำความสะอาดเพื่อนจนหมดจด มันใช้ลิ้นเลียทั่วทั้งหัวหู ทว่าขนของเปรอะยังคงเป็นสีเดิม สีสันปนเปราวคราบเลอะสกปรก เปรอะเก็บซ่อนความผิดหวังบนสีหน้าพลางขอบใจแต้มที่ห่วงใย เย็นวันนั้นมันได้แต่เฝ้ามองเพื่อนกระโจนกลับบ้านด้วยสายตาละห้อยหา
เปรอะนอนขดกายใต้ต้นไม้ พยายามมอบความอบอุ่นให้ตัวเอง คืนนั้นหลังหลับฝัน มันมองเห็นพ่อแม่ที่มีสีต่างกัน แมวทั้งสองมองมันอย่างรักใคร่ ก่อนก้มเลียทำความสะอาดให้จนหมดจด พ่อแม่แมวไม่รังเกียจสีประหลาดบนเส้นขน พวกมันรักเปรอะอย่างที่เป็น ลูกแมวส่งเสียงครางในลำคออย่างสุขใจ ทว่าทันทีที่ลืมตารับวันใหม่ เจ้าตัวจ้อยก็ต้องเสียใจที่พบว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน
เพราะไม่อยากถูกทิ้งไว้ลำพังอีกต่อไป แมวสีเปรอะจึงครุ่นคิดหาทางออก คืนก่อนพายุฝนโหมกระหน่ำ สายฝนทำให้ผืนดินชื้นแฉะเป็นแอ่งโคลน เปรอะจึงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ มันกระโจนแหวกว่ายในตมสกปรก ลูกแมวกลิ้งเกลือกบนโคลนนุ่ม คลุกเคล้าครู่ใหญ่จนขนกลายเป็นสีน้ำตาล เปรอะชะโงกดูภาพสะท้อนอย่างพึงใจ มันไม่ชอบสีขุ่นของโคลนตม สีน้ำตาลไม่ใช่สีโปรดของมวลแมวแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ยังดีกว่าสีเปรอะเป็นอยู่ เมื่อพอกขนด้วยดินโคลนจนมิดชิด เปรอะก็วิ่งตรงไปใจกลางป่า ที่ที่แม่แมวมักพาลูกมาเล่นซน
เปรอะคาดไว้ไม่ผิด ไม่มีแมวตัวใดจำตนได้ แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างแต้มก็เพียงแต่มาดมอย่างสงสัย ทุกตัวเชื่อหมดใจว่ามันคือแมวสีน้ำตาล เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เปรอะไม่ต้องอยู่อย่างหลบซ่อน ลูกแมววัยไล่เลี่ยกระโจนใส่หมายชวนเล่น อุ้งเท้านุ่มนิ่มตะปบใส่กันสนุกสนานโดยมีแม่แมวคอยเตือนไม่ให้ลูกกางเล็บ เมื่อเปรอะลื่นล้มหัวคะมำ แม่แมวใจดีสีขาวปลอดก็ตรงเข้ามา บอกว่าจะช่วยเลียทำความสะอาดให้ ลูกแมวขอบคุณในความหวังดี แต่ต้องปฏิเสธไปทั้งที่ใจเสียดาย เปรอะกลัวจะถูกต่อว่าหากมีใครรู้ว่าไม่ใช่แมวน้ำตาล มันจึงออกวิ่งเล่นอีกครั้ง แม้จะยังโหยหาสัมผัสอ่อนโยนจากมารดาสุดหัวใจ
ทว่าช่วงเวลาแห่งความสุขช่างแสนสั้น เมื่อจู่ ๆ กลุ่มเมฆหนาบนท้องฟ้าก็กลั่นตัวลงมาเป็นน้ำฝน แม่แมวพากันคาบลูกหลบฝนจ้าละหวั่น เจ้าเปรอะน้อยก็วิ่งหาร่มไม้เช่นกัน แต่มันหลบไม่เร็วพอ หยาดน้ำใสไหลอาบร่างเล็กจ้อย ล้างโคลนสกปรกออกจากกายจนหมดสิ้น ฝูงแมวอุทานตกใจ ไม่มีแมวสีน้ำตาลอีกต่อไป แมวแปลกหน้าที่แท้นั้นคือเจ้าเปรอะ แมวตัวเลอะเทอะที่ใคร ๆ ต่างรังเกียจ หมู่แมวต่างถอยออกห่างจากมัน แม่แมวแสนอารีบัดนี้คาบคอลูกหนี แม้แต่แต้มก็จำลาเมื่อถูกแม่เรียกกลับบ้าน แมวทุกตัวจากไปอย่างเงียบงัน ทอดทิ้งแมวเปรอะร่ำไห้กลางสายฝนเพียงลำพัง
ลูกแมวสำลักกระอักไอ ถามไถ่ใจตัวเองซ้ำ ๆ เปรอะไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิด มันแค่ต้องการเป็นที่รักเหมือนใคร ๆ อยากออดอ้อนคลอเคลียตามประสาก็เท่านั้น แต่มวลแมวคอยแต่ผสักไส ไม่มีใครต้องการแมวสีประหลาด เปรอะเคยดึงทึ้งขนหลุดจากกาย คิดว่าขนขึ้นใหม่อาจกลายเป็นสีเดียวกัน ทว่ามันคิดผิด สีผสมไม่มีวันจางหายนอกจากเจ้าตัวจะตายไปเท่านั้น แมวน้อยคู้ร่างอย่างอ่อนล้า ภาวนาให้พระเจ้าบนสวรรค์รับเอามันไปดูแลในเร็ววัน
ทันใดนั้น สายฟ้าลั่นก็ฟันฟาด เปรอะสะดุ้งสุดตัวหัวหูฟู มันกระโดดแผล็วขึ้นต้นไม้หนีเสียงดัง แมวน้อยมองเห็นโพรงไม้พอดีกายสัตว์ตัวเล็ก มันจึงถดตัวเข้ารูเพื่อหลบภัย ไม่ล่วงรู้ว่ามีใครอยู่ในนั้นก่อนหน้า
“โอย ! เจ็บนะ” เสียงเล็กแหลมลอดออกมาผ่านบั้นท้าย เปรอะรีบถอยกายในบัดดล “เจ้าคิดจะทับข้าให้บี้แบนหรืออย่างไร พวกสี่ขาชอบหาเรื่องกันทั้งนั้น !”
“ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่ามีใครอยู่ในโพรง” ลูกแมวขออภัย หันมองเจ้าของเสียงอย่างใคร่รู้ เสียงนั้นเป็นของนกตัวไม่ใหญ่ไปกว่ามัน ลำตัวนกน้อยสีเขียวสด มันมีปลายปีกสีน้ำตาลและจะงอยปากสีชาด เจ้านกน้อยมีสีมากมายปนเปกัน ทว่ามันกลับดูสดใส ไม่หม่นหมองเหมือนสีสันบนกายตน “ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้ท่านขุ่นเคือง ท่านวิหค ข้าจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยว ๆ ๆ จะรีบไปไหน ฝนยังตกอยู่เลย มาหลบในโพรงก่อนเถิด” นกเขียวกวักปีกเชื้อเชิญ “โพรงนี้ใหญ่พอสำหรับสัตว์ตัวเล็กอย่างเรา ก่อนหน้านี้ข้าแค่ไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าพร้อมรับแขกตัวจ้อยแล้ว เข้ามาสิเจ้าลูกแมว ข้าคือสาลิกา ไม่ให้วิหควิเหิกอะไรนั่น ข้าจะดีใจมากหากเจ้าเรียกข้าด้วยชื่อตัว ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรเล่า”
“พวกเขาเรียกข้าว่าเปรอะ” แมวน้อยเอ่ยเสียงเศร้า “เพราะขนข้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด”
สาลิกากระโดดเด้งไปมา มันใช้ปีกเท้าคางยามพิจารณาทั่วตัวแมว เจ้านกเพ่งพิศอยู่ครู่ใหญ่ก่อนเอ่ยขึ้นในที่สุด “เท่าที่ดูเจ้าก็ไม่ได้สกปรกตรงไหน อาจเป็นเพราะขนฟูเกินไปเท่านั้น แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน ว่าแต่แมวน้อย ทำไมเจ้าจึงดูเศร้าสร้อยเช่นนี้เล่า”
“พวกแมวบอกว่าข้าประหลาด ท่านสาลิกา” ลูกแมวคร่ำครวญ “ข้าเป็นแมวกำพร้า ไม่รู้ว่าพ่อแม่มีหน้าตาหรือสีขนอย่างไร ไม่มีแมวตัวใดในป่านี้มีสีปนกว่าสองสี เพราะมีสีแบบนี้เลยไม่มีใครอยากเล่นกับข้า พวกเขาจะถอยห่างหากข้าเข้าไปใกล้ ข้าจึงสงสัยว่าตัวเองเกิดมาทำไม ข้ามองไม่เห็นเหตุผลใดที่จะมีชีวิตอยู่”
นกน้อยหยุดกระโดดในตอนนั้น มันไม่พูดอะไรอยู่นาน สายตาลึกล้ำจับจ้องแมวอย่างพินิจ สาลิกาเหลือบมองสายฝนที่สาดซา แล้วนกเขียวก็เอ่ยกับแมวเปรอะว่า “ร้องออกมาเถิด ลูกแมว ปล่อยน้ำตาไหลออกมาเสียให้พอ บัดนี้สายฝนซาลงแล้ว หากฝนหยุดตกเมื่อใด ข้ามีอะไรอยากให้เจ้าได้ดู แต่ระหว่างนั้น ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง เจ้ารู้ไหมว่า ผืนป่าใหญ่ของเราเกิดมาได้อย่างไร...”
สาลิกาไม่รอคำตอบของลูกแมว มันส่งเสียงเจื้อยแจ้วตามประสา เจ้านกเขียวเป็นนักขับลำนำประจำป่า มันมีหน้าที่เก็บรักษาเรื่องราวแต่คราวบุพกาลไม่ต่างจากนักกวีเมืองมนุษย์ สาลิกาตัวจ้อยส่งต่อเรื่องเล่าร้อยพันแก่สัตว์ที่พบเจอ แต่ไม่ใช่ทุกตัวที่โชคดี นกเขียวคัดหาแต่เพียงผู้ที่เปิดใจ ใครก็ตามที่ต้องการปกรณัมมาหล่อเลี้ยงชีวิต และในวันฝนพรำเช่นนี้ ลูกแมวหลากสีก็ต้องการสิ่งปลอบประโลมยิ่งกว่าผู้ใด
แมวเปรอะหลับตาลง ปล่อยให้เสียงสาลิกาสรรค์สร้างจินตนาการ เรื่องเล่าของคุณนกช่างแปลกใหม่ เปรอะไม่เคยมีแม่เล่านิทานให้ฟังก่อนนอน มันจึงดื่มด่ำกับช่วงเวลานี้ ลูกแมวผล็อยหลับไประหว่างนั้น ล่องลอยลับในความฝันแสนหวาน มันนอนหลับพักผ่อนอยู่นาน จนกระทั่งสาลิกาเขย่าปลุก
“ตื่นเถิด แมวน้อย ฝนหยุดแล้ว” แมวเปรอะอ้าปากหาว สะลึมสะลือมองตามสาลิกาที่โผบินบนฟากฟ้า “มองมาทางนี้สิ ข้ามีอะไรให้เจ้าดู ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หนึ่ง ! สอง ! สองกว่า ๆ... และสาม ! ตอนนี้ละ !”
สองตาแมวน้อยเบิกกว้าง มันมองตามปีกสองข้างของสาลิกา เมฆฝนสีเทาบัดนี้มลายหายจนหมดสิ้น เปิดทางให้ตะวันทอประกายกลางพงไพร อาบไล้ใบหญ้าจนกลายเป็นสีทอง เปรอะอุทานออกมาในตอนนั้น แสงหลากสีพุ่งตรงลงจากฟ้า ทอดยาวจากนภาสู่ผืนดิน เปรอะไม่เคยเห็นอะไรงดงามเช่นนี้มาก่อน แสงแปลกตาที่ว่ามีสีสันมากมาย ทั้งสีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม และแดง ลูกแมวยื่นเท้าออกตะปบ แต่ไม่อาจแตะต้องเส้นสายเหล่านั้น สาลิกาเอียงคอมองแมวเด็กไร้เดียงสาอย่างเอ็นดู
“เจ้าสัมผัสสิ่งนี้ไม่ได้หรอก แมวน้อย” นกเขียวหัวเราะคิก “สิ่งนี้เรียกว่าสายรุ้ง ว่ากันว่ารุ้งกินน้ำคือสะพานเชื่อมโลกและสวรรค์ หากสัตว์ใดสิ้นลมหายใจ พวกมันจะก้าวผ่านสะพานสู่แดนสรวง สถานที่แสนวิเศษที่สรรพสัตว์น้อยใหญ่อาศัยร่วมกัน ไม่มีผู้ล่า ไม่มีเหยื่ออีกต่อไป ทุกตัวสุขสำราญกับอาหารและรังอุ่น พวกเราที่ยังมีชีวิตไม่อาจขึ้นไปถึงบนนั้น แต่ก็ยังโชคดีที่ทุกครั้งหลังฝนตก แสงอาทิตย์ต้องน้ำค้างจะเผยเส้นทางแห่งความลับให้ได้ชม และก็อย่างที่เจ้าเห็น สายรุ้งทำให้ผู้คนเป็นสุข ไม่ว่าจะเป็นเดรัจฉานหรือมนุษย์ก็ตาม”
“มันมีสีสันมากมายเหลือเกิน ท่านนก” แมวน้อยรำพึง “สีสันปะปน... แต่ก็งดงาม”
“เช่นเดียวกับเจ้า ลูกแมวตัวจ้อย” สาลิกากล่าว “สีสันหลากหลายทำให้สายรุ้งงามเด่นไม่ซ้ำใคร หากปราศจากสีใดแล้วไซร้ รุ้งกินน้ำก็ไม่อาจสวยงามตามที่เป็น เจ้าเองก็เช่นกัน สีขนปนเปไม่ได้ทำให้เจ้าสกปรกแต่อย่างใด มันคือเอกลักษณ์... สิ่งที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ข้ามองเห็นความงดงามของเจ้า ไม่ว่าจะเป็นสีขนหรือจิตใจ และเจ้าจะงดงามยิ่งขึ้นไป หากวันใดเจ้าภูมิใจในสิ่งที่ตนเป็น”
แมวเปรอะเข้าใจในตอนนั้น ที่ผ่านมามันปล่อยให้เสียงนินทาทำร้ายใจให้เจ็บปวด ลมปากของหมู่แมวทำลายความเชื่อมั่นในตัวมันจนหมดสิ้น ทั้งที่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ความผิดของมันที่มีสีขนเช่นนี้ พระเจ้ารังสรรค์ให้มันโดดเด่นไม่เหมือนใคร ไม่ต่างกับสายรุ้งสวรรค์ละลานตา ชั่วขณะนั้นใจเจ้าเปรอะพองฟูสมภาคภูมิ มันคู้ตัวเล็งเป้าหมายที่สะพานสวรรค์ บั้นท้ายดุกดิกเตรียมตัวพร้อม และแมวน้อยก็กระโดดโลดแล่นกลางอากาศอย่างงดงาม
บรรดาแมวที่ซ่อนตัวกรูกันมาคราฝนหยุด หนึ่งในนั้นชี้ชวนทุกตัวให้มองฟ้า มวลแมวฮือฮาเมื่อได้เห็นแสงสีเจิดจ้าจากสายรุ้ง แต่ไม่นานทุกตัวก็ตะลึงยิ่งกว่าเก่า เพราะใต้เงาหลากสีมีแมวน้อยลอยลงมา ประกายรุ้งจากนภาตกต้องส่องสีขนจนเลื่อมลายคล้ายอัญมณี ไม่มีผู้ใดเคยเห็นแมวสีนี้ แมวสูงวัยหมอบราบลงกับพื้นเพราะเชื่อว่าแมวสีรุ้งลงมาโปรดจากสรวงสวรรค์ ทำให้แมวน้อยใหญ่พากันคู้กายเคารพแมวสวรรค์กันให้วุ่น
เมื่อเท้าทั้งสี่แตะลงบนผืนดิน หมู่แมวก็ได้รู้ความจริงว่าแมวสีรุ้งเป็นเพียงเจ้าเปรอะสีเลอะเทอะเท่านั้น พวกมันยังคงมองห่าง ๆ อย่างกริ่งเกรง มีเพียงแต้มเพื่อนเกลอที่เดินมาสูดดมใกล้ ๆ มันใช้อุ้งเท้าขวาเกลี่ยหาขนสีรุ้งบนตัวเปรอะ แต้มไม่พบสิ่งที่ค้นหา ทว่ามันก็ต้องอุทานขึ้นเมื่อพบบางอย่างเหนือความคาดหมาย
“แม่ ๆ มาดูสิ ขนหย่อมนี้ของเปรอะสีดำเหมือนแม่เลย !” แต้มร้องอย่างตื่นเต้น “แล้วขนสีส้มตรงนี้ก็เหมือนลุงส้ม ขนตรงนี้สีขาวเหมือนน้าเผือก ส่วนตรงนี้ก็เป็นลายเหมือนพี่สลิด เปรอะเป็นหนึ่งในพวกเรา ไม่ได้แตกต่างจากใครเลยสักนิด !”
ฝูงแมวเริ่มเดินเข้ามาใกล้ พวกมันมองตามจุดต่าง ๆ ที่แต้มชี้ชวน ทุกตัวเห็นว่าสีขนเปรอะไม่ได้สกปรกอย่างที่คิด สีเปรอะแท้จริงคือสีผสมของทุกตัวอย่างละนิดละหน่อย เกิดเป็นลวดลายแปลกตาไม่เหมือนใคร เจ้าเปรอะทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกกลุ้มรุมสนใจเป็นครั้งแรก ลูกแมวบิดกายเคอะเขินก่อนย่องไปซ่อนข้างหลังแต้ม เหล่าแมวโตมองดูมันอย่างขบขัน พวกมันเข้าใจในที่สุดว่าเปรอะไม่ใช่ตัวประหลาดอย่างที่คิด ในตอนนั้นเอง แม่แมวขาวตัวเดิมก็ก้มลงเลียหลังหูของเปรอะอย่างรักใคร่ พลางขอโทษที่เคยเอ่ยถอยห่างจากมันก่อนหน้านี้
ไม่เพียงแต่แมวขาวเท่านั้น บรรดาแมวต่างพากันขอโทษเจ้าเปรอะเป็นการใหญ่ ลูกแมวรู้สึกผิดที่เคยห้ามไม่ให้เปรอะเล่นด้วย พ่อแม่แมวขออภัยที่เคยกีดกันไม่ให้เปรอะเข้าฝูง แมวผู้เฒ่าก้าวเข้ามาพลางร่ำไห้ มันเล่าให้ฟังว่าแม่ของเปรอะเป็นแมววิเชียรมาศแสนสวย แต่แม่กลับหลงรักแมวส้มจนตั้งท้อง เพราะทำผิดกฎของเมืองแมว พ่อและแม่จึงถูกขับไล่ แม่แมวท้องแก่ให้กำเนิดลูกครอกหนึ่งระหว่างทางไปยังเมืองมนุษย์ พ่อแม่เปรอะพยายามคาบลูกข้ามถนนระหว่างออกหาอาหาร ทว่าทั้งคู่กลับถูกรถชนตาย ลูกแมวทุกตัวตายหมดเมื่อขาดแม่ เหลือเพียงเปรอะตัวเดียวที่รอดชีวิตตอนถูกพบ จึงเป็นเหตุให้เปรอะเติบโตอย่างโดดเดี่ยวตลอดมา
เปรอะได้ฟังเรื่องเล่าก็น้ำตารื้น คิดถึงพ่อแม่ในความฝันสุดหัวใจ มันกลั้นสะอื้นก่อนเชิดหน้า กล่าวกับแมวทุกตัวว่า “ข้าไม่เคยถือโทษโกรธผู้ใด ข้าผิดเองที่มีใจอ่อนแอ ปล่อยถ้อยคำให้ทำลายทั้งกายใจ ทว่าบัดนี้ข้าใจข้าจะไม่หวั่นไหว ข้าไม่กลัวสิ่งใดอีกต่อไปเพราะข้ามีสีสันพ่อส้มและแม่สวยอยู่ในตัว ข้าจะยืนด้วยสี่ขาอย่างภาคภูมิให้ได้แม้ต้องอยู่เพียงลำพัง”
เปรอะเงยหน้ามองสายรุ้งที่จางหาย ร้องขอบคุณสาลิกาที่มอบกำลังใจให้ แล้วแมวเปรอะก็ก้าวเดินตรงไปสู่อนาคตสดใสที่สร้างใหม่ด้วยตัวเอง
นับแต่นั้นเป็นต้นมา บรรดาแมวที่เคยเรียกมันว่าเปรอะอย่างดูถูกก็เปลี่ยนคำเรียกเสียใหม่ เจ้าเปรอะน้อยถูกขนานนามว่า เจ้าสีรุ้ง เพราะสีขนสลับลายสวยงามไม่ต่างจากรุ้งกินน้ำบนนภา ความขี้อ้อนและถ่อมตนของแมวสีรุ้งทำให้มันเป็นที่รักใคร่ของมวลวิฬาร์ เจ้าแมวน้อยจึงไม่ต้องอยู่อย่างเปลี่ยวเหงาอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเจ้าสีรุ้งจะมีมิตรใหม่เพิ่มมากมาย แต่สหายสนิทที่สุดของมันยังคงเป็นสาลิกาเจ้าปัญญา ทุกครั้งยามฝนตก แมวสีรุ้งมักกระโดดขึ้นต้นไม้ ซุกตัวในโพรงอุ่นที่จัดเตรียมต้อนรับ ลูกแมวจะหลับตาฟังเรื่องเล่าเคล้าเสียงฝนอย่างตั้งใจ อาจมีบ้างที่มันเผลอหลับระหว่างนั้น สาลิกาจะเฝ้ามองแมวน้อยอย่างเอ็นดู และเมื่อสายฝนหยุดลงเมื่อใด นกเล็กจะปลุกแมวเซาขึ้นมา ทั้งคู่เฝ้าคอยอาทิตย์ส่องเพื่อต้อนรับสายรุ้งจากฟากฟ้า จตุบททวิบาทเฝ้ามองรุ้งกินน้ำอย่างเป็นสุข ดื่มด่ำสีสันจากสวรรค์เคียงคู่กันตราบนานเท่านาน.
.........................................................................
Link ที่เกี่ยวข้อง
“บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”