เรื่องสั้น : ยามเย็นเป็นเวลาที่เรามองต่างกัน : ปิติศักดิ์ บุญใส่

เรื่องสั้น : ยามเย็นเป็นเวลาที่เรามองต่างกัน : ปิติศักดิ์ บุญใส่

 

        เฮ้อ ทำไมวันนี้มันช่างเงียบแบบนี้นะ

        ดวงตะวันคล้อยลงหลบหลังแมกไม้ คล้ายสัญญาณเตือนสิ่งมีชีวิตให้ตระหนักว่าอีกวันกำลังจะผ่านพ้น บรรยากาศยามเย็นชวนเหงาไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม ยิ่งในซอยเกือบจะเปลี่ยว เพราะว่าบ้านแต่ละหลังอยู่ห่างกัน ด้วยที่ดินรกชัฏมาคั่นดั่งเสาหลักปักเขตขนาดใหญ่ให้รู้ว่าที่ใครเป็นที่ใคร จึงยากจะเห็นมนุษย์ผ่านไปผ่านมาในซอยนี้ และไม่แปลกเลยที่สุนัขตัวหนึ่งจะนอนซึมอยู่หน้าบ้าน มองออกไปนอกถนน โดยที่ยังมีประตูรั้วบ้านเป็นอุปสรรคสายตา บ้านที่มนุษย์ยังไม่กลับมาจากที่ไหนสักแห่ง สักแห่งคงไม่พ้นจะเป็นที่ทำงาน

        “...ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก...”

        “...ตุก ตะดุก ตุ๊ก ตุก ตึกตึก ตุก ตะดุก ตุ๊ก ตุก...”

        เสียงฝีเท้ากับเสียงดนตรีในแอร์พอดสอดประสานกันอย่างเป็นจังหวะ บรรยากาศยามเย็นที่แดดร่มลมตกช่างเป็นรางวัลที่ทรงคุณค่า สำหรับใครก็ตามที่อดทนฟันฝ่ากิจกรรมอันแสนหนักหน่วงมาอย่างเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวัน สำหรับบางคน ตะวันคล้อยไม่ใช่สัญญาณของวันที่กำลังจะผ่านพ้นไป แต่เป็นสัญญาณของเวลาพักผ่อนหย่อนใจที่กำลังจะเริ่มเดิน จึงไม่แปลกเลยที่หญิงสาวคนหนึ่งจะตัดสินใจมาวิ่งออกกำลังกายในเวลาที่แสนพิเศษนี้

        “...ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก...”

        ฮะ ใครน่ะ สุนัขหลังประตูรั้วตัวนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นเพื่อมองหาแหล่งที่มาของเสียง

        ภาพหญิงสาวสวมเสื้อยืดกีฬาผ้าไมโครสีขาวแถบฟ้ากับกางเกงวิ่งขาสั้นสีดำค่อย ๆ เผยจากมุมอับของพุ่มไม้ที่บดบังอยู่ข้างทาง จนรู้ได้ว่ารองเท้าวิ่งพื้นหนาคู่นั้นเองที่ทำให้เกิดเสียงวิ่งดังตึก ๆ มาแต่ไกล

        คน ! คนนี่ !

        “โฮ่ง ! โฮ่ง !” เจ้าคนแปลกหน้า ออกไปห่าง ๆ บ้านนะ

        ให้ตายสิ ตกใจหมดเลย หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย แต่เธอก็พอสังเกตได้ว่าเจ้าสุนัขบางแก้วสีขาว-น้ำตาลที่ทักทายเธอทำอะไรไม่ได้ นอกจากตั้งท่าสี่ขา ยืนเห่าอยู่หลังประตูรั้วบ้าน เธอจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรสุนัขตัวนั้นนัก และหันกลับไปวิ่งต่อตามจังหวะเดิม

“...ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก...”

        “โฮ่ง ! โฮ่ง !” นั่นแหละ ไปเลย ออกไปให้ห่าง ๆ เลย

        ภาพหญิงสาวคนนั้นค่อย ๆ หลบลับไปกับสุมทุมพุ่มไม้

        ฮัดช่า ! ไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร กลัวจนวิ่งหนีแทบไม่ทันเลยล่ะสิ บางแก้วตัวนั้นชะเง้อมองตามทางที่หญิงสาววิ่งจากไปอยู่สักพัก แล้วจึงหันกลับไปนอนมองประตูรั้วบ้านตามเดิม

 

        ...

 

        เฮ้อ ทำไมตอนเย็นมันต้องเงียบแบบนี้ทุกวันเลยน้า

        บรรยากาศยามเย็นยังคงส่งผลต่ออารมณ์เหว่ว้าของสิ่งมีชีวิตได้อย่างที่ทำอยู่ทุกวัน บางแก้วตัวเดิม นอนหันไปทางถนนหน้าบ้านเส้นเดิม โดยมีอุปสรรคสายตาเป็นประตูรั้วบานเดิม และยังคงรู้สึกเหงาดังเดิม

        “...ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก...”

        “...ปึก พึด ปึก พึด ปึก พึด ปึก พึด ปึก พึด...”

        บรรยากาศยามเย็นยังคงเป็นความผ่อนคลายของมนุษย์บางคนอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน หญิงสาวคนเดิม วิ่งด้วยจังหวะที่สอดประสานไปกับเสียงดนตรีจากแอร์พอดเช่นเดิม บนถนนสายเดิม ในซอยเดิม และตระหนักได้ว่าจะต้องเจอบางแก้วตัวเดิม

        “โฮ่ง ! โฮ่ง ! โฮ่ง !” อย่าเข้ามานะเจ้ามนุษย์ เมื่อวานไม่เข็ดเหรอ อย่าบีบให้พี่ต้องเล่นไม้แข็งนะ

        บางแก้วตัวนั้นลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดาได้ว่าเป็นของหญิงสาวคนเดิม และกระโจนใส่ประตูรั้วเพื่อให้ตัวเองเข้าไปใกล้คนแปลกหน้าในสายตาของมันให้มากที่สุด

        “จ๋อง ! หยุดเลยนะจ๋อง !” หญิงสาวหันไปตวาดใส่บางแก้วตัวนั้นโดยที่เธอยังคงวิ่งในจังหวะคงที่จนค่อยๆ ลับหายไปกับพุ่มไม้ที่ยื่นออกมานอกถนน

        “โฮ่ง ๆ โฮ่ง ! โฮ่ง !” อะไรนะ เธอเรียกฉันว่า ‘จ๋อง’ เหรอ ฉันเป็นถึงบางแก้วเชียวนะ จะดูถูกกันเกินไปแล้ว

        บางแก้วตัวนั้นเห่าไล่หลังหญิงสาวไม่หยุดจนเธอลับตาไป

 

...

 

อย่าให้เจอนะวันนี้ จะเห่าให้สับเกียร์หมาไม่ทันเลย

ยามเย็นของอีกวัน บางแก้วตัวเดิมเดินวนไปวนมาอยู่ตรงลานหน้าบ้าน สำหรับบางแก้วตัวนี้แล้ว เย็นวันนี้ดูจะพิเศษกว่าทุกวัน แม้ทุกสิ่งทุกอย่างจะยังคงเหมือนเดิม บ้านหลังเดิม ถนนเส้นเดิม ประตูรั้วบานเดิม แต่มีสิ่งหนึ่งเข้ามาเพิ่มเติมให้ชีวิตที่แสนเบื่อหน่ายในยามเย็นของบางแก้วตัวนี้ นั่นก็คือการรอคอยใครสักคน

“...ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก...”

        “...ปึก พึด ปึกปึก พึด ปึก พึด ปึกปึก พึด...”

        เสียงฝีเท้าของหญิงสาวยังคงสอดประสานกับจังหวะดนตรีเช่นเคย แม้ว่าเสียงดนตรีในแอร์พอดจะต่างกันออกไปในแต่ละวัน เมื่อเหลือบไปเห็นบ้านหลังเดิม หญิงสาวรู้ดีว่าบางแก้วตัวเดิมคงจะรอทักทายเธออยู่

        “โฮ่ง !” มาแล้วเหรอ บางแก้วตัวนั้นเริ่มเห่าทันทีที่เห็นเธอเผยออกมาจากพุ่มไม้

        “เดี๋ยวเถอะจ๋อง ! ก็รู้อยู่ว่าแค่วิ่งผ่าน จะเห่าทำไมให้เจ็บคอเล่าจ๋อง” หญิงสาวหันมาพูดกับจ๋อง เอ่อ... บางแก้วตัวนั้น ขณะที่เธอยังคงสับขาวิ่งในจังหวะเดิม

        “โฮ่ง ! โฮ่ง ! โฮ่ง ๆ” ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลย ฉันไม่หลงกลเธอหรอก ไปเลยนะ ไปเลย ไป ! ไป ! บางแก้วตัวนั้นเห่าไล่หลังจนหญิงสาววิ่งลับตาไปเช่นเคย

 

        ...

 

        วันนี้จะมาไม้ไหนกันนะ แต่ก็อย่าหวังจะได้เข้ามาใกล้บ้านนี้ได้เลย

        ยามเย็นที่แสนจะหดหู่ถูกแทนที่ด้วยยามเย็นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังเสียแล้ว สำหรับบางแก้วตัวนี้  ช่วงเวลานี้ของวันอาจมีค่ามหาศาลกว่าที่เราจะจินตนาการถึง เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ดูไม่มีอะไรเป็นพิเศษอาจจะเป็นเป้าหมายของการใช้ชีวิตในแต่ละวันของมัน ไม่มีใครรู้ บางที แม้แต่ตัวมันเองก็อาจจะไม่เคยตระหนักถึง ตอนนี้มันอาจจะยังไม่รู้ตัวเลยก็ได้

        “...”

        แต่ดูเหมือนวันนี้จะต่างไปจากทุกวัน ตอนนี้ก็ผ่านเวลาที่หญิงสาวคนเดิมควรจะปรากฏตัวไปพักใหญ่แล้ว แต่เธอก็ยังไม่มา การรอคอยที่แสนพิเศษนั้น คล้ายจะเริ่มทรมานใจขึ้นไปทุกที บางแก้วตัวนั้นค่อยๆ ฟุบหมอบลงหลังประตูรั้วหลังจากที่เดินวนไปวนมาอยู่นานพอสมควร

         เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ สงสัยพอเห็นเราเอาจริงเมื่อวาน ก็เลยกลัว ไม่กล้ามาเลยล่ะสิ

        “...”

        “ป๊อก ! ป๊อก !”

        “โฮ่ง !” มาแล้วเหรอ บางแก้วตัวนั้นกระโจนลุกขึ้นทันที พร้อมชะเง้อออกไปนอกรั้ว เพื่อมองหาหญิงสาว

        ...แต่ไม่ใช่ เสียงนั้นเป็นเพียงเสียงนกที่พยายามกระเทาะเปลือกไม้เท่านั้นเอง บางแก้วตัวนั้นจึงคอตกด้วยความผิดหวัง และหันกลับไปฟุบลง โดยที่ยังคงหันหน้าไปทางถนนเส้นเดิม มีอุปสรรคสายตาเป็นประตูรั้วบานเดิม เพื่อรอคอยหญิงสาวคนเดิม ด้วยความหวังว่าเธอจะยังคงวิ่งผ่านมาเหมือนเดิม

 

        ...

 

        “ดีเหมือนกันนะที่พี่ชวนหนูมาวิ่งด้วย เพราะปกติหนูก็ไม่มีเพื่อนวิ่งเลย”

        แสงสีส้มจากตะวันที่สาดแสงส่งท้ายแม้ตัวจะลับขอบฟ้า ไล่เฉดสีให้ริ้วเมฆดูอบอุ่นจนผู้ที่หลงเหลือบมองมิอาจละสายตาดั่งต้องมนตร์ กับสายลมที่พัดเอื่อย ๆ พอปะทะผิวกายให้ได้สบายตัว บรรยากาศยามเย็นช่างแสนพิเศษพอจะสร้างความทรงจำดี ๆ ให้กับหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังใช้เวลาร่วมกัน

        “แล้วปกติหนูวิ่งที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มถามในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินตามทางเคียงข้างกันไป

        “...”

        หญิงสาวยิ้ม ก่อนจะเอ่ยปากตอบ

 

        “ในซอยแถวบ้านแหละค่ะ แต่เบื่อแล้ว ได้มาเปลี่ยนที่วิ่งแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

 

                        ......................................................................

 

Link ที่เกี่ยวข้อง

  

                “บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี” 

 

                วรรณกรรมออนไลน์