เรื่องสั้น : ป่วยการเมือง (ด.ช.โต้ง กับแม่ตุ๊กสุดเฮี้ยบ) : มิตร ไมตรี
เรื่องสั้น : ป่วยการเมือง (ด.ช.โต้ง กับแม่ตุ๊กสุดเฮี้ยบ) : มิตร ไมตรี
กริ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ... เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่น ดังไปสามบ้าน – แปดบ้าน... เด็กชายมุดตัวเข้าซุกใต้ผ้าห่ม ใช่หาไออุ่นในเช้าวันใหม่ที่แสนอบอ้าวไม่ แต่เพื่อหลบลี้หนีเสียงนาฬิกาที่ตั้งเตือนว่าได้เวลาลุกขึ้นอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียน...
เสียงฝีเท้าก้าวพลุ่งพล่านขึ้นบันไดมาอย่างเร็วไว หวังมาสยบกดปิดเสียงนาฬิกาที่เกรงว่าจะดังไปรบกวนเพื่อนบ้านที่ชายคาอยู่ติด ๆ กัน... เสียงหอบของแม่ตุ๊กเข้ามาแทนเสียงดังของนาฬิกาที่สงบลง หลังผลักเปิดบานประตูเข้ามาในห้องลูกชายตัวดี...
“โต้ง ๆ ๆ ลูก ตื่นได้แล้ว รีบอาบน้ำ... จะได้กินข้าว แล้วไปโรงเรียน ลูก”... เสียงแม่ตุ๊กปลุกเรียกลูกชายที่ตอนนี้ซ่อนกายอยู่ใต้ผ้าห่ม พลางแม่ตุ๊กก็เดินตรงไปยังฟูกที่ปูราบอยู่กับพื้นห้อง พัดลมตั้งพื้นโยกส่ายหัวไป – มา... แม่ตุ๊กก้มตัวลง เอื้อมแขนไปเขย่าร่างลูกชาย พร้อมเปล่งเสียงแบบเร่งพลังปลุกเร้าให้ลูกชายตื่น...
“โต้ง ๆ ๆ เร็ว ๆ เข้า เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทันเอาหน่า... ถูกครูตีเอาหน้าเสาธง แม่ไม่รู้ด้วยนะ ตื่น ๆ ๆ ไปแปรงฟัน อาบน้ำเร็ว ๆ เข้าลูก”... แต่เหมือนจะไร้การตอบสนองจากลูกชาย... แม่ตุ๊กดึงผ้าห่มคลุมกายลูกชายออก พร้อมเสียงไม้เกาหลังที่ตีขู่ลงบนฟูกดัง “ปั้บ ๆ”... “จะตื่นดี ๆ หรือต้องให้แม่ลงไม้ลงมือตั้งแต่เช้าเนี่ย”... “เร็ว อาบน้ำไปโรงเรียนได้แล้ว จะเจ็ดโมงแล้ว กินข้าวอีก อะไรอีก เดี๋ยวไม่ทัน”...
เด็กชายเริ่มเหยียดแขนขึ้นไปเหนือหัว ตัวก็บิดขี้เกียจ ขาเริ่มถีบผ้าห่มออกด้วยเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าทำไมอากาศช่างร้อนจัง ก่อนลืมตาปริบ ๆ มองหน้าแม่ พลันมือก็เอื้อมไปเกาะแขนแม่ตุ๊ก... “แม่ หนูไม่ค่อยสบาย วันนี้ขอหยุดเรียนนะ”... เสียง ดช.โต้ง เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างแผ่ว ๆ เคล้าความออดอ้อนแบบขอความเห็นใจจากแม่...
แม่ตุ๊กเอะใจ หรือจะไม่สบายจริง ๆ... “เอ่ เมื่อวานเย็นก็ยังวิ่งเล่นปกติดีอยู่หนิ ตอนค่ำก็ยังนั่งดูทีวีดีๆ อยู่ด้วยกันอยู่เลย” ว่าแล้วแม่ตุ๊กก็เอาหลังมือไปแตะหน้าผากลูกชาย... “ก็ไม่เห็นตัวร้อน หรือมีไข้อะไรหนิลูก” แล้วก็เลื่อนมือไปแตะอังที่คอและหน้าอกของลูกชาย... “ไม่สบาย เป็นอะไรหล่ะ มีอาการยังไง ไหนบอกแม่ซิ”...
โต้งบอก “ไม่รู้เหมือนกันแม่ ไม่สบายอ่ะ วันนี้หนูขออยู่บ้านนะ”...
“อ้าวไม่สบายมีอาการยังไงก็บอกแม่สิ แม่จะได้บอกลุงหมอถูก เดี๋ยวพาไปหาลุงหมอ ลุงหมอจะได้ฉีดยาถูก”... แม่ตุ๊กผู้รู้ทันว่าลูกชายงอแงไม่อยากตื่นไปโรงเรียน ขู่เอาเรื่องฉีดยาซึ่งลูกชายกลัวเข็มเอามาก ๆ มาวัดใจ ดช.โต้ง...
“ไม่นะแม่ หนูไม่ไปหาลุงหมอ ไม่ฉีดยา... ขออยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ได้เหรอ” โต้งเริ่มลุกขึ้นนั่งมาเจรจาต่อรองกับแม่ หวังว่าแม่จะใจอ่อนและยอมให้หยุดเรียนอยู่กับบ้าน...
แม่ตุ๊กคลายใจและชัดเจนแล้วว่าลูกชายปกติสบายดี ไม่ได้ป่วยไข้อะไร แค่ขี้เกียจและไม่อยากจะตื่นไปโรงเรียนก็เท่านั้น... “แหน่ ๆ ๆ คิดจะป่วยการเมืองเหรอ... ไม่ได้กินแม่หรอก” แม่ตุ๊กพูดกับโต้งพร้อมพลางยิ้มเบา ๆ หัวเราะอ่อน ๆ กับความเจ้าเล่ห์ของลูกชาย...
ทันใดนั้น ดช.โต้ง นักเรียนชั้น ป.2/1 ซึ่งได้ยินแม่พูดว่า “คิดจะป่วยการเมืองเหรอ ?” เกิดความสงสัยขึ้นมาเพราะยังเรียนไม่ถึง แล้วก็ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “ป่วยการเมือง” ว่าคืออะไร หมายถึงอะไร... คำว่า “ป่วย” แปลว่าไม่สบาย นั้น ดช.โต้ง พอเข้าใจอยู่ว่าหมายถึงอะไร แต่คำว่า “ป่วยการเมือง” คืออะไรนั้น โต้งไม่รู้ และด้วยความที่เป็นเด็กฉลาดช่างสงสัย โต้งจึงถามกลับแม่ตุ๊กว่า...
“แม่ ๆ... ป่วยการเมืองคืออะไรอ่ะ ?”… เด็กน้อยสงสัย
แม่ตุ๊ก ซึ่งก็พูดไปด้วยเพราะว่าเป็นคำติดปาก ไม่คิดว่าจะไปสร้างประเด็นให้ลูกเกิดความสงสัย แล้วย้อนกลับมาถาม... แม่ตุ๊กตอบลูกไปว่า “ป่วยการเมือง หมายถึง จริง ๆ ไม่ได้ป่วย แต่แกล้งทำเป็นป่วย เหมือนที่โต้งทำอยู่นี่ไงลูก”...
“แล้วเกี่ยวอะไรกับการเมือง... และไอ้การเมืองนี่มันหมายถึงอะไร ? เกี่ยวอะไรกับเรื่องแกล้งไม่สบาย แกล้งป่วยด้วยอ่ะแม่”... แม่ตุ๊กอดขำไม่ได้ถึงความไม่รู้ ความไร้เดียงสาของลูกเพราะยังเด็กที่จะเข้าใจความหมายของคำบางคำ แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายลูกยังไงดีให้ลูกเข้าใจ จึงตอบลูกไปว่า...
“เดี๋ยวโตขึ้นก็จะรู้เองแหละลูก แต่เอาเป็นว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีละกัน... วันหลังหนูอย่าทำอีกนะ มันเป็นการโกหก หนูอย่าแกล้งทำเป็นป่วยโกหกแม่อีกนะ อย่าแกล้งทำเป็นป่วยการเมืองอีก รู้มั้ย”... ดช.โต้ง รีบตอบ “รู้ครับ”...
“ไป ไปอาบน้ำ แล้วเดี๋ยวลงไปกินโจ๊ก แม่ไปซื้อที่ตลาดมาให้แล้วเดี๋ยวจะลงไปเทใส่ชามรอไว้ให้ เสร็จแล้วจะได้ไปส่งที่โรงเรียน” แม่ตุ๊กบอกลูก ก่อนจะคว้าตัวลูกมากอด หอมแก้มซ้าย - ขวา แล้วเอามือตีตูดเบา ๆ ไล่ไปเข้าห้องน้ำ
..................................................
Link ที่เกี่ยวข้อง