เรื่องสั้น : “ไอศกรีมถ้วยนั้น” : จิตประภัสสร

เรื่องสั้น : “ไอศกรีมถ้วยนั้น” : จิตประภัสสร

 

          หมุดหมายสุดท้ายในศุกร์อันแสนวุ่นของช่างภาพหนุ่มวัยเบญจเพส คือ ร้านไอศกรีมโฮมเมดซึ่งเปิดสาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าย่านชานเมือง เต้เร่งสะสางงาน โลดลิ่วควบมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ ซอกแซกสู่ทางลัด ลำแสงยามตะวันอัสดงกับสายลมเย็นที่พัดปะทะกายทำให้นึกอยากมีใครมาซ้อนท้ายโอบกอดเอวแน่น ๆ สักคน  ร่างล่ำสันมาดเซอร์ซึ่งสวมหมวกกันน็อคแบบครึ่งใบสีดำและสวมถุงมือหนังสีเดียวกันบังคับรถเข้าซอยโน้น ออกซอยนี้ ก่อนจะโผล่ไปยังปากซอยที่ตั้งของโรงพยาบาลรัฐบาล ซึ่งเพียงแล่นสวนเลนบนทางเท้าผ่านไปไม่กี่อึดใจแทนการอ้อมไปกลับรถบนถนนก็จะถึงห้างที่นัดหมาย แม้ย่นทั้งเวลาและระยะทางได้พอควร ก็ยังหวุดหวิดจนเต้เกือบไม่ทันนัดด้วยเหตุบางประการ   

            สาวผมบ๊อบร่างเล็กที่ดูไม่ออกเลยว่าอายุจะมากกว่าถึงสิบปี นั่งยิ้มร่ารออยู่ที่โต๊ะกลมสีส้มกลางร้าน เธอโบกมือทักทายทันทีที่สบตา  เต้ผู้สวมแจ็กเก็ตยีนยิ้มเหนียม ๆ  ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปนั่งลงตรงข้ามกันบนเก้าอี้ไม้มีพนัก ปลดกระเป๋ากล้องสีดำที่สะพายไหล่ขวาวางบนเก้าอี้อีกตัว

            “พี่หนึ่งนึกยังไง ถึงนัดกะทันหันแบบนี้ล่ะครับ ผมรีบแทบแย่”  

            “ก็บอกไปแล้วไงว่าอยากเลี้ยงขอบคุณอีกครั้ง แล้วพี่ก็อยากกินวันนี้พอดี” เจ้าของแววตาที่ทำให้หัวใจหนุ่มเต้นแรงโดยเจ้าตัวอาจไม่ตั้งใจ ส่งเสียงหัวเราะคิกคักต่อท้าย      

            “กินไอติมตอนลมหนาวมาเยือนแบบนี้นะเหรอครับ”

            หนุ่มผู้ปล่อยผมยาวระต้นคอ แสร้งจ้องไปที่ลายกุหลาบแดงบนเสื้อฮู้ดสวมหัวสีดำจนคนถูกจ้องต้องก้มมองเสื้อตัวเอง ก่อนเธอจะหัวเราะร่วนแล้วเงยหน้าตอบ  

            “กินช่วงเนี้ยเหมาะที่สุดแล้ว เต้คงไม่รู้ว่าเวลากินไอติมจะทำให้อุณหภูมิในตัวเพิ่มสูงขึ้น เพราะ    ไอติมทั่วไปจะมีทั้งน้ำตาล ไขมันและโปรตีนซึ่งเป็นอาหารหนักและย่อยยาก ร่างกายเลยต้องสร้างความร้อนขึ้นมาเผาผลาญ หากกินในวันที่อากาศร้อนจัดอาจทำร้ายร่างกายมากกว่าเป็นผลดีอีกด้วยนะ แม้จะช่วยลดความเครียดได้ก็เถอะ แต่ของร้านนี้ เน้นหวานน้อย ไขมันน้อย ดีต่อสุขภาพแน่นอน” 

            “ผมต้องเชื่อพี่ใช่มั้ยครับ” ผู้มีใบหน้าแลเกินอายุจริงถามกลบเกลื่อนอาการปรารถนาที่ยังมิกล้าเผย ได้แต่ปล่อยให้เพลงแทนความรู้สึกวิ่งเวียนวนอยู่ในหัว

            ...ปี้สาวครับ ตอนนี้ผมฮักปี้แล้วครับ จะฮักปี้ บ่ มีหน่าย บ่ อยากเป็นน้องชาย แล้วล่ะ

            “พี่ให้สิทธิเต้เต็มที่เลยว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ตอนนี้สั่งไอติมกันก่อนดีกว่ามั้ย เลือกแบบถ้วยใหญ่มากินด้วยกันก็น่าจะดีนะ จะได้กินหลาย ๆ รส” หนึ่งกางเมนู พลิกสลับหน้าไปมา พร้อมส่งเสียงเริงรื่นราวกับสาวรุ่น “พี่ตัดสินใจได้ละ สั่งเมนูนี้ก็แล้วกัน เราเลือกรสชาติที่อยากกินได้ด้วย”       

            ดั่งดวงใจชายถูกรินรดด้วยน้ำทิพย์แห่งความอิ่มเอมจนชุ่มชื่นกมล เมื่ออิสตรีที่แอบเสน่หาเอ่ยถามความเห็นด้วยคำว่า “เรา” แม้สาวผิวขาวผ่องจะตกลงใจเลือกเมนูโดยมิได้รอฟังความเห็นของเขา      

            “ถ้าอย่างนั้น ผมขอรสรัมเรซิ่นสักลูกได้มั้ยครับพี่ ไม่ได้กินนานแล้ว นอกนั้นตามใจเจ้ามือ”     

            “ได้สิ เดี๋ยวพี่จัดให้ แต่ที่นี่เขาเรียกรสรัมลูกเกดนะ” เจ้าของใบหน้าหวานพยักหน้า ท่าทางกระตือรือร้น ก่อนกวักมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์

            เต้ลอบมองเจ้าของเล็บมือสีนู้ดใช้นิ้วจิ้มสั่งไอศกรีมจากเมนูอย่างเพลินตา แม้หลากหลายรสชาติล้วนแต่เป็นความปรารถนาของคู่สนทนา   หากวัดด้วยไม้บรรทัดแห่งความเสมอภาคที่เขามักใช้เรียกร้องจากเพื่อนฝูงแทบทุกครั้งในการสั่งอาหารร่วมกันไม่ว่าใครจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย อาจกล่าวได้ว่าเกิดความไม่เท่าเทียมอย่างไร้ข้อสงสัย แต่ชายหนุ่มกลับยินยอมด้วยความเต็มใจแบบไร้ข้อแม้           

            นอกจากโต๊ะของทั้งคู่ มีเพียงชายวัยกลางคนกับเด็กหญิงวัยมัธยมต้นที่น่าจะเป็นคู่พ่อลูกนั่งอยู่ด้านหน้า กับกลุ่มหนุ่มสาวมหาวิทยาลัยซึ่งจับจองโต๊ะใหญ่ด้านในสุด ปริมาณลูกค้าที่ผันแปรตามสภาพอากาศทำให้พนักงานหญิงร่างอวบที่สวมเสื้อไหมพรมสีครีมแขนยาวคลุมทับเสื้อโปโลสีส้มยกไอศกรีมถ้วยใหญ่มาเสิร์ฟในเวลาไม่นาน

            ไอศกรีมรสฝรั่งที่เต้จำได้ว่าสาวรุ่นพี่เลือกสั่งเป็นรสชาติแรกจัดมาบนสุดของถ้วยแก้วทรงแจกันปากกว้างก้นแคบ ขนาบลดหลั่นด้วยรสนมและรสมะพร้าว อัลมอนต์โรยหน้ามาพอประมาณ ราดแต่งอย่างเสรีด้วยแยมรสผลไม้รวม รสชาไทยและรสช็อกโกแลตอย่างละสกู๊ปจัดวางคู่กันถัดลงมา อีกสองรสชาติด้านล่างก็เลือกโดยเจ้าภาพ และสุดท้ายก้นถ้วยกับไอศกรีมซึ่งคลุมมิดด้วยวิปครีมอันเป็นลูกเล่นของทางร้านคล้ายสมบัติล้ำค่าใต้พิภพที่รอการค้นหา ซึ่งเต้มั่นอกมั่นใจแบบไม่ต้องคาดเดาว่าคือรสชาติใด

            ความสุขฉายชัดบนใบหน้าของหนุ่มสาวต่างวัย แต่ในใจจะเริงร่าด้วยความรู้สึกเสมอกันหรือไม่ เป็นอีกเรื่องที่ต้องติดตามต่อ ไม่นานนักแต่ก็มิใช่ชั่วประเดี๋ยวที่กะพริบตาแล้วทุกอย่างจะผ่านผัน กว่าคนชวนจะละเลียดกินอย่างเนิบช้าลดหลั่นลงไปในแต่ละชั้น กว่าคนถูกชวนจะได้เริ่มพิชิตรสชาติที่คาดหวัง  กว่าทั้งคู่จะพิสูจน์ทราบว่า...ไอศกรีมสกู๊ปสุดท้าย มิใช่รสชาติที่ใครคนหนึ่งรอคอย

            “ไอติมไม่ใช่ลูกละบาทสองบาทนะครับพี่หนึ่ง ในเมื่อลูกค้าสั่งรสรัมลูกเกด ก็สมควรต้องได้กินรสรัมลูกเกด ถึงจะถูกไม่ใช่หรือครับ” นิสัยที่เป็นมาแต่ไหนแต่ไรกำลังเริ่มวิ่งจากจุดสตาร์ตบนสนามอารมณ์ของหนุ่มผมยาวอีกครั้ง

            “ข้อนั้นพี่ไม่เถียง แต่ไหน ๆ เรากินกันมาก็เกือบหมดถ้วยแล้ว อย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวดีกว่านะ ถ้าเต้อยากกิน เดี๋ยวพี่สั่งรัมลูกเกดมาเพิ่มให้ใหม่”

            “มันไม่ใช่ประเด็นว่าผมอยากกินหรือไม่อยากกินนะครับพี่” เต้เริ่มรู้ตัวจึงพยายามข่มน้ำเสียงแข็งกระด้างให้เบาบางในประโยคถัดมา “ผมแค่รู้สึกว่ามันเป็นสิทธิที่ควรจะเรียกร้อง แม้เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ควรปล่อยผ่านนะครับ”

            “เราก็ไม่ได้เสียประโยชน์อะไรมากมายนี่นา ไอติมก็เสิร์ฟมาครบ แค่ผิดรสชาติไปลูกเดียว พนักงานคงไม่ได้ตั้งใจ ถ้าโวยวายเป็นเรื่องใหญ่ หากเขาโดนตำหนิและถูกหักรายได้ขึ้นมาก็น่าเห็นใจนะ”      

            “พี่หนึ่งไม่คิดว่ากำลังโดนเอาเปรียบบ้างเลยหรือครับ” 

            “มีคนเคยกล่าวไว้ว่า...หากเราไม่คิดว่ากำลังถูกใครเอาเปรียบ เราก็จะไม่รู้สึกว่ากำลังเสียเปรียบใคร...สมมุติว่าพี่เป็นคนที่ตักไอติมผิดรสชาติคนนั้น เต้จะทำยังไง” หนึ่งตั้งคำถามพลางจ้องมาที่ดวงตาของคู่สนทนา   

            “โธ่ ถ้าเป็นพี่หนึ่ง ผมจะกล้าว่าอะไรละครับ แต่มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”

            “พี่แค่อยากให้เต้ลองเปิดใจมองในมุมอื่น ๆ  บ้าง  บางทีไอติมลูกสุดท้ายนี้อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งรสชาติที่เต้ชื่นชอบก็ได้นะ”         

            ถ้าผู้นั่งตรงหน้ามิใช่สาวที่ตั้งเป้าประสงค์จะบอกฝันดีทุกคืนก่อนนอน เต้คงไม่นั่งเฉยอยู่แบบนี้ เขานึกย้อนกลับไปเมื่อสามเดือนก่อน สาเหตุที่ยอมรับงานถ่ายภาพประกอบหนังสือให้กับสาวแปลกหน้าต่างวัย ทั้งที่งานของตนก็ล้นปรี่จนแทบไม่เหลือช่องว่างในปฏิทินให้ลงคิว ส่วนหนึ่งก็เกิดจากลูกตื้อในแววตาขี้เล่นและจริตจะก้านที่มีแรงเหนี่ยวนำจนเต้ต้องยอมโอนอ่อนให้เสมอมา              

            ทั้งคู่ขึ้นรถลงเรือ ตะลอนกันไปยังหลากหลายวัดเพื่อบันทึกภาพที่เก็บอัฐิแบบต่าง ๆ ทั้งช่องเก็บตามกำแพง ตามขื่อศาลา ตามเสาโคมไฟ หรือบริเวณม้านั่งที่บางวัดสร้างสรรค์ให้แตกต่างเป็นจุดขาย รวมทั้งที่เก็บไว้ในเจดีย์ อาทิ เจดีย์หินขัด เจดีย์หินอ่อน เจดีย์กระจก และเจดีย์แบบอื่น ๆ หรือจะเก็บไว้ในห้องที่สร้างขึ้นเฉพาะด้วยราคาจ่ายที่สูงกว่าก็มีให้เห็น สาวรุ่นพี่เคยเล่าว่าตั้งใจอยากให้สารคดีเล่มแรกและอาจเป็นเล่มเดียวในชีวิตออกมาสมบูรณ์ที่สุด เต้เคยเอ่ยถามถึงแรงจูงใจที่เลือกเขียนเรื่อง “ความเหลื่อมล้ำของบ้านหลังความตาย” เจ้าของรอยยิ้มหวานได้แต่มอบยิ้มแทนคำตอบ และปล่อยให้เป็นปริศนาเรื่อยมา  นับจากวันนั้น ดอกตูมแห่งความใกล้ชิดก็ค่อย ๆ แย้มกลีบแห่งความผูกพัน จนผลิบานเป็นดอกไม้งามแห่งความรู้สึกดี ๆ ในสี่ห้องหัวใจของชายหนุ่ม     

            หนึ่งเอื้อมมือขวาสัมผัสลงบนหลังมือซ้ายของเต้อย่างแผ่วเบา ก่อนจะบอกเล่าประสบการณ์ในบางช่วงวัย คราวที่แม่เลี้ยงเดี่ยวอ้างสิทธิดูแลโดยไม่เว้นวางแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างพื้นที่ส่วนตัวในห้องนอน ทำให้โต้เถียงกันบ่อยครั้งจนต่างเริ่มเอือมระอา การเลือกใช้คำว่า “ห้าม” โดยอ้างคำว่า “ห่วง” ไม่ต่างจากการควบคุมอย่างเลือดเย็น หนึ่งเคยอึดอัดเบื่อหน่ายจนเรียกขานแม่ของตนด้วยฉายาร้าย ๆ ว่า “หญิงแก่เผด็จการ” แต่น้าชาย คือผู้มาไกล่เกลี่ยด้วยคำแนะนำตามแบบฉบับคุณครูว่า การพูดและฟังล้วนสำคัญพอ ๆ กัน ผู้เป็นแม่ควรเปิดใจรับฟังลูกสาว ลูกสาวก็ควรเปิดใจรับฟังผู้เป็นแม่ ฝึกสื่อสารกันผ่านเหตุและผล หากต่างคนต่างยอมเปิดใจ อ้อมกอดแห่งรักย่อมหวนกลับคืน ความสัมพันธ์ในสังคมก็ไม่ต่างกัน หากทุกคนเข้าใจถึงความเกี่ยวโยงซึ่งกันและกันว่า เราต่างเป็นคนร่วมครอบครัว ต่างเป็นคนเป็นร่วมสังคม และต่างเป็นคนร่วมประเทศ ความยึดมั่นถือมั่นหรืออัตตาตัวตนก็คงลดน้อยลง แต่คนทั่วไปมักรู้เห็นและได้ยินไม่เกินที่ตาและหูของแต่ละคนอนุญาต ครั้นมีอะไรมากระทบใจก็มักใช้อารมณ์ความรู้สึกแรกเป็นสารตั้งต้น จึงไม่แปลกที่จะเกิดความเห็นต่างในแต่ละบุคคล      

            แม้กระแสสัมผัสผ่านมือสู่มือจะดุจละอองไอเย็นที่แผ่บรรเทาอาการเรียกร้องสิทธิอันขึงขังของเต้ให้ลดระดับความร้อนแรง แต่เขาก็ยังมิได้เห็นดีเห็นงามโดยไม่นึกค้านใด ๆ ในใจ และดูเหมือนหนึ่งจะหยั่งรู้ราวกับแม่หมอจับยามสามตา

            “พี่เข้าใจดีว่า หากพี่สบายใจ แต่เต้ไม่หลงเหลือความสบายใจอยู่เลย ก็ดูเหมือนพี่จะเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งเกินไป เอาเป็นว่าไม่ต้องถึงขั้นเรียกผู้จัดการร้านมาต่อว่าให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต แค่บอกพนักงานให้รับรู้และระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกค้าคนอื่น ๆ อีก ดีมั้ย” หนึ่งพูดจบก็กวักมือเรียกพนักงานหญิงที่รับออเดอร์มาเจรจา โดยเต้ยังไม่ทันตกลงปลงใจว่าเห็นดีด้วยหรือไม่กับข้อเสนอ แต่จากท่วงท่าประนีประนอมที่ผู้หญิงตรงหน้าปฏิบัติต่อเขา เปรียบดังเต้ได้สัมผัสลิ้นชิมแล้วซึ่งไอศกรีมรสรัมลูกเกดที่ปรารถนา     

            แล้วทั้งคู่ก็ได้รับรู้พร้อมกันว่า ความผิดพลาดหาได้เกิดจากพนักงานหญิงร่างอวบ แต่น่าจะเกิดจากพนักงานหญิงร่างเพรียวลมนามว่า อ้อม ซึ่งเพิ่งเดินหายเข้าไปหลังร้านเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า สาเหตุจากน้องชายวัยประถมของอ้อมป่วยเป็นไข้เลือดออก อาการยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง จิตใจของเธอจึงอาจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว และช่วงเวลาก่อนหน้านี้ คนป่วยซึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวก็อ้อนวอนให้นางพยาบาลโทรมาตาม หากลางานคงขาดรายได้ โชคดีที่ผู้จัดการร้านมีใจกรุณาเห็นว่าโรงพยาบาลอยู่ใกล้ ๆ เลยให้ปลีกเวลาไปได้ แต่พออ้อมรู้ว่าน้องชายแค่เรียกร้องความสนใจก็รีบจ้ำอ้าวกลับมาทำงาน ระหว่างทางยังสะเพร่าจนได้แผลถลอกเป็นของฝากที่หัวเข่าซ้ายมาด้วย

            หนึ่งรู้สึกเห็นอกเห็นใจ เมื่อพนักงานหญิงที่แทนตัวในบทสนทนาว่า สวย เอ่ยว่าจะรีบเรียกเพื่อนร่วมงานมากล่าวคำขอโทษ ขณะที่เต้หวนนึกถึงหญิงสาวผู้ล้มลงบนทางเท้าตอนที่เขาต้องเบรกตัวโก่งระหว่างรีบขี่รถมาที่นี่ แถมยังจงใจชักสีหน้าใส่คู่กรณี แต่สาวผู้มีเอกลักษณ์ง่ายต่อการจดจำด้วยไฝดำเม็ดใหญ่ใกล้หางตาขวากลับเป็นฝ่ายขอโทษ ทั้งที่เขาต่างหาก คือผู้ที่ตั้งใจขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปรุกล้ำสิทธิบนทางเท้าของอีกฝ่าย ด้วยหวังแค่ให้ทันนัดกับคนสำคัญของใจ

            ครั้นหันเพ่งไปทางตู้บรรจุไอศกรีมบริเวณด้านในของร้านด้วยมีบางอย่างสะกิดความรู้สึก ก็คลับคล้ายว่าทุกสิ่งถูกความบังเอิญขีดเส้นทางเดินไว้แล้ว พนักงานหญิงสวมแจ็คเก็ตสีส้มที่กำลังเดินออกมาจากหลังร้าน จึงไม่เกินความคาดหมาย เพราะเธอคือเจ้าของไฝดำใกล้หางตาขวาคนนั้นนั่นเอง

            เต้หันกลับมานั่งนิ่งสำรวจความรู้สึกของตัวเอง ก่อนที่สาวรุ่นพี่จะค่อย ๆ บรรจงตักไอศกรีมที่เหลือละลายอยู่ก้นถ้วย ป้อนใส่ปากเต้เป็นคำสุดท้าย แม้ผู้ถูกป้อนยังยืนยันแนวคิดว่า สิทธิอันพึงมีพึงได้ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรให้ผู้ใดมาละเมิดแต่ที่เพิ่งตระหนักรู้ก็คือ ความเอื้ออาทรต่อกันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะมี ดั่งดอกไมตรีที่ปลูกไว้ในสวนหัวใจและพร้อมจะหยิบยื่นสู่คนรอบข้าง ยิ่งมอบให้...ยิ่งงอกงาม ในห้วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมรสชาติใด มันไม่เพียงอร่อยลิ้น หากแต่ยังละมุนอยู่ในหัวใจ และส่งผลให้ทั้งคู่มีโอกาสลิ้มลองไอศกรีมร่วมกันอีกหลากรสหลายถ้วยในเวลาต่อ ๆ มา ณ สถานที่ซึ่งยังก่อกำเนิดมิตรภาพกับอีกสองสาวร่วมสังคมหลังจากมีโอกาสโอภาปราศรัยกัน กลายเป็นช่วงเวลารื่นรมย์ของความทรงจำ  

                       

          สาวร่างเพรียวลมที่ยังรักษาทรวดทรงได้ดังเดิม เดินเลี่ยงเข้ามายังพื้นที่ส่วนหลังซึ่งกั้นแบ่งไว้เป็นครัวขนาดเล็ก เปิดตู้เย็นสองประตูใบย่อม หยิบไอศกรีมควอทหนึ่งที่เพิ่งซื้อมาในราคาพิเศษเมื่อเย็นวานออกจากช่องแช่แข็งด้านบน เปิดฝา เตรียมตักไอศกรีมใส่ถ้วยกระเบื้อง ถวายเป็นของหวานแด่หลวงพี่ที่นิมนต์มาฉันเพลยังบ้านหลังน้อยบนที่ดินผืนเล็ก ๆ  มรดกซึ่งพ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้หลังจากทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกันเมื่อเกือบสิบปีก่อน  

            หลวงพี่ผู้เริ่มต้นห่มจีวรด้วยปรารถนาจะบวชอุทิศส่วนกุศลให้บุคคลที่รักซึ่งจากไปชั่วนิรันดร์ก่อนวัยอันควรด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และอัฐิของหญิงคนรักต่างวัยก็ถูกจัดเก็บไว้ในช่องกำแพงวัดตามคำสั่งเสียที่ขอใช้สิทธิสุดท้ายเลือกบ้านหลังความตายด้วยตัวเอง แต่จากวันเวลาสามสัปดาห์ที่ตั้งใจในวัตรปฏิบัติ กลับก่อเกิดเป็นความสงบทางธรรม จนกระทั่งผ่านคืนวันมาร่วมปี หลวงพี่ก็ยังมิคิดหวนกลับสู่ทางโลก   

            ระหว่างที่หญิงสาวบรรจงตักไอศกรีมใส่ถ้วย น้องชายหัวเกรียนก็วิ่งปรี่เข้ามาจี้เอวอย่างสนิทสนม พร้อมรายงานตามประสาคนช่างจ้อว่า ผู้ที่ตนเรียกว่าหลวงน้า ฉันข้าวเกือบหมดจานแล้ว น้าสวยเลยให้เขาวิ่งเข้ามาเอาของหวานไปประเคน ก่อนจะหยุดยืนเกาะขอบโต๊ะ เหลือบมองไอศกรีมในถ้วยแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าฉงน

            “รสรัมลูกเกด มันผสมเหล้าด้วยไม่ใช่เหรอครับพี่อ้อม ถ้าให้หลวงน้าเต้ฉันเข้าไป จะไม่ผิดศีลหรือครับ”

            หญิงสาวผู้มีไฝดำใกล้หางตาขวามอบรอยยิ้มอ่อนโยนให้น้องชาย โดยยังไม่ตอบถ้อยคำใด ๆ  แต่หากผู้เป็นน้องมีความคิดเห็นโต้แย้งหลังจากได้ฟังคำอธิบาย  เธอก็พร้อมจะเปิดใจรับฟัง

 

.........................................................

 

Link ที่เกี่ยวข้อง

 

           “บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”

 

            วรรณกรรมออนไลน์