เรื่องสั้น : หลบ : วัฒนพงษ์ แก้วนาพันธ์

เรื่องสั้น : หลบ : วัฒนพงษ์ แก้วนาพันธ์

        ผมอัศจรรย์ใจนักไล่จับภาษา สำนักงานของประเทศที่ก่อตั้งเพื่อคว้าเอาถ้อยคำมาบรรจุไว้ให้คนใช้ พวกเขาจะรู้สึกหรือเปล่า จะเข้าถึงอารมณ์ของภาษาที่เขาเก็บมาไหม ใส่เอาไว้เพื่อเป็นมาตรฐานของประเทศ ตอนแรกผมจะใช้คำว่าซี่ ดูแล้วไม่ใช่ จึงเปิดออนไลน์ดูคำที่ถูกต้อง ต้องใช้คำว่าซีก ผมฝานมะนาวซีกหนึ่ง ซีกบาง ๆ บีบใส่แก้วที่มีน้ำสีดวงอาทิตย์ตกอยู่ก่อนแล้ว ไม่รู้นะ ผมแค่อยากลองรสชาติใหม่เฉย ๆ อืม ! รสชาติใช้ได้อยู่นะ รอดูผลของมันไปก่อน

        จะว่าผมหลบโลกก็ได้ โลกอีกใบของเพื่อน โลกทั้งใบของมัน นานหลายปีแล้วที่มันมาจองจำสังขารอยู่นี่ จะเรียกว่าแตกปลอกก็ใช่ ปลอกคอที่คนอื่นสวนใส่กันทั้งโลก มันแหกมาสร้างอาศรมของมัน นำพาโลกอีกใบมาอยู่ที่นี่ ให้คำจำกัดความว่ากระท่อม ที่ซุกหัวนอน สวนป่า หรืออะไรก็ตามแต่ โลกใบที่ว่านี้มีทุกอย่างที่ปลอกปกติมี เพียงแต่มันไม่เข้าหาคนที่ไม่น่าไว้วางใจ

        ผมหลบเธอ คนที่เอาโลกทั้งใบมาทับใส่ผม !

        เพื่อนเพิ่งตื่น ต้อนรับผมด้วยใบหน้าขี้เซา ทักทายด้วยคำว่า “เออ ! มึง”

        กับสัมภาระสองอย่าง กระเป๋าโน๊ตบุ๊กและย่ามที่เต็มด้วยของใช้ ผมก็เพิ่งตื่น ไม่เรียกว่าตื่นดีกว่า เรียกว่ายังไม่นอนจะถูกกว่า ตอบรับมันด้วยคำว่า “เออ ! กู” ต่างคนแยกย้ายไปคนละจุดของบ้าน มันเข้าห้องนอน ผมเลือกวางสัมภาระที่ม้านั่งในบ้าน ค้นเอาหนังสือของฮารูกิ มูราคามิ ถือไปที่ล้างจานข้างหลังบ้าน

        ผมจะกลายเป็นจอมโกหกถ้าบอกว่าผมรักเธอมาก ก็ผมโกหกไงถ้าจะบอกว่าไม่ได้รักเธอเลย

        สสารต้องการที่อยู่ หลังจากวางของแล้วในห้องนั้นไม่มีที่ที่ผมควรอยู่เลย จึงได้เลือกเอาที่ล้างจาน เปิดประตูออกไป ตั่งนั่งล้างจานยังไม่มีเจ้าของจับจอง ผมเลือกวางตัวเองบนนั้น เปิดนิยาย Norwegian wood นั่งอ่านถึงบทที่ 5 ตอนวาตานาเบะอ่านจดหมายของนาโอโกะ อ่านต่อสักสองหน้า เนื้อเรื่องทำให้ผมเปิดโน๊ตบุ๊ก เคลียร์สเปซให้ผมเป็นสสารที่อยู่ในห้องได้

        ผมจะกลายเป็นจอมโกหกอีกแล้วถ้าบอกว่าไม่ได้กินเหล้าที่เหลือของเพื่อน สักก้นขวดที่เป็นเชื้อให้ผม เป็นเรื่องราวในนิยายหรือเหล้าเหลือ ผมไม่สนใจ แค่อยากบอกเล่าก็เท่านั้น นิยายหรือเหล้าทำให้ผมไม่แน่ใจถ้อยคำที่ถูกต้อง ต้องพึ่งพาโลกออนไลน์อีก ถามนักไล่จับภาษาเหล่านั้น

        คนเราควรเท่ากันในการกระทำหรือไม่ ถ้าอย่างนั้น ผมควรไปหลับนอนกับผู้หญิงสักคนใช่ไหม หรือเราควรทำตามใจตัวเองเรียกร้องอย่างที่เธอบอก เธอว่าก็ไม่ได้สูญเสียอะไร เธอลืมไปว่าเธอสูญเสียความไว้วางใจจากผมไปแล้ว เธอไม่รู้ไง ถึงพูดออกมาอย่างนั้น ถ้าจะบอกก็หาว่าเราก้าวก่าย ให้รู้ด้วยตัวเองก็ไม่เคยรู้สึก มนุษย์ค่อนโลกมักเชื่อมั่นสิ่งที่ตัวเองทำเสมอ รวมทั้งผมด้วย ผมไม่ได้เรียกร้องความมั่นใจ ผมเรียกร้องความจริงใจ

        รถหาเสียงการเลือกตั้งท้องถิ่นดังระงม ขนาดผมเลือกอยู่ที่ไกลออกมาแล้วนะ เปล่าเลย มันไม่สามารถดึงผมออกจากอาวรณ์ห้วงนั้นได้ มีสมาชิกเพิ่มเป็นสามแล้ว เหล้า เธอ และการหาเสียง ไม่รู้สิ่งใดดึงผมจมดิ่งได้ขนาดนี้ การหาเสียงเหล่านั้นคงเป็นได้เพียงตัวประกอบของผมตอนนี้ ผมควรเชื่อใครดี รู้แล้ว เลือกนักเก็บถ้อยคำดีกว่า เพียงแค่ผมไม่ปลื้มพวกเขาก็เท่านั้น พวกเขาคงไม่รู้สึก

        ความเงียบคงช่วยผมได้ เริ่มรักห้วงนี้แล้วสิ ความเงียบทำให้ผมได้ฟังเสียงนกกาเหว่า เสียงลม กระทั่งแมลงวันที่เคยกวนใจ บินตอมหน้าตาให้รำคาญ ตอนนี้มันทำให้ผมมีเพื่อนที่จริงใจ รับสภาพที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ได้

        จะให้ผมไม่อัศจรรย์ใจนักจับถ้อยคำได้อย่างไร ก็พวกเขาไม่ได้ทำให้ผมขมขื่นเลย ได้แค่คิดแย้ง เกิดคำถามต่อยอดไปหาคำตอบของหลาย ๆ อย่าง

        จะเข้าห้องน้ำแมลงวันเหล่านั้นยังตามมาดูแลผมเลย หรือมาสมน้ำหน้าก็ไม่รู้

        ทั้งที่ผมรอเธอทั้งคืน โทรศัพท์ไปก็ปิดเครื่อง กลับมาเกือบเช้าในสภาพที่ดูไม่ได้ เพื่อนมาส่ง เธอว่า แล้วรถใครที่มาส่ง ไม่ใช่รถของเพื่อนสักหน่อย มองเข้าไปในรถ ในนั้นมีผู้ชายสองคนนั่งอยู่ข้างหน้า สภาพดูไม่ได้เหมือนกัน แล้วจะให้ผมคิดยังไง โต ๆ กันแล้ว แต่ไม่รับผิดชอบตัวเองอย่างนี้ มันแย่อยู่นะ

        สภาพเธอไม่อำนวยให้ผมซักถามอะไรได้เลย เอาแต่โวยวาย อย่างนี้เหรอจะให้ผมไว้วางใจเธอ

 

        เพื่อนตื่นแล้ว หนังสือยังอยู่ในมือ เทียวอ่านกลับไปกลับมาอยู่สองหน้า เนื้อเรื่องไม่ได้เข้าไปอยู่ในหัวเลย เพียรอ่านอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง มีแต่ความคิดเดิม ๆ ที่เดินเรื่องอยู่ในหัว วกวน ย้อนกลับแล้วกระโดดไปมา เป็นอย่างนี้อยู่เป็นชั่วโมง อุดมไปได้ด้วยการลังเล การตัดสินใจกับการตัดใจมันต่างกันมาก มีแต่ความวุ่นวายที่เล่นงานผม เพื่อนดึงหนังสือออก ผมก็ยังอยู่นั่งท่าเดิม หน้ากองจานพะเนินเทินทึก มันไล่ผมเข้าห้อง บอกให้นอนก่อนก็ได้ จะล้างถ้วยจานทำกับข้าวให้กิน

        พ่อครัวกับนักเขียนคงมีสภาพไม่ต่างกันนัก หยิบจับวัตถุดิบหลายอย่างมาประกอบกันให้มีรสชาติ ผมยอมรับฝีมือเพื่อนที่เอาหมูสามชั้นในตู้เย็นมาย่างให้กิน มันโขลกรากผักชี พริกไทยดำ ฉีกซองใส่เครื่องปรุงนิดหน่อยลงไป หมักหมูและย่างให้ผมกิน ถึงลิ้นตอนนี้ไม่อยากรับรู้รสชาติ ยังรู้ได้เลยว่าอร่อย

        ผมยอมรับฝีมือปรุงถ้อยคำของนักเขียนญี่ปุ่นคนนี้เหมือนกัน ได้ลิ้มลองแล้วเหมือนเขาใส่ชีวิตลงไปในนั้นเต็ม ๆ รสชาติที่เราจะได้ลิ้มกินอยู่ข้างใน

        ผมคงเป็นเหมือนสองคนนี้ไม่ได้ นักรักของผู้หญิงบางคน ไม่รู้จักสิ่งที่เธอต้องการ ไม่พยายามสรรหาวัตถุดิบที่เข้ากันมาใช้ ถ้าเป็นพ่อครัว ผมยังถึงแค่ขั้นหัดก่อไฟ จริง ๆ แล้วก่อไฟยังไม่เป็นเลย ไหนล่ะเชื้อไฟจะให้ถ่านลุกติด ไหนควันจะเข้าตาให้ระคายอีก ไม่รู้ด้วยซ้ำจะเลือกรสชาติของถ้อยคำใดให้เข้ากับคนอ่าน

        ควรกลับไปหาเธอหรือให้เธอตามหา ! เข้าไปขอโทษที่แสดงอารมณ์รุนแรงลงไป ให้เธอยกโทษให้อย่างนั้นเหรอ หรือทำใจแข็งไว้บ้าง ให้บทเรียนแก่เธอ เพราะผมไม่ใช่คนที่ผิดอย่างนั้นเหรอ

        ผมคงพึ่งได้แค่ร้านอาหารตามสั่ง และดูซีรีส์ที่สร้างจากหนังสืออย่างนั้นหรือ

        ควรขอบคุณนักสร้างถ้อยคำหรือนักเก็บถ้อยคำดี

        แล้วถ้อยคำของนักหาเสียงผมควรเชื่อได้ไหม

        เธอจะรู้เหมือนผมไหมว่าคืนที่ไม่ได้นอนยาวนานเพียงใด ความคิดสะระตะที่จู่โจมผมทุกขณะ ประสาทที่เขม็งเกลียวไม่ยอมคลาย ผมไม่เคยรอรุ่งเช้าที่ไม่ได้นอน อยากพักผ่อนกลางคืนตื่นมาพบเช้าที่สดใส การตามหาหรือเฝ้ารอที่ทรมานกว่ากัน จะอย่างไร ผมก็ผ่านสิ่งเหล่านี้มาแล้ว

        เหล้าไม่เคยให้รสหวาน มันทำให้ลืมรสขมขื่นจากการติดหวานมากกว่า หรือผมรุนแรงต่อเธอ จำไม่ได้แล้ว หันหลังออกมาจากบ้าน ผมไม่ได้กลับไปมองว่าสิ่งที่ผมทำ มันเลวร้ายกว่าการกระทำของเธอหรือเปล่า จะไม่ให้เข้าข้างตัวเองได้อย่างไร ผมถูกกระทำ ไม่ใช่เธอ ยังไม่ได้ถามพอสามคำเลย เธอก็โวยวาย หรือผมเสียงดังมากไป

        ขนาดออกมาหลบอยู่กับเพื่อนแล้ว หวังว่าคงสงบสติอารมณ์ได้บ้าง แต่ข้างในของผมมันตีกันโครมครามไม่เกรงใจเจ้าของเลย

        ผมควรพักยก หรือเลิกชก โยนผ้าขาวยอมแพ้

 

.........................................................................

 

 

 

Link ที่เกี่ยวข้อง      

  

           “บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”  

 

           วรรณกรรมออนไลน์