เรื่องสั้น : ราคะอาลัย :สันติสุข กาญจนประกร

เรื่องสั้น : ราคะอาลัย :สันติสุข กาญจนประกร

 

            “ได้โปรดคิดถึงฉันในวันสติบริบูรณ์เถิด อย่าห่วงหาฉันในวันสายสูญเสียแล้ว”

 

            เครือคลุมคือผีตนสำคัญอันสูงส่งเงาจางรางสลัวเหนือหัวมัวเมาในอาลัย คือปีศาจประชานิยมทางวรรณกรรมทำราวหากแถลงจนกระจ่างจักกลายกลืนนักเขียนกระจอก

            รังไหมยุ่งเหยิงแห่งเรื่องราวชีวิตสามเส้าใครจับวงแหวนดาวเสาร์เหวี่ยงหวือรอบกายพวกเขา หนึ่งคือเด็กหนุ่มรุ่นเลยกระเตาะไกลโข หนึ่งคือหญิงใกล้เกษียณรูปโฉมโนมพรรณสะคราญจากดูแล อีกหนึ่งคือชาย เอกอัครราชทูต กรุงวอชิงตัน เส้นเรื่องชวนปวดเศียรเวียนเกล้ากองไฟราคะบ่นโขมงควันลมราคะเป่าระริกร่าน

             รามณรงค์จงจำชื่อเขาคือตัวละครสำคัญในเรื่องสั้นชิ้นนี้ เกิดในครอบครัวยากจนข้นแค้นจบการศึกษานิติศาสตร์ธรรมศาสตร์เป็นหนึ่งในนักวิชาการ คณะนิติราษฎร์ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ผู้ก่อตั้ง รามณรงค์รังเกียจรัฐประหารเข้าไส้ชิงชังพวกไม่มีกระดูกสันหลังตั้งตรง ก่อนหยิบตนเองมาวางแหมะในสัมพันธ์พิลั่นพิลึก

            ชดช้อยนามขานภรรยาท่านทูตประคองประคับพยุงชีวิตในโหยหาอาลัยเขม่าแตกเสี่ยงความทรงจำเปรอะเปื้อนเนื้อกายและจิตวิญญาณ เคยสมรสสมรักบัดนี้แม้นเสี้ยวเกี่ยวกันและกันไม่เหลือสาบสูญอาดูรเต้นรำในเพลงแจ๊สหม่นไหม้ ฉงนฉงายตนประพฤติผิดใดนักหนาหนอรอคอยห่วงหาอาทรจากคนหนุ่ม

            เดือนเว้นเดือนเอกอัครราชทูตสุรเกียรติ์เหินข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาหาภรรยาตน ซุกซนบนเรือนกายกลายเปลี่ยนสู่ผืนดินแตกระแหงกำแพงทึบทึมเทาเหี่ยวเฉาโฉบขึ้นขึงขัง ลังเลมานานควรหย่าขาดเลยดีไหม คนเราเมื่อสงสัยในสัมพันธภาพฉาบปูนกำแพงยิ่งตระหง่านตระหนักตระหนก รกรุงรังฝังมิดเคยออดอ้อนออเซาะ

 

            -1-

            ผมยินและนิยมความสัมพันธ์สามเส้าจากคู่หูเล่นสควอชเพื่อนยากนายแพทย์ เขาเป็นนักหวดเก่งฉกาจพอ ๆ กับเป็นนักเล่าเรื่องแต่คือหมอยอดแย่นำเรื่องราวคนไข้มาเล่าสู่ผิดจรรยาบรรณ “มึงเป็นนักเขียนนี่นะ” เขาอารัมภบท ดูดน้ำแตงโมปั่นจากหลอด “เผื่อได้พล็อตดี ๆ แต่อย่าเสือกใส่ชื่อจริงนะโว้ย” เรานั่งอยู่ในส่วนห้องอาหาร ผมจิบน้ำเปล่าเอียงคอฟัง ครุ่นนึกชื่อตัวละคร

            นาฬิกาเดินกะโผลกกะเผลกเมื่อเข้าวัยกลางคนชดช้อยเริ่มรสนิยมแปลกเปลี่ยน กิ่งก้านราคะยิ่งแตกระบัดระบมโหยหิวร่วมรักกระหายหื่นยิ่งกว่าตอนสะพรั่งสาว หล่อนมองหาคนหนุ่มจำเพาะเจาะจงมีคู่แล้วผมไม่อาจรู้ล่วงชดช้อยปรารถนาสร้างพิศวาสพิสมัยจ้องทำลายรานร้าวรักผู้อื่นหรือไม่ หล่อนเกิดในครอบครัวผู้ลากมากดีมากมีสาวศฤงคาร (บริวารหญิงผู้บำเรอความรัก)

            หล่อเหลาชู้ชายหล่อนชื่นชมคนแรกเป็นนักศึกษาจบหมาดใหม่ด้วยเกรดเฉลี่ยสูงลิ่วอนาคตโรจน์รุ่ง ชดช้อยใช้หนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเขาเกลี้ยงเกลาไร้มลทิน รัฐมองคนเป็นขอทานไร้สิ่งพื้นฐานใดๆ ทั้งสิ้น หล่อนเสพสมเสพสุขในระแวงของชายหนุ่มมีคนรักแล้ว ชดช้อยหว่านเงินเป็นปุ๋ยราดน้ำเป็นทองปลูกต้นงิ้วมิครั่นคร้ามบาปกรรม

            นิยามนิยมยิ้มขมคนสองคือเครื่องจักรทางเพศสังหารอิสตรีช่ำชองร่วมรัก ในใบไม้เขียวสดแห่งวันวานหล่อนเห็นตนเองเริงระบำขึ้นสู่จุดสูงสุดของความใคร่ ดิ่งดำดื่มด่ำลงก้นมหาสมุทรตัณหาสำลักน้ำสร้างชีวิตขุ่นพรวดพลุ่งปลาเป็นพุ่งสู่ผิวคลื่นระลอกปากพะเยิบเหนื่อยหอบ กอบกุมขยุ้มแผ่นหลังเล็บจิกข่วนสร้างริ้วแผล 

            หล่อนเป็นนักขยำคอความเศร้าตัวยง เรียวรีใบเหลืองปนเปื้อนน้ำตาลหยดหยาดลู่ลิ่วร่วงหล่นติ๋ง ๆ

            “ลึกแล้วพวกเราล้วนรอวันสิ้นโลก” ปรารภแรกชดช้อย “คุณว่าอะไรนะครับ” รามณรงค์มือประสานวางหน้าขา “ลองคิดเอาเองสิจ๊ะ”

            รถไฟหัวคิ้ววิ่งชนกันรามณรงค์ “เธอต้องฝึกหอมแก้มตนเองบ้าง” ชดช้อยแนะเนิบ

            “หมายความว่าอะไรครับ” เงียบงันอันอึงอวล ก้อนเมฆขนมปุยฝ้ายเอ้อระเหยเป่าแผ่วในนึกหล่อนอัมพรอำไพ “ชอบอ่านหนังสือประเภทไหนจ๊ะ” ยากไม่ใช่ง่ายไม่เชิงชดช้อยถาม

            “หนังสือที่จั๊กจี้เอวผมได้ครับ” รามณรงค์ประดับรอยยิ้ม หล่อนพราวพระจันทร์เสี้ยวบนใบหน้า “โลกนี้มีกี่ประเทศ” ชดช้อยถามยากจริงเอาแล้วสิรามณรงค์ “เอ่อ... ผมจะลองไปค้นดูนะครับ”

            “ดี... ดีมากจ้ะ อยากได้เงินเดือนเท่าไหร่” คำถามสำคัญชดช้อย “แล้วแต่คุณป้าจะให้ครับ” “เรียกพี่สิจ๊ะเดี๋ยวตบด้วยปากเลย” หัวร่อร่วนชดช้อย “ครับ พี่ชดช้อย” “นั่นแหละ เยี่ยม” เสียงเพลงไม่มีอยู่จริงกังวานกราวในเงียบ “2046” หล่อนเอ่ย “หนังหว่องกาไวครับ” “เคยดู?” “ครับ” “ชอบไหมล่ะ” ชดช้อยถาม “ไม่รู้สิครับ ไม่แน่ใจ” “พี่ก็ไม่แน่ใจ” เปลรัตติกาลเคลื่อนไหวไกวแกว่ง “ชอบนกไร้ขาไหมครับ” ถามบ้างรามณรงค์ “เฉิ่มชะมัด” ตอบชดช้อยสะบัดมือ “เคยได้ยินเรื่องนี้ไหม นกบินจู่ ๆ ปีกพร่างรางจางหาย” “ไม่เคยครับ” “มีนกบางสายพันธุ์บิน ๆ อยู่ปีกหายดื้อ ๆ มันหล่นหวือวูบวูบหวิวหวิวน่าเสียวไส้หล่นกลางเวหาอยู่อย่างนั้นตราบนานเพราะไม่มีพื้น”

            รามณรงค์กุมขยำท้องนอกเสื้อสีซีเปียน้ำตาลแดงจากรงควัตถุน้ำตาลถุงน้ำหมึกของหมึกกระดองครองครอบคนทั้งคู่ ห้องชดช้อยถูกเฉือนลอยคว้างกลางทางช้างเผือก กลุ่มดาวคนครึ่งม้า กลุ่มดาวโลมา และกลุ่มดาวคนคู่ระยับระยิบ รอยยิ้มดวงอาทิตย์อุ่นอบเอิบอาบแก้ม เช้าแสงสางจางรางระเรื่อสว่างไสว เริ่มต้นที่ห้าหมื่นบาทเงินเดือนรามณรงค์หลังสัมภาษณ์ผ่านชดช้อยไม่แจ้งขอบเขตงานให้เขารู้เพียงต้องคลอเคลียไม่ห่างเรียกใช้ได้เสมอเงินเข้าบัญชีทุกเดือนไร้ขาดตกบกพร่อง

            ผมควรเรียกตำแหน่งนี้ว่าอะไรดีล่ะมันหมิ่นเหม่เสียเหลือเกิน คุณช่วยคิดหน่อยได้ไหม พิสุทธิ์พิสมัย พิศวาสพิศวง คนรับใช้ บอดี้การ์ด พนักงานขับรถ พ่อครัว คนคุยยามเหงา บริกรป้อนอาหาร คู่เคียงเดินชายหาดฝั่งอันดามัน มองเหม่อดอยหลวงเชียงดาวร่วมกัน เพื่อนแพทย์มิได้เล่าพวกเขาร่วมเรียงเคียงหมอนหรือไม่

 

            -2-

            เปรียบตู้นิรภัยเปิดอ้า ชีวิตชดช้อยคือการฆาตกรรมเวลาเพื่อรอวันมรณาไม่จำเพาะเจาะจงหล่อนคนเดียวหรอก ชดช้อยเป็นนักผ่าตัดทำคลอดความสุขไร้แก่นสาร รามณรงค์ป่ายป้อนปรนเปรอหล่อนยินดีปรีดา แออัดยัดเยียดสุขล้นถึงตายวิญญาณมิเลือนลืม คุณช่วยผมประพันธ์เรื่องสั้นชิ้นนี้ต่อได้ไหมควรดำเนินต่ออย่างไรเพื่อไม่ให้คล้องจองเรื่องจริงปรากฏเฉิดฉาวบนโลกออนไลน์

            ผมจำต้องเปลี่ยนฉาก สถานที่ อำพรางวันเวลา กระทั่งรุ่นยี่ห้อรถยนต์ ชดช้อยคลุ้มคลั่งและเคลิบเคลิ้มในความเป็นส่วนตัวหล่อนปรารถนาใครพบตนกับรามณรงค์ให้น้อยที่สุด เขาเช่นกันเหตุมีภรรยาจดทะเบียนสมรสแล้ว

            ห้อตะบึง เอสยูวี เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี-คลาส ราคาห้าล้านเก้าบนถนนเทพรัตนทางหลวงแผ่นดินสู่ฉะเชิงเทราพื้นที่อำเภอบางปะกงมุ่งหน้าอ่างศิลาชลบุรีขอบขัณฑสีมาเคล้าคลอเคลียเพลงแจ๊สชวนสุนทรีย์จากยูเอสบี ชดช้อยเป็นคนขับโดยอนุมัติให้รามณรงค์นั่งหลัง ก่อนขึ้นรถเขาวิงวอนเจ้านายอย่าทำเช่นนั้นเลย

            “ผมรู้สึกไม่ดีน่ะครับพี่” “รามลองคิดดูทำไมพี่ถึงอยากขับ” “ผมนั่งหน้าก็ยังดีครับ” “ไม่ได้เด็ดขาดจ้ะ พี่อยากทดลองบางความรู้สึก” บางรู้สึกสำนึกเพียงหล่อนรู้ล่วงในโลกหล้า

            แวะกินอาหารทะเลก่อนถึงที่พัก มื้อนั้นประกอบด้วย ทอดมันกุ้ง ยำไข่ปลาริวกิว ต้มยำกุ้งน้ำข้น ยำไข่แมงดา กรรเชียงปูนึ่ง กุ้งอบวุ้นเส้น กุ้งแช่น้ำปลา ปลาเก๋าสามรส “ผมว่าเยอะแล้วนะครับพี่” กุ้งชุบแป้งทอด หมึกไข่นึ่งมะนาว ปลารากกล้วยทอด ผัดฉ่าทะเล ปูผัดผงกะหรี่ ชดช้อยจงใจสั่งเพราะต้องการปรนนิบัติวัตถากชายหนุ่ม

            ในห้องประกอบด้วยสิ่งของเพียงสามสิ่ง เตียงเดี่ยวไม่เดียวดาย โคมไฟเรื่อเรืองน้อยนิด และตู้เย็นขนาดเล็ก หล่อนบัญชาเด็ดขาดให้ถอดโทรทัศน์ตัดขาดโลกภายนอก ราคาต่อคืนอยู่ที่สี่พันบาทขึ้น แสงและเงาแต้มแตะหยอกล้อข้าวของพวกนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์ ในอนาคตข้างหน้าหล่อนจะโหยหาหวานชื่นฉากเหล่านี้รวดร้าว

            หากคุณรูดม่านสีขนมเมอร์แรงค์ออกจะชิมชมโต๊ะกลมขนาบเก้าอี้สองข้างบนระเบียงไม้ ในเวิ้งตาเห็นเวิ้งฟ้าจุมพิตทะเลต่ำลงมาเป็นนิ่งสงบของสระว่ายน้ำคราม ชดช้อยรามณรงค์ลงแช่ช้าเชือนเลื่อนไหลในฟองเวลาคลาเคลื่อนแช่มชื่น ยามหล่อนขึ้นนั่งเท้าแขนขอบสระมองเหม่อความหนุ่มแน่นสองความคิดกุมเกาะก่ายเกยหัวคิ้ว

            ชดช้อยริษยาระคนชื่นชมโสมนัสเห็นวัยกลางคนตนล่วงลุชราภาพงกๆ เงิ่นๆ หล่อนอิดหนาระอาใจในสังขารไม่เที่ยงไม่ยั่งยืนคิดฝืนอย่างไรคงเปล่าประโยชน์ พลิกดูหลังมือย่นเหี่ยวแม้ชโลมด้วยครีมราคาแพงมันยังเหี่ยวย่นคงทนอยู่เช่นนั้น ฝันยามตื่นถึงวัยสาวอันเลยล่วงทะลักเสียงหัวร่อร่าน้ำตาเล็ดในนึกสมรักสมรสกรายกรุ้มกริ่ม

            เท้าศอกขอบสระรามณรงค์เห็นความเป็นเด็กคละเคล้าผู้ใหญ่ในตัวชดช้อย เขาอิจฉาปะปนหวงแหนแขวนเกี่ยวอยู่บนยอดธงเสรีภาพ ไม่มีสิ่งใดชวนริษยาไปกว่าความเป็นเด็กในตัวผู้ใหญ่ ตลอดช่วงชีวิตผ่านรามณรงค์ลิดรอนเสรีภาพตนด้วยการสวมบทบาทเป็นผู้ใหญ่อันขรึมเคร่ง จับเจ่าอยู่ในการหาเงินทองพ้องเลือกงานไม่เลือก

            วัยเด็กพ่อกับแม่สอนให้เขาเก็บกดทุกความรู้สึกจนระเบิดระบัดในวัยเติบโต

            “แข็งจังเลยจ้ะ” “อะไรครับ” “หัวเข่าเนี่ย”

            เริงร่าริมสระเสร็จชดช้อยชวนรามณรงค์จงเจตนากลั่นแกล้งอาบน้ำร่วมกันในห้องเพื่อนแพทย์มิได้เล่าเปล่าเปลือยหรือไม่ ผมต้องแต่งเติมตามจินตนาการหื่นส่วนตนโขมงขึ้นเป็นเรื่องราว “ลูบครีมอาบน้ำให้พี่หน่อยสิจ๊ะ”

            ชายหนุ่มมือสั่นระทกระทวยไต่เดินบนแผ่นหลังขาวสะอ้านสะอาดผิวพรรณ หล่อนยกสองมือชูสูงใต้พรำน้ำอุ่นรามณรงค์จรดจมูกย่นสูดกลิ่นรักแร้ระเหยจรุงจรัสรัญจวน ละล้าละลังก่อนลิ้นเลียโลมซอกซอนหลืบลึกลับเลยลามร่องบุปผากระดังงาลนไฟสะบัดระริก ส่ายร่อนโคจรเคลื่อนรอบโลกชดช้อยคล้อยหญิงระบำยั่ว ม่านปิดแล้วเฉกเดียวโคมไฟเล็กสองคลื่นเขาเขยื้อนขยับใต้ผ้าห่มดำ

 

            ฉากสองแห่งสัมพันธภาพกระชับชดช้อยชวนรามณรงค์เยือนเยี่ยมอพาร์ทเมนท์คุณพ่อย่านคลองเตย ตึกสองชั้นคร่ำคร่าในแสงสายบานหน้าต่างห้อยกะร่องกะแร่งอาลัยกรอบ จักรยานพลาสติกเล็กสีหมองระเกะระกะมอเตอร์ไซค์จอดรายเรียง มันคือตึกโบราณคือสถานสำหรับพวกกุลีมีลูกเยอะ จนแล้วยังเสือกมีลูกมากเป็นภาระรัฐใจแคบ

            ชดช้อยสำรวจตรวจตราถ้วนถี่พอมีสิ่งใดหล่อนช่วยเหลือมากกว่าแค่ถุงยังชีพ “นั่นอะไรคะ”

            “ถุงยังชีพ” บางกุลีตอบ “เก่าจังเลยค่ะ” “ในลวง” บางกุลีว่า “แปลว่าอะไรคะ” กุลีขยิบตาข้างหนึ่ง นี่คือบทสนทนาขากลับ

            “รู้ไหมราม” ชดช้อยอารัมภบทหลังพวงมาลัย “ประเทศเรามีสิ่งหลอกลวงมากมาย เธอลองนิยามคำว่านักการเมืองดูสิ” “พวกนักเลือกตั้ง” เขาตอบจากเบาะหลังทั้ง ๆ รู้นัยอยู่แล้ว คุณต้องไม่ลืมรามณรงค์เคยเป็นนักวิชาการ “ใครที่หวังให้คนรักเป็นนักการเมืองทั้งนั้น” หล่อนเฉลย “คุณก็เป็นสิครับ” เขาย้อน “เธอก็ด้วย แต่พี่ไม่ได้กินภาษีประชาชนนะ” “ผมก็ไม่”

            “พวกเราทุกคนเสียภาษีเพื่อสร้างราชอาณาจักรขลังมลังเมลืองแล้วดูสิ่งที่พวกเขาได้รับสิจ้ะ ทุเรศแค่ไหน” “จริงงงงง”     “นี่ ! อย่ายียวนรามณรงค์” “ผมกลัวหลุดด่าหยาบ ๆ คาย ๆ” “เช่น” ในฐานะนักเขียนกระจอก ผมขอเว้นไว้ให้คุณเติมคำในช่องว่างตามสบาย

 

            -3-

            เอกอัครราชทูต กรุงวอชิงตัน สุรเกียรติ์เป็นรักแรกของชดช้อย เขาคืออดีตนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนหล่อนเรียนบัญชีเป็นดาวคณะมหาวิทยาลัยเดียวกัน สุรเกียรติ์หักร้างถางพงจนโล่งเตียนปักปลูกพืชแห่งซ่านเสียวเกี่ยวหัวใจชดช้อย

            ลำนำลำกำเนิดชีวิตป้อนปรนเปรอจนสุดคอหอยเจียนสำรอกสำราก ลากแฉะฉ่ำไล้ซอกสะอ้านผิวผ่องระริกติ่งหูเลื้อยหว่างทรวงควงรอบชันชู กลีบดอกไม้ชื้นชุ่มเฉียดใกล้สุขสมซ่านสรรพางค์สวรรค์รำไร ไกวแกว่งแปะป่ายสองมือขยำขยุ้มเส้นผมเพียงเบาครางครวญบทเพลงรัก สมานสมัครเรือนกายวาบใคร่วาบเมตตากันและกัน

            หนแล้วหนเล่าเอมอิ่มรสรักชดช้อยสอยจากสุรเกียรติ์หล่อนจำต้องโหยหาในภายภาคหน้า เพื่อนแพทย์เล่าเขียนตามเขาหน่ายหล่อนตั้งแต่เสพสุขครั้งประมาณยี่สิบ กระนั้น ไม่มีวันร้างห่างเลิกราสุรเกียรติ์ใช้ลวดลายเส้นสายฝ่ายชดช้อยตะกายไต่จนได้ดิบดี

            ลุล่วงวัยกลางคนเขาซ่อนซุกเมียน้อยเกินนับหล่อนรู้บ้างไม่รู้บ้างจะต่างอะไรชดช้อยเสียใจจนแทบสิ้นสติสมประดี สุรเกียรติ์ฉีกเรือนร่างหล่อนเป็นชิ้น ๆ น้ำราดเกลือทาแสบร้าวดวงวิญญาณผ่าวด่าวดิ้น ผู้ชายแม่งบัดซบทุกตัว ชดช้อยคิด ชายคือเพศกำเนิดเพื่อทำร้ายทำลายผู้หญิง คือหมาติดสัดติดเป้งไม่เลือกหน้า มักง่ายและสถุล คติพจน์แห่งการแย่งชิงจึงจำหลักหนักหินเขื่องต่อเนื่องเรื่องราว

            สามีผู้อิดหนาระอาใจภรรยาตนเหินห่างปล่อยว่างคอนโดมิเนียมหรูริมเจ้าพระยาเดือนเว้นเดือนบินกลับชดช้อยเลิกคลางแคลงสุรเกียรติ์นานโข โผเข้าซบอ้อมอกเด็กหนุ่มมากหน้าคุณสมบัติสำคัญคือต้องมีคู่ครองแล้ว ผลัดคู่นอนไยไพเย้ยหยันโชคชะตาราคะจนพานพบรามณรงค์ต้องตรงหล่อนปรารถนา

            บนคอนโดมิเนียมร้างห่างสามีวันหนึ่งชดช้อยสร้างประหลาดใจให้รามณรงค์หล่อนซื้อกระดาษลอกลายกำชับกำชาเขาทาลิปสติกแดงดั่งเลือดประทับรอยจุมพิตรอบแล้วรอบเล่าดุจปากอาลัยผืนเฉียบบาง หล่อนหลอกรามณรงค์ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าเขาต้องตะลึงพรึงเพริดเจิดจ้าในความจริงจัดจ้าน สองคู่ชู้ชื่นยังคงควงเสด็จไหนต่อไหนชดช้อยมั่นใจรามณรงค์จงเจตนาทิ้งขว้างเมียตนแน่

 

            -4-

            “สรุปจบไงวะ” ผมถามเพื่อนแพทย์ “มึงอย่าลีลา” “กูไม่ค่อยอยากเล่าเลย” กระซาบกระซิบโน้มกายเหนือแก้วสูงน้ำแตงโมปั่น หลังเซ็นใบหย่าชดช้อยชวนรามณรงค์ขับรถมุ่งหน้าอุตรดิตถ์คราวนี้หล่อนนั่งหลังนิ่งเงียบเยียบเย็นลึกแล้วยังอาลัยผัวยิ่ง ทั้งสองพักอำเภอลับแลชุมชนโบราณสมัยกรุงสุโขทัย เดิมชาวเมืองแพร่ เมืองน่าน หนีข้าศึกและเดือดร้อนซุ่มซ่อนเนื่องเป็นป่ารกหลุบหลบง่าย ภูมิประเทศหุบเขาเนินสลับสวยสดจนน่าฆ่าตัวตาย

            ตำนานเล่าขานห้ามโป้ปดมดเท็จ “ผมไม่มีวันทิ้งพี่” รามณรงค์บรรจงให้คำสัญญา “ไม่เชื่อจ้ะ หนุ่มแน่นอย่างเธอ” มนุษย์เราแปลกมักเอ่ยสิ่งตรงข้ามคิด “มันทิ้งว่ะ” เพื่อนแพทย์เล่า “เป็นกูก็ทิ้ง เมียแม่งยังสาว” กลองท้องฟ้าร้องระรัวเร่าเร้าในอก “ฉิบหาย ! ไปทั้งคู่เลย” ผมสบถ “แล้วหล่อนว่าไงวะ” เพื่อนหมอเล่าความทุกข์หล่อนเสียเหยียดยาวราวเรื่องเกิดขึ้นนับหมื่นแสนล้านปี

            เหล็กในแห่งความหลังจิ้มจึกจนเน่าหนอนบ่อนทำลายสลายผง 

            “หล่อนขอให้กูทำบางอย่าง” เพื่อนแพทย์สรุป น้ำแตงโมปั่นเหือดแห้ง

            นับจากตรงนี้ผมขออนุญาตคุณผู้อ่านรวบรัดตัดตอนเพื่อมิให้เรื่องสั้นย้วยเกินจำเป็น ชดช้อยตรอมตรมจมความหลังเร่าหล่อนผ่ายผอมลงระเรื่อย สูบบุรี่จัดเจียนนิ้วสิบสอง ยิ่งรามณรงค์ถอยห่างจางรางตัวตนเขายิ่งชัดเข้มขึ้นทุกรูปแบบ เป็นตัวตนของมนุษย์ผู้คลั่งรักไฟสวาท เป็นตัวตนของนักบวชเสพติดศีลธรรมจรรยา ตัวตนของนักต้มตุ๋นมืออาชีพ ตัวตนของชายชู้ขยันหยอดคำหวาน

            ชดช้อยคลื่นเหียนเหม็นทุกสิ่งรอบกายหมดความสามารถในการกินอาหาร เพื่อนแพทย์รุดดูอาการหล่อนเป็นระยะส่ายหัวดิกกะว่าคงอีกไม่ช้าถ้าหล่อนยังไม่ถอนสมอจากท้องทะเลลึก กำชับกำชาเขาให้ทำอย่างประสงค์ เขารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ “กูไม่เคยผิดสัญญาคนไข้” เขาพูดกับผม ชดช้อยผอมจนท้ายสุดเหลือเพียงโครงกระดูกเคลือบหนังวาวแววยังอาลัยร่างสมัยสาว

            อ้อ ! ผมลืมแจ้งบางสิ่งรูปพรรณรามณรงค์มิได้หล่อเหลาอันใดหน้าตี๋ละม้าย ปิยบุตร แสงกนกกุล บ่ายหนึ่งหลังเขียนเรื่องสั้นชิ้นนี้เสร็จผมไปยังสุสานโปรเตสแตนต์ตามเพื่อนแพทย์ระบุ มือห้อยกุหลาบแดงดั่งเลือดหอมดุจเรือนกายหญิงสาวหนามคมพร้อมจะเกี่ยวนิ้วทุกเมื่อหากเผอเรอสะเพร่า ค่อย ๆ วางลงบนรอยจุมพิตเด่นชัด

            ผมขมวดคิ้วถอนหายใจ

            หล่อนคงตายอย่างมีความสุขเมื่อรอยจูบของคนรักประทับไว้ตราบนานเท่านาน ต่างคนต่างเห็นนกจำนวนมากบินออกนอกกรงเหล็กมหึมามหาสมุทรสุดหยั่ง  

             

                                    ....................................................................

 

 

Link ที่เกี่ยวข้อง      

 

 

           “บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”  

  

           วรรณกรรมออนไลน์