เรื่องสั้น : เข้าไปในเสียงสายลมจากฮานอย : ศิริ มะลิแย้ม

เรื่องสั้น : เข้าไปในเสียงสายลมจากฮานอย : ศิริ มะลิแย้ม

 

            1

            ถ้าบอกจะมีใครเชื่อไหมว่า เมื่อจ้องมองดวงตาคำฮ่อจะเห็นนกตัวหนึ่งบินจาก ฮานอย ฮิลตัน ไป วอชิงตัน ดี.ซี. แล้วกลายร่างเป็นเชลยศึกสงครามเวียดนาม เดินยืดอกอยู่ในตึกเพนตากอน ด้วยท่าทีองอาจ สง่าผ่าเผย โดยไม่มีใครรู้ว่าอินทรธนูประดับดาวสวมมงกุฎบนบ่าเป็นยศที่กองทัพมอบให้คนตาย

            แต่ได้โปรดอย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่าย ๆ  เหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นหรอก

            อย่าเชื่อใคร โง ดินห์ เดียม น่ะหรือที่ขอให้อเมริกาโปรยสารกำจัดวัชพืชใส่ประเทศตัวเอง ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นไม่เคยมีกฎหมายที่ไหนห้ามโจมตีป่า แต่ถึงไม่มีกฎหมาย จอห์น เอฟ. เคนเนดี ก็คงไม่อนุมัติให้เริ่มปฏิบัติการหรอก แต่เรื่องอเมริกาสนับสนุนกองทัพให้ทำรัฐประหารรัฐบาล โง ดินห์ เดียม เป็นเรื่องจริง

ยี่สิบวันหลังจาก โง ดินห์ เดียม ถูกฆ่า จอห์น เอฟ. เคนเนดี ก็ถูกลอบสังหาร สิบหกวันต่อมา

            จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ถึงแก่อสัญกรรม แต่สามบุคคลนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคำฮ่อหรอก

            คำฮ่อเป็นใครน่ะหรือ บางทีเรื่องนี้อาจต้องถามพ่อใหญ่เข่ง

 

            2

            แสงไฟจากโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ยังสว่าง อีกราวครึ่งชั่วโมงไฟจะดับอัตโนมัติ จากใต้ชายคาสังกะสี พ่อใหญ่เข่งนั่งอยู่ข้างตะกร้าใบเขื่อง แอบเข้าไปลักไข่หลายวันแล้ว ได้ติดมือไม่ถึงสิบฟอง ลูกสะใภ้เก็บไปส่งร้านค้ากลางหมู่บ้านแทบไม่เหลือรองก้นรัง คืนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะบอกคำฮ่อว่าอย่างไร

            ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกชายสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างกรมชลประทาน คืนนั้นพ่อใหญ่เปิดหีบโบราณ ช้อนชุดข้าราชการกรมชลขึ้นวางบนตัก สายน้ำตารินไหลตามริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า หยดแหมะลงบนชุดสีกากีหม่น ความเงียบครองบรรยากาศรอบกาย ไม่มีแม้เสียงสายลมพลิกใบพวงแสดซึ่งเลื้อยเป็นซุ้มบันได เสียงแมลงกลางคืนก็ไม่มี ไก่ในโรงเรือนริมเขื่อนก็เข้านอนตั้งแต่หลังไฟปิดอัตโนมัติ

            ทว่าชั่วประเดี๋ยวต่อมาสายลมวูบหนึ่งก็พัดออกจากหีบ แว่วยินเสียงกระซิบกระซาบเบา ๆ สายลมมีกลิ่นฉุนทำให้แสบจมูก พ่อใหญ่โน้มตัวเข้าไปใกล้ ไม่ขยับเขยื้อน รอฟังเสียงสนทนาอย่างตั้งใจ

            ราวครึ่งชั่วโมง พ่อใหญ่แนบใบหน้ากับหีบ รอคอยราวกับเป็นเสียงมิตรภาพอันแสนงดงามหวนกลับมาพบหลังห่างหายไปหลายสิบปี รออย่างมีหวัง ไม่มีท่าทีประหลาดใจ มีแต่พ่อใหญ่เข่งและแม่เท่านั้นที่เคยได้ยินเสียงพูดคุยจากหีบใบนี้

            ทว่าไม่มีเสียงใดเล็ดลอดมาอีก มีแต่กลิ่นสาบโชยอ่อน ๆ

            “ผู้ใด๋ล่ะ ได้ยินเสียงข้อยบ่”

            รอบกายยังเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของหีบโบราณ พ่อใหญ่วางชุดสีกากีลงในหีบ ปิดแล้วล็อกกุญแจแน่นหนา ก่อนหันมองบานตู้เสื้อผ้าซึ่งบานกระจกแตกทแยงมุมไปกว่าครึ่ง

            เมื่อต้นเดือน แม่ไก่ตัวหนึ่งหลุดออกจากโรงเรือน หากินลำพังนานเกือบสองสัปดาห์ ยามเช้ามันขึ้นไปคุ้ยหาที่วางไข่บนเรือน ขี้เต็มพื้น กระทั่งวันหนึ่งพ่อใหญ่ขว้างมันด้วยตะบันหมากทองเหลือง ไม่โดนไก่หรอก แต่โดนบานกระจกตู้

            ซิ่นหลายผืน และเสื้อถักสีขาวลายลูกไม้ของแม่แขวนในตู้เสื้อผ้า บานตู้เป็นกระจกแตกทแยงจากบนลงล่าง นับแต่แม่จากไปมันยังแขวนที่เดิมไม่เคยถูกย้ายไปไหน รูปถ่ายในกรอบไม้แขวนกับผนังสูงกว่าหลังตู้เล็กน้อย เป็นภาพพ่อใหญ่ในวัยเด็กนั่งบนมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ โดยแม่โอบไหล่ไว้ ครั้นเบนสายตาไปที่ประตู ธุงใยแมงมุมสีหม่นทิ้งตัวนิ่งอยู่กลางขอบวงกบ จินตนาการสร้างร่างแม่ขึ้นชัดระดับเอชดี ราวบรรจุรูปถ่ายหลายหมื่นรูปลงคอมพิวเตอร์ จากนั้นประมวลผลด้วยเทคโนโลยี ดีพเฟค เอไอ ไม่ว่าพ่อใหญ่กลับดึกแค่ไหน แม่ก็คอยเปิดประตูรับ

            “ที่นั่นลาวใช่ไหม ยังมีสงครามอยู่ไหม”

            เสียงชัดเจนราวจ่อปากที่ข้างหู พ่อใหญ่นิ่งงันอยู่ชั่วขณะ

            ย้อนนึกถึงตอนที่ได้ยินเสียงจากหีบโบราณครั้งแรก เป็นช่วงเวลาที่แม่พาพ่อใหญ่นั่งเรือจากสะหวันเขตข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งอุดรธานี ตอนขึ้นฝั่งจำได้แม่นว่ามีเสียงชายชราดังขึ้น พ่อใหญ่ในวัยเต็มหนุ่มตกใจ ทิ้งหีบลงพื้นที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้ผุ หีบเกือบกลิ้งลงน้ำ แต่แม่ที่เดินตามหลังห่าง ๆ คว้าไว้ได้ทัน เสียงสายน้ำโขงไหลแรงเซาะตามแก่งหิน พ่อใหญ่จับใจความไม่ได้เลยว่าแม่สนทนาอะไรกับหีบโบราณ ทว่าไม่นานนักแม่ก็หันมาจ้องหน้า กระทั่งพ่อใหญ่ย้อนกลับลงไปยกหีบ แม่ก็บอกแต่เพียงว่า เรารอดแล้ว

            แต่เสียงนี้เป็นชายหนุ่ม เจ้าของเสียงทุ้มบอกอีกว่าเขาถูกจับเป็นเชลยศึก ต้องการความช่วยเหลือ

            “ที่ยูเครนบ่ ไปได้จังใด๋ มีคนไทยไปรบด้วยบ่ รัสเซียบุกยูเครนขนาดนั้นสิไปเฮ็ดหยัง”

            พ่อใหญ่ฟังลูกสะใภ้บ่นเรื่องอาหารไก่ราคาแพงมาแรมเดือน รัฐบอกว่าเป็นเพราะรัสเซียทิ้งระเบิดใส่คลังธัญพืชในยูเครน เธอตะคอกเชิงประชดใส่หน้าจอทีวี จะบ้าหรือไง กว่าข้าวโพดสักหนึ่งเม็ดจะเดินทางจากยูเครนมาลงคอไก่ในโรงเรือน พวกมันก็หมดไข่ถูกแปรสภาพเป็นไก่เนื้อไปนานแล้ว

            “ไม่ใช่ยูเครน ยูเครนกับรัฐเซียก็คือโซเวียตจะรบกันได้ยังไง ตอนนี้พวกผมถูกจับอยู่ในเวียดนาม ที่ ฮานอย ฮิลตัน”

            คุยกันทั้งสับสนจนดึก ไม่ว่าพ่อใหญ่จะอธิบายอย่างไร อีกฝ่ายไม่เข้าใจ บอกหลายครั้งว่าสงครามในลาวและเวียดนามจบไปหลายสิบปีแล้ว อีกฝ่ายก็ยิ่งยืนยันว่าสงครามในเวียดนามยังไม่จบ หลักฐานอย่างหนึ่งก็คือยังมีเชลยที่ชื่อคำฮ่อ และเพื่อนทหารทั้งไทยและอเมริกันยังตกเป็นเชลยอีกนับไม่ถ้วน บอกไม่ได้ว่าเท่าไร

            ยิ่งดึกสายลมจากเขื่อนก็เริ่มโชยมา ธุงใยแมงมุมโยนตัวเล่นลมอย่างสนุกสนาน พวงแสดร้างดอก สะบัดใบแห้งทิ้งกลบรอยเท้าแม่ที่โคนต้น พ่อใหญ่เคยเห็นรอยมือของแม่ยังติดอยู่ตามเปลือกของลำต้น บางวันไร้สายลมรำเพยผ่าน กลิ่นแม่ยังอบอวลใต้ซุ้มพวงแสด มองเหม่อสักพักภาพแม่ปรากฏขึ้นตรงช่องประตู ก่อนพ่อใหญ่ฟุบหลับกับหีบโบราณจึงเข้าใจสถานการณ์

            เพียงชั่วโมงผ่าน สายลมเย็นก็ปลุกพ่อใหญ่ ครุ่นคิดเรื่องเชลยศึกทั้งงัวเงีย ให้ช่วยเหลือหรือ ใครจะอยากช่วย ไม่ใช่เพราะทหารเหล่านี้หรือที่ทำให้ต้องอพยพจากบ้านเกิด ช่างหัวพวกเขาเถอะ คงไม่เป็นไรหรอกหากทิ้งให้เป็นไปตามยถากรรม

            ผ่านคืนอันแสนมืดดำไปยากลำบากเหลือเกิน แม่โผล่มายืนที่ประตูใต้ธุงใยแมงมุมหลายหน เป็นแม่นั่นแหละที่พาพ่อใหญ่รอดชีวิตมาจากสงครามได้

            ใครจะคาดคิดว่าคำฮ่อเป็นอดีตที่ยังมีลมหายใจ เป็นตัวแทนของความหวังที่จะมีชีวิตรอด พ่อใหญ่ขอให้ลูกสะใภ้ช่วยค้นหาข้อมูลสงครามในลาวและสงครามเวียดนามให้ดู จึงได้รู้ว่าหลายสิบปีก่อนมีเชลยศึกถูกจับขังไว้ที่ ฮานอย ฮิลตัน ไม่นานนักพ่อใหญ่ก็รู้ว่าคำฮ่อไม่ใช่ชื่อจริง แต่เป็นชื่อจัดตั้งในสนามรบ เขาเป็นคนดัง ยูทูบหลายช่องนำเสนอเรื่องราวของเขาจนมียอดวิวนับแสน

            “คำฮ่อ เจ้าสิได้กลับบ้าน มีครอบครัว มีลูกสาวที่น่ารัก” พ่อใหญ่พูดเนิบช้าในกลางดึกของคืนที่ธุงใยแมงมุมทิ้งตัวนิ่ง

            “บอกให้คนมาช่วยแล้วใช่ไหม” ใครจะเชื่อคำพูดลม ๆ แล้ง ๆ ฟังก็รู้ว่าเป็นเพียงคำพูดให้กำลังใจ คำฮ่อรู้ดีว่าตัวเองเป็นหมัน เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมีลูก

            “บ่ได้บอกไผ แต่เจ้าสิรอดแน่ เชื่อข้อย”

            “จะรอดได้ยังไง จะอดตายกันหมดแล้ว พวกมันให้กินแต่ผักแต่หญ้า จะคุยกันก็ไม่ได้ พวกมันเอาทหารอเมริกันมาขังกั้นไว้”

            “แต่เจ้าสื่อสารกับทหารอเมริกันได้แม่นบ่ ด้วยรหัสลับอะไรสักอย่าง”

            คำฮ่อประหลาดใจ ความลับนี้เขาไม่เคยบอกใคร ทุกอย่างเป็นไปอย่างลับ ๆ ระหว่างสายลับเวียดนามใต้ คำฮ่อ และเพื่อนทหารอเมริกัน

            “ช่างเถอะ ตอนนี้ผมถูกขังเดี่ยวอยู่ จะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ช่วยส่งอะไรมาให้กินหน่อยได้ไหม ส่งชุดข้าราชการแบบนี้มาจะใช้ประโยชน์อะไรได้”

            พ่อใหญ่เข่งเปิดหีบออกด้วยความตกใจ ชุดสีกากียังวางอยู่ก้นหีบ ช่างแสนมหัศจรรย์ที่หีบใบนี้เหมือนประตูมิติเชื่อมโยงสองห้วงเวลาเข้าหากัน นอกจากเสียงเล็ดลอดมาได้แล้ว ยังส่งสิ่งของให้กันได้ด้วย ทว่ารู้อยู่แล้ว อย่างไรเสียคำฮ่อจะได้กลับมาสร้างตำนานรักอันแสนโรแมนติก ไม่เห็นจะต้องช่วยเหลืออะไร อีกใจหนึ่งก็ยังขุ่นเคืองพวกทหารที่ก่อสงครามบ้า ๆ ขึ้น ทำให้ต้องระเห็จเร่ร่อนมาไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนถึงเพียงนี้

            หากมีคนถามว่า ก่อนมาอาศัยอยู่ที่นี่มาจากไหน พ่อใหญ่จะตอบว่ามาจากเมืองอุบลฯ เคยยึดอาชีพขายหมูยออยู่ที่แก่งสะพือ แต่ก่อนหน้านั้นไม่ได้ขายหมูยอหรอก

            ไม่ว่าใครถาม พ่อใหญ่จะตอบเช่นนี้ แต่ถ้าหากถามต่อไปว่า ก่อนมาอยู่อุบลฯ เคยอยู่ที่ไหน พ่อใหญ่จะตอบว่าย้ายมาจากอุดรฯ กลางวันเป็นช่างไม้ กลางคืนปั่นสามล้อให้พวกไอ้กันนั่ง แล้วก่อนมาอยู่อุดรฯ มาจากไหน พ่อใหญ่จะรีบตอบอย่างมั่นใจว่าอพยพมาจากสะหวันเขต แล้วเล่าต่อไปว่าก่อนมาอยู่สะหวันเขตย้ายมาจากดานัง ออกมาจากมดลูกของหญิงสาวผู้พกวิชาทำหมูยอใส่ในเปลนมมาด้วย

            ย้ายมาจากดานัง เรื่องกลัวคอมมิวนิสต์ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่มีใครกลัวหรอก เรื่องกลัวว่าจะถูกฝ่ายเสรียึดครองประเทศเหมือนตอนฝรั่งเศสและญี่ปุ่นเข้ามาก็ไม่ใช่ แต่ที่หนีจากหลุมหลบภัยเป็นเพราะกลัวสงคราม แม่เล่าให้พ่อใหญ่ฟังว่า ตอนที่แม่เดินทางจากดานังมาสะหวันเขต ตอนนั้นเดินทางสวนกับเครื่องบินขนส่งเสบียงที่บินข้ามโขงมาจากฝั่งไทย

            ตั้งคำถามกับตัวเองอยู่หลายคืน หากไม่ช่วย คำฮ่อก็อาจไม่รอดกลับมาสร้างตำนานรักก็ได้

            ยิ่งได้รับรู้สาเหตุที่คำฮ่อถูกขังเดี่ยวยิ่งตกใจ มากกว่านั้น เขาถูกทรมานด้วยวิธีอันแสนโหด เคยอยู่ในคุกขี้ไก่ ถูกผูกข้อมือโยงไว้ นั่งคุกเข่าอยู่กับขี้เยี่ยวตัวเอง หัวเข่าเป็นแผลเมื่อไร เชื้อโรคพร้อมจะวิ่งพล่านในกระแสเลือดจนกลายเป็นพิษ

            เป็นเพราะคำฮ่อไม่ยอมรับว่าเขาเป็นทหาร จะยอมรับได้อย่างไรล่ะ จอมพล ถนอม ที่ขึ้นมาเป็นผู้นำแทน จอมพล สฤษดิ์ ไม่ได้สั่งหรอก แต่เพราะสนธิสัญญาเจนีวากำหนดให้ประเทศลาวเป็นกลาง ห้ามมีกองกำลังต่างชาติประจำการ เรื่องนี้ไม่ต้องถามพ่อใหญ่เข่ง ใครก็รู้ว่าเป็นอีกสมรภูมิหนึ่งของสงครามเย็น เพื่อนทหารทุกคนเขียนใบลาออกก่อนเข้าไปรบในลาว เป็นพลเมืองติดอาวุธสู้รบปกป้องอธิปไตยอยู่นอกประเทศ ไม่ได้บ้าจี้กับทฤษฎีโดมิโน่หรอก ความกลัวเรื่องประเทศในอินโดจีนจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์ไม่ใช่เรื่องจริง เรื่องมหาอำนาจอเมริกากับโซเวียตกำลังขิงใส่กัน อืม...ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าชิงความเป็นใหญ่กันต่างหาก นี่ก็ไม่ใช่เรื่องจริง เรื่องจริงก็คือคำฮ่อยังไม่ตาย และเขาต้องการความช่วยเหลือ

            ในที่สุดพ่อใหญ่ก็ตัดสินใจ แบ่งไข่ปอกเปลือกหย่อนลงในหีบส่งไปให้ทุกค่ำคืน กระทั่งวันที่คำฮ่อได้รับการปล่อยตัวจากห้องขังเดี่ยว ปัญหาใหญ่ก็เกิดขึ้น คำฮ่อเล่าว่า เขามีเพื่อนทหารทั้งอเมริกันและไทยจำนวนมาก อย่างน้อยคืนหนึ่งต้องมีไข่ต้ม 156 ฟอง พ่อใหญ่ต้องคิดหนัก ลำพังตัวเองยังต้องอาศัยกินกับลูกสะใภ้ อีกทั้งลูกชายไม่เอาไหนก็เพิ่งตกงาน

            เช้าวันหนึ่ง ผู้ใหญ่นั่งมองลูกชายพาเรือกลับเข้าฝั่ง ตั้งแต่ไม่ได้เป็นพนักงานกรมชลประทาน เขากลับมายึดอาชีพเป็นพรานปลาเหมือนเดิม กลางคืนไปลงข่ายดักปลา กลางวันไปนั่งห้างยิงปลาใหญ่ ช่วยเมียเก็บไข่ไก่บ้างเป็นบางวัน พ่อใหญ่มองเห็นลูกชายหิ้วปลาขึ้นจากเรือพวงใหญ่ก็นึกถึงคำฮ่อขึ้นมา ย้ำว่าให้ส่งไข่ต้มที่ปอกเปลือกแล้วไปให้ กินแล้วจะได้ไม่ต้องทิ้งซากให้ทหารเวียดนามเหนือจับได้ ปลาของลูกชายไม่มากพอจะหั่นชิ้น เราะก้าง ทอดแล้วยัดลงหีบส่งไปให้ คงไม่พ้นต้องขโมยไข่ในโรงเรือน

            หลายสัปดาห์ต่อเนื่อง ในยามบ่ายที่ลูกสะใภ้ออกไปส่งไข่ที่ร้านค้ากลางหมู่บ้าน พ่อใหญ่ลอบเข้าไปขโมยไข่ในโรงเรือน ไม่ช้าลูกสะใภ้ก็เริ่มบ่น ไก่ชุดนี้ทำไมหมดไข่เร็วนัก ทั้งปัญหาอาหารไก่ราคาแพงยิ่งทำให้เธอเครียด ลูกไก่ชุดใหม่โตไม่ทัน เธอทยอยเปลี่ยนไก่พันธุ์ไข่เป็นไก่เนื้อ เชือดวันละราวสิบตัว เอาไปส่งร้านค้ากลางหมู่บ้านบ้าง แยกชิ้นไปขายตลาดนัดบ้าง

            ไก่ในโรงเรือนลดลงเรื่อย ๆ ไม่นานพ่อใหญ่ก็ส่งไข่ต้มให้คำฮ่อได้วันละไม่ถึงยี่สิบฟอง พ่อใหญ่ไม่รู้จะทำอย่างไร พยายามช่วยแล้ว แต่ช่วยได้เท่านี้จริง ๆ แต่กระนั้นก็มั่นใจว่าเพื่อนทหารรวมทั้งคำฮ่อจะรอด มีหลักฐานในโลกออนไลน์มากมายบอกพ่อใหญ่เช่นนั้น

            อึดอัดแสนแต่บอกไม่ได้ เคยเผลอบอกไปแล้วแต่คำฮ่อไม่รู้จักยูทูบ เรื่องภรรยาคำฮ่อมีสามีใหม่และมีลูกแล้วล่ะ ใครจะกล้าบอก ใครจะรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ผ่านสามปีที่หายตัวไป ชื่อคำฮ่อก็ถูกสลักบนอนุสาวรีย์ผู้สละชีพเพื่อชาติ แต่พ่อใหญ่รู้ว่า เมื่อคำฮ่อกลับมา สามีใหม่จะยกภรรยาคืนให้ รวมทั้งยกลูกสาวตัวเองให้ด้วย

            พ่อใหญ่เหม่อมองไปยังผืนน้ำเขื่อน เช้านี้ลูกชายยังไม่กลับ ธุงใยแมงมุมไกวลมเบา ๆ ไม่กระปรี้กระเปร่าคล้ายเพิ่งตื่น พวงแสดไกวยอด สะบัดใบเบา ๆ วันใดสายลมหักกิ่งก็ใจหาย คล้ายกับว่ารอยมือของแม่จะสูญสลายไปด้วย พ่อใหญ่จำได้ว่าหลังอเมริกาถอนทัพออกจากอุดรฯ ก็เลิกปั่นสามล้อ ยึดอาชีพช่างไม้เป็นงานหลัก ก่อนหันมาช่วยแม่ทำหมูยอขาย ไม่นานหลังจากนั้นเพื่อนกรรมกรชวนไปทำงานที่ซาอุดีอาระเบีย แต่แม่ห้ามไว้ ตอนนั้นแม่มีเงินเก็บพอควร บอกว่าต้องการตามหานายช่างคนหนึ่งซึ่งซื้อหีบโบราณไปจากแม่เมื่อหลายปีก่อน ข่าวว่าเขามาคุมคนงานสร้างเขื่อนที่จังหวัดอุบลราชธานี

            “คงไม่ได้คุยกันอีกแล้ว ขอบคุณมาก ๆ ที่ช่วยเหลือผม” คำฮ่อพูดขึ้นในวันที่ได้รับอิสรภาพ

            “บ่เป็นหยัง รู้ไว้เถอะหลังจากนี้ชีวิตเจ้าสิมีแต่สุข ไม่ต้องเผชิญกับสงครามอีกเลยตลอดชีวิต”

            แม้ทั้งพ่อใหญ่เข่งและคำฮ่อจะโศกเศร้าเสียใจเพียงไหนก็ตาม แต่หลังจากวันนั้น หีบโบราณและประตูมิติยังสื่อสารถึงกันตลอดมา กระทั่งคำฮ่อกลายเป็นอดีตที่ไร้ลมหายใจ

 

            3

            นกตัวนั้นกลายร่างเป็นเชลยศึกสงครามเวียดนาม เดินยืดอกอยู่ในตึกเพนตากอน ไม่ช้านกอีกสองตัวก็บินมา กลายร่างเป็นภรรยาและบุตรสาว เดินเคียงกันไป

            คนทั้งโลกรู้จักสงครามเวียดนาม ต่างก็รู้ว่าไม่เคยมีฐานทัพอเมริกาที่อุดรฯ ทุกฐานทัพในประเทศชักธงชาติไทยทั้งนั้น ทว่าหากจ้องมองเข้าไปในดวงตาคำฮ่อจะเห็นชาวเวียดนามตะโกนว่า นั่นเป็นสงครามอเมริกาต่างหาก เครื่องบินบริษัทแอร์อเมริกาไม่ใช่หรือที่บินข้ามโขงมาจากฝั่งไทย

            หลังสงครามอเมริกาสงบ เฉพาะเชลยศึกที่ยอมรับว่าเป็นทหารเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน เพื่อนทหารอเมริกันถูกส่งตัวกลับประเทศ คำฮ่อยังคงถูกขังในเวียดนามเหนือเช่นเดิม

            สนธิสัญญาเจนีวาจะคุ้มครองพวกเขาในฐานะเชลยศึก แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่ามีทหารไทยไปรบในสงครามอเมริกา คำฮ่อไม่เคยปริปาก ทุกเรื่องราวต้องเก็บเป็นความลับ นานหลายเดือนกระทั่งเพื่อนทหารอเมริกันรวมตัวกันแจ้งข่าวต่อรัฐบาลให้ช่วยตามหา ในที่สุดจึงนำไปสู่การเจรจาและปล่อยตัวคำฮ่อ

            อย่างที่บอก ทุกเรื่องราวต้องเก็บเป็นความลับ แม้แต่เรื่องราวประตูมิติของพ่อใหญ่เข่งที่เปิดขึ้นยามดึกข้าง ๆ ตัวเสมอ คำฮ่อก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง.

 

                                                                                                อุทิศแด่ พ.อ. ชัยชาญ หาญนาวี

                                                                                                วีรบุรุษไทยในเพนตากอน

 

 ...............................................................

 

 

 

Link ที่เกี่ยวข้อง      

 

 

           “บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”  

  

           วรรณกรรมออนไลน์