เรื่องสั้น : คุณไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานศพของฝูงอีกา : ปันนารีย์
เรื่องสั้น : คุณไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานศพของฝูงอีกา : ปันนารีย์
ตอนแรกที่ฉันดั้นด้นขึ้นมาบนภูเขา ฉันกำลังคิดว่าอยากลองมาวาดภาพนกางเขนป่าในป่าจริง ๆ แต่ดูเหมือนทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป มีเพียงทุ่งหญ้าสีเหลืองแซมดอกขาวลาดเทไปตามไหล่เขา มันเป็นเพียงดอกหญ้าแต่เมื่อได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีคนจำนวนมากย่ำเท้าเข้าไปถึงมากยิ่งขึ้น-มากเกินไป ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปที่หน้าผาเพื่อจะถ่ายภาพตัวเองให้เป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของภูเขาลูกใหญ่ เพื่อให้ประวัติศาสตร์ความรักของก้อนหินรูปหัวใจก้อนนั้น ซึ่งก้อนหินธรรมดา ๆ ถูกสมมติขึ้นว่ามันเป็นหัวใจของมนุษย์ ผู้คนต่างพากันยกมือพนมขึ้นอธิษฐาน มันจะเนรมิตความรักของคุณให้สุขสมหวัง ทุ่งหญ้าธรรมดาแห่งหนึ่งก็กลายเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาไปในบัดดล มีทุ่งหญ้าสีเหลืองขึ้นตามที่บนไหล่เขา งดงาม งดงาม และดึงดูดให้ใครต่อใครมาที่นี่ แต่ฉันมาถึงที่นี่ในฤดูฝุ่น และทั้งหมดก็เหมือนเอาสีขาวเทา ๆ ปาดฝีแปรงคลุมความงามภูเขาทั้งหมดเอาไว้เสียแล้ว
“ถ้าฟ้าแจ้งกว่านี้ เราจะมองเห็นด้านล่างเป็นหมู่บ้าน” นายพรานนำทางชี้ให้ดู
เรื่องของเรื่อง ฉันอยากเป็นจิตรกร ฉันทดลองวาดภาพ ดอกทานตะวันอย่างแวนโก๊ะ ทดลองวาดภาพผู้หญิงกางร่มอย่างโมเนต์ มันไม่เอาไหนหรอก มันกลายเป็นสัตว์ประหลาดในโลกแห่งเวทมนตร์ ดอกทานตะวันห้อยหัวเหมือนถูกแดดฤดูร้อนแผดเผา หญิงสาวกางร่มถูกสีน้ำไหลพัดจนใบหน้าบิดเบี้ยว และร่มก็ไม่ได้หุบลงอีกต่อไป เมื่อมันไม่ได้สวยงามอย่างที่จินตนาการไว้ตั้งแต่ต้น เฉกเช่นผลงานศิลปะ ฉัน,ผู้ไม่เคยละความพยายามในความปรารถนาของตัวเอง
ฉันจึงคิดว่าฉันควรลองวาดภาพจากสถานที่จริงดูบ้าง
วันหนึ่งฉันอยากวาดภาพภูเขาลูกนี้ มันเคยสูงตระหง่านอยู่ตรงหน้าบ้าน ตรงหน้าต่าง ไม่ว่าฉันจะย้ายไปนั่งอยู่ตรงตำแหน่งไหนของบ้าน ภูเขาลูกนี้มักตามฉันไปเป็นเงา แต่ไม่นานมานี้ภูเขาถูกฤดูฝุ่นขโมยไป เอาเป็นว่า คราวนี้ฉันจึงขึ้นเขาเพื่อตามหาภาพทิวทัศน์ของตัวเอง
สิ่งบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์ที่ทาบลงบนผิวเปลือกไม้ พรานนำทางบอกว่านี่ไงรอยกรงเล็บของหมีควาย ที่บัดนี้ไม่มีหมีควายหลงเหลือสักตัว มันเคยมี เขาย้ำ ฉันถามมีไก่ป่า หมูป่า อยู่บ้างไหม มีอยู่บ้าง ถ้าเห็นก็มักถูกจับไปกินหมด มีฟานหลงฝูงที่นาน ๆ พบเจอ
ลุงชัย-อดีตพรานป่าที่บัดนี้กลายเป็นคนนำทาง เขาบอกว่าอีกไม่นานจะไปทำงานในฟาร์มเลี้ยงวัวของพ่อเลี้ยงทูน ฉันเห็นผิวดำของเขาขับหยดเหงื่อให้แวววาว รอยสักยันต์ของเขาตามลำตัวดูขรึมขลัง เขาอาจเคยเป็นพรานผู้เต็มไปด้วยบาดแผลของนักรบ ที่บาดแผลทุกรอยยังไม่เคยแห้งสนิทต่างเผยให้เห็นรอยแผลเป็นอันฝังลึกของเหตุการณ์
คราวนั้นฉันเห็นฝูงนกบินโฉบผ่านหน้าต่างไป ฉันจึงคิดว่าฉันควรวาดภาพฝูงนกที่โฉบบินไปทางภูเขา
“มันไม่ใช่นก มันเป็นอีกา”
อีกาตัวใหญ่ ปีกใหญ่ดำมะเมื่อม ตาสีแดงลุกวาว ลุงชัยเป็นเหมือนพรานล่าสัตว์มาทั้งชีวิต เขาเป็นพรานประจำหมู่บ้านที่สวมหมวกนายพรานอย่างเดียว สัญญาณป่าเปลี่ยนแปลงฝังลึกอยู่ในอุ้งมือและรอยเท้าของเขา ภูเขาลูกนั้นเขาย่ำไปทุกตารางนิ้ว จวบจนไม่นานนัก ภูเขาเกิดมีเจ้าของขึ้นมา พ่อเลี้ยงทูน ขึ้นไปกว๊านซื้อที่ดินบนภูเขาลูกนี้ไว้ทั้งแถบ เป็นพันไร่ เขาลือกันแบบนี้ ใครกันซื้อภูเขาได้ด้วย จวบจนฉันได้ขึ้นไปบนภูเขาลูกนั้น ฉันขึ้นไปในฐานะนักท่องเที่ยว มันเป็นทัศนียภาพอันแสนงดงาม ท้องฟ้าด้านบนเป็นสีฟ้า ไล่เฉดสีเหลืองอมส้มยามอาทิตย์คล้อยต่ำ เมื่อมองลงมาด้านล่าง เหมือนแยกชั้นทิวเขาและต้นไม้ทึบมืด แสดงความอุดมสมบูรณ์ด้วยเถาวัลย์ยึดโยงทั้งหมดไว้ด้วยกัน ไม่นานจากนั้น เมื่อทุกอย่างกลายเป็นฟาร์มเลี้ยงวัวพันธุ์ตัวใหญ่โต ไม่ใช่ควายของบรรดาชาวบ้านที่ปล่อยให้เดินเข้าป่าหากินกันเอง วัวพวกนี้ตัวใหญ่โต เขาโค้งงอและไม่ได้เลี้ยงไว้เพื่อให้ได้น้ำนม พวกมันจะถูกฆ่าทำเป็นเนื้อสเต็ก ฉันสงสารพวกมัน ไม่เคยแตะต้องเนื้อสัตว์อีก เพื่อนของฉันเคยหัวเราะว่าฉันไม่เคยกินเนื้อวัวเกรดเอล่ะสิ มันทั้งนุ่มและอร่อย เหมือนสวรรค์ของคนกินเนื้อ ฉันว่าฉันเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาของพวกมัน ตอนที่หัวของพวกมันถูกบั่นออกจากลำตัว ดวงตาไร้แววของมันฉกฉวยตัวฉันเข้าไปอยู่ข้างใน
ป่าครั้งหนึ่งที่พวกเราพากันปีนขึ้นไป รอยอุ้งตีนหมีควายตัวใหญ่ ประทับอยู่บนต้นไม้และมันได้กลายเป็นแค่ตำนานให้นายพรานอย่างลุงชัยชี้ให้พวกเรามองดูเปลือกผิวต้นไม้ที่กลายเป็นผิวชรา เพียงแค่ว่ามันยืนยาวกว่าชีวิตของพวกเรามาหลายรุ่น
มาบัดนี้ ป่าสนสองใบได้ถูกปลูกขึ้นใหม่ มันเข้าแถวเป็นแนวยาว รอแสงแดดไล้ตัวเองผ่านกิ่งก้านลงมาสู่ผืนดิน ลูกสนเมล็ดแล้วเมล็ดเล่าปลิวลมตกลงมาเกลื่อนพื้น รอคอยให้ผู้คนแต่งชุดสวยขึ้นมาถ่ายเชลฟี่กับป่าเปลี่ยนแปลง
ในร่างของภูเขาและผืนป่า ฉันร่างด้วยดินสอเส้นบาง ๆ ตวัดไปมาเพื่อรอการลงสีรอบใหม่ ที่หน้ากระดาษนำพาฉันมายังสถานที่อุดมสมบูรณ์ มีนกและนั่น ...คุณเคยเห็นไหม ฝูงอีกาตาแดงที่ต่างเกาะอยู่ตามกิ่งไม้ไร้ใบของฉำฉาใหญ่ มองออกไปไม่รู้ว่าสิ่งใดยิ่งใหญ่กว่ากัน หรือพวกมันกำลังเตรียมทำการออกรบ
ไม่มีใครไม่มีบาดแผล
ถ้าฝูงอีกาผู้เคยเป็นนักล่า และนักกำจัดซากสัตว์ในป่า มาบัดนี้ ไม่มีซากศพให้อีกา อีแร้ง อ้อ...ไม่สิ อีแร้งได้สูญพันธ์ไปก่อนหน้านี้นานแล้ว เราหลงเหลืออีกาตาแดงอยู่ตามต้นไม้ในป่าช้า มันเกิดจากการรุกไล่ของการสูญสิ้นอาหาร ไม่มีอาหารในป่า ฝูงอีกาต้องบินมากินซากศพแทน แต่วิวัฒนาการเตาเผาไฟฟ้าก็ยุติบทบาทนักทำลายซากของพวกมันอีกรอบ
อากาศร้อนจัดจนบรรดาวัวควายที่เร่ร่อน ต้องเผชิญกับการฆ่าตัวตายจากการแผดเผา ไม่มีแหล่งน้ำให้นอนแช่ มีแต่รังสียูวีระดับอันตราย ต่างจากวัวในฟาร์มของพ่อเลี้ยงทูน ระดับความแตกต่างแผ่ขยายมาตามความร้อน ไอแดดสีส้มสวยนั้นแสบนัยน์ตากระเพื่อมไหวตามแรงลมที่พยักเพยิดมาคราใด ก็แผ่รัศมีความร้อนมาลามเลียผิว พรานชราที่หน้าผากถูกตีนกาหวดเป็นร่องลึก เผยให้เห็นผิวตกกระ แผลเป็นจำนวนมากที่แยกไม่ออกว่าจากสัตว์ป่าตัวไหน มาจากร่องหินหน้าผาแห่งใด มันมาผนึกแนบแน่นในร่างของเขาเอาไว้ทั้งหมด เมื่อมองพ่อเลี้ยงทูนผิวขาวเหมือนละอองแดดเดินเข้ามาใกล้ สร้อยคออร่ามที่เคลือบลำคอ นิ้วมืออวบอ้วนสวมแหวนเม็ดใหญ่ ความร่ำรวยมักแผ่ออกมาทางพุงและแก้มป่องย้วยของเขา
ฉันไม่ได้วาดภาพซากวัวควายแห้งตายลงไปหรอก ฝูงอีกายังอยู่ตรงบริเวณป่าช้าเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเป้าหมายของมันสูงกว่านั้น การบินโฉบขึ้นไปบนภูเขาที่บัดนี้กลายเป็นฟาร์มเลี้ยงวัวพันธุ์เนื้ออย่างดี มันกลายเป็นแหล่งอาหารแหล่งใหม่ของฝูงอีกา
พ่อเลี้ยงทูนกระฟัดกระเฟียดว่าฝูงอีกามารุมขโมยอาหารวัวของเขาไปจนหมด
“ทำอย่างไรก็ได้ที่จะฆ่าพวกมันให้หมดไป”
อดีตนายพรานมองหน้าต้องสงสัยของพ่อเลี้ยง ผู้เป็นเจ้าของเงิน เจ้าของชีวิตของเขาไปแล้ว เขาคิดวิธีกำจัดฝูงอีกา มันเคยเป็นฝูงอีกาที่เกเรก็จริง แต่มันทำให้ป่าของเขามีเสียง เสียงกา กา ที่ตัดผ่านลมหวีดหวิว ไม่มีใครว่างพอจะเงี่ยหูฟัง
แดดเที่ยงแรงกล้า ก่อนหน้านี้ทุกหนทุกแห่งมีสายลมพัดโชยมา เย็นวาบก็ลูบผิวเนื้อให้คลายร้อน แต่ร้อนปีนี้ชวนให้รำลึกถึงฤดูใบไม้ร่วงที่สีน้ำตาลไหม้ของป่ากรอบแกรบพร้อมปะทุไหม้
อ้า... จู่ ๆ ที่นี่ ก็เงียบเสียงทั้งหมดลง หลงเหลือแค่แดดแผดเผา ตรงเวลาเที่ยงวันที่ไม่มีแม้เงาตัวเอง
ขณะฝูงอีกาจำนวนมากบินตัดเฉวียนสู่ภูเขาที่โล่งเตียน อุดมไปด้วยเสียงมอ มอ ของสัตว์ที่ถูกขุนเพื่อรอวันฆ่า เหล่าสัตว์สี่เท้าถูกต้อนเข้าคอกอย่างเป็นระเบียบ อดีตพรานป่าโปรยอาหารกระสอบใหญ่ที่คลุกเคล้าด้วยยาฆ่าแมลงชนิดแรงและเฉียบพลัน ไม่มีกลิ่นเมโทมิล 90 % ที่คลุกอยู่ในทุกอณูละเอียดของอาหารกำลังถูกฝูงอีกาจิกโฉบอย่างสบายอุรา
โอ้... จู่ ๆ ที่นี่ก็เงียบเสียงทั้งหมดลง ไม่มีเสียงนกร้อง ไม่มีเสียงใบไม้พัดหวีดหวิว ไม่มีเสียงน้ำไหลเซาะผ่านหินผา ทุกอย่างเงียบเชียบไปหมด
นั่นแหละ คุณ ....ภาพวาดของฉัน ศพอีกาจำนวนมากตายทับถมบนภูเขาโล่งเตียน
ฉันตั้งชื่อภาพวาดนี้ว่า
-คุณไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานศพของฝูงอีกา-
...............................................................
Link ที่เกี่ยวข้อง
“บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”