เรื่องสั้น : หมาโดนทิ้งใต้ทางด่วนดินแดง : ’ชัย ชัยมี

เรื่องสั้น : หมาโดนทิ้งใต้ทางด่วนดินแดง : ’ชัย ชัยมี

 

        ป่านนี้เน่งน้อยคงกำลังพาดแขนข้างหนึ่งไว้กับไหล่นายอะไรนั่น ส่วนอีกมือคงคอยอุ้มไอ้หมาหน้าทึ่มไว้บนอกอยู่ในฟาร์มเพาะพันธุ์ลูกสุนัขแถวราชบุรี ขณะเล่นกล้องชักภาพถ่ายกันเป็นร้อย ให้ตายเถอะ พี่ตระหนักดีว่าไม่ควรเพ้อถึงไอ้ภาพพวกนั้นขึ้นมาเลย หลังทั้งเธอและเขาตกลงปลงใจเป็นแฟนกันเสียแล้ว
        ในฟาร์มสุนัขแห่งนั้นคงระงมขรมไปด้วยทิเบตัน มาสทิฟฟ์ อาคิตะ ซามอยด์ หรือไม่ก็พวกหน้าจืดปากยื่นหูยาวขนปุยขาวพวงหางพุ่มขาสั้นเตี้ยม่อต้อ คอยห้อมล้อมผกหน้าผกหลังวกเวียนอยู่รอบขาของเธอ และภาพเคลื่อนไหวลำดับถัดมาขณะเน่งน้อยทิ้งทั้งตัวลงไปกลิ้งโค่โร่คลุกพรมหญ้ากับไอ้เจ้าคาวาเลียร์ คิง ชาลส์อะไรนั่นในห้วงอารมณ์น่ารักน่าใคร่
        พวกมันน่ารักจังเลย เน่งน้อยพูด เงยหน้าสบตากล้อง และยิ้ม น่าเอาไปเลี้ยงสักตัว มีใครสนใจจะรับหนูไปเลี้ยงบ้างคะ... กำลังสื่อสารกับพวกเพื่อนในโลกออนไลน์ของเน่งน้อยอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้ชายลอดมาจากหลังกล้องว่า เดี๋ยวซื้อให้ตัวหนึ่ง... จริงเหรอคะ
! ว้าว ดีจังเลย ทุกคนเป็นพยานนะ ว่าเขาจะซื้อให้น้อยตัวหนึ่ง... และความสุขก็บังเกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น
        แต่ทว่า เน่งน้อยคงจะลืมไอ้โบ้ หมาตัวเก่าของเธอไปเสียแล้วกระมัง ไอ้โบ้หน้าสั้นสี่ขาปากเปราะขนเป็นสังกะตังนั่นยังไงเล่า ไอ้สุนัขพันทางขี้เรื้อนตัวที่เน่งน้อยร้องลั่นบอกให้พี่จอดกะทันหัน แล้วรีบโดดลงจนเกือบวิ่งตัดหน้ารถคันอื่นเขาขณะเห็นมันโซซัดโซเซอยู่ใต้ทางด่วน เสียน้ำตาแรกให้กับมันอย่างนึกสงสาร
        โธ่ ใครน่ะช่างใจร้ายใจดำ เอาแกมาทิ้งไว้อย่างนี้ และหันมาหาพี่ทั้งน้ำตา หนูเอามันไปเลี้ยงได้ไหมคะพี่
        ความอ่อนไหวของผู้หญิงที่แสดงออกต่อสัตว์ที่ถูกทิ้งทะลักล้นเต็มตื้นอยู่ในความรู้สึกแรกของพี่ที่มีต่อเน่งน้อย แรกที่เกิดประทับใจ พี่ยอมรับนะว่าพี่มองเธอผิดไป คนเรามองคนได้จากอะไรบ้างล่ะ การกระทำงั้นหรือ ก็นี่ยังไงล่ะ สิ่งที่กระทำให้พี่หลงมองว่าเน่งน้อยเป็นคนนิสัยเช่นไรในครั้นที่เริ่มตกลงคบหาดูใจกันเป็นคนรัก
        นึกเสียว่ามันเป็นสื่อแทนใจระหว่างเราละกันนะคะ นะคะ นะพี่คนดี พี่จ๋า หนูสงสารมันเหลือเกิน แต่ว่า เอ่อ แถมยังต้องเอาไปรักษาให้เสียเงินเสียทองพี่อีก แต่ถ้าหนูทิ้งมันไว้ใต้ทางด่วนอย่างคนอื่นที่เขาทำเป็นเห็นแต่ขับผ่านไป โธ่ ไม่วาย มันคงต้องตายสถานเดียวเป็นแน่
        ตอนนั้นพี่ยังถามเธอให้แน่อยู่เลยว่า ทางอพาร์ตเม้นต์ที่เธอเช่าเขาจะอนุญาตให้เลี้ยงมันเหรอ เน่งน้อยก็ยืนยันกับพี่ว่าหลายห้องเขาก็เลี้ยงกัน แถมยังมาย้อนพี่ว่าพี่ไม่รู้หรอกว่าคนอยู่บนอพาร์ตเม้นต์น่ะ มันเหงาขนาดไหน
        ใช่ พี่มันเคยตัวอยู่แต่บ้าน ไม่เคยออกไปเช่าอยู่อะไรแบบนั้นหรอก ขืนทำอย่างนั้น คุณแม่พี่แกคงไม่ยอมแน่ และพอเราพูดกันมาถึงเรื่องคุณแม่ของพี่เข้าทีไร เน่งน้อยก็มักจะเปรยอย่างน้อยใจที่ท่านดูไม่ค่อยจะชอบเธอนัก ติงว่าการศึกษาไม่ได้สูง งานการก็แค่พวกธุรการนั่งโต๊ะ แถมยังจนอีกต่างหาก โธ่ เน่งน้อย ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก คุณแม่พี่ท่านก็เป็นอย่างนั้นเองแหละ ท่านออกจะหัวโบราณไปหน่อย ไม่ค่อยชอบผู้หญิงที่ดูจะปรู๊ดปร๊าดเปรี้ยวเข็ดฟัน และการที่เน่งน้อยเก็บเจ้าโบ้มันมาเลี้ยง พี่ก็พอจะดูออกว่าทางเน่งน้อยเองอยากเอาใจคุณแม่ท่านอยู่ ซึ่งชอบทำทานสุนัขจรเป็นทุนเดิมอยู่ก่อน อยากให้ท่านแลเห็นข้อดีในแง่นี้ของเน่งน้อยขึ้นมาบ้าง เรื่องอย่างนี้พี่ว่ามันต้องใช้เวลาหน่อย แต่เธอก็คิดว่าพี่เอาแต่เข้าข้างคุณแม่ท่าน หาว่าพี่เป็นลูกแหง่ติดแม่บ้าง ไม่รู้จักโตบ้าง ไม่เด็ดขาดบ้าง เรื่องของเราก็คาราคาซังไม่มีอะไรคืบหน้าเสียที พี่ก็เลยได้แต่เงียบ เพราะเคยกราบเรียนคุณแม่ท่านแล้วถึงเรื่องของเรา ท่านก็บอกให้ดู ๆ กันไปก่อน
        ต่างดู ๆ กันจนกระทั่งเน่งน้อยเริ่มมาบ่นเรื่องไอ้โบ้เข้าหูพี่อยู่บ่อยหน พี่รู้ไหมคะ มันชอบทำเละเทะในห้อง สุดท้ายหนูต้องลากสายจูงเอามันออกมาผูกไว้หน้าระเบียงบนอพาร์ตเม้นต์ ทุกเช้าตรู่ก่อนหนูจะออกไปทำงาน หนูต้องมัดไอ้โบ้ไว้กับขาอ่างล้างจาน พี่ถามหนูว่าทำไมน่ะหรือคะ โธ่พี่ ก็หมามันเลี้ยงไม่เชื่องนี่นา หนูเริ่มจะทนมันไม่ไหวแล้วนะพี่ โบ้มันดื้อ หนูพูดมันก็ไม่ฟัง บอกว่าอย่าเห่า อย่าเห่า อย่าเห่า ฟังภาษาคนเข้าใจไหม ชาวบ้านเขาเอือมกันหมดแล้ว มันก็เอาแต่เห่าอยู่หน้าระเบียงทั้งวันนั่นแหละ จนคนบนชั้นเขามายืนด่าว่าหนูเลี้ยงหมาภาษาอะไร ไม่มีปัญญาจะดู แล้วเลี้ยงทำไม ดูพวกเขาว่าหนูซีคะพี่ หนูพยายามแล้วที่จะสอนมันไม่ให้เห่า ตีก็ตี ขู่ก็ขู่ โอย จนปัญญาเต็มที... พี่ตัดรำคาญก็ว่าจะเอาไอ้โบ้มันมาเลี้ยงที่บ้านพี่เอง แต่เน่งน้อยอีกนั่นแหละที่ไม่ยอม บอกเดี๋ยวคุณแม่พี่จะมาดูถูกเธออีกคน หมาตัวเดียวไม่มีปัญญาเลี้ยง หรือไม่ก็หาว่ารักสัตว์ไม่จริง พี่ก็ว่าเธอบ้าไปใหญ่แล้ว คุณแม่ท่านไม่ใช่คนดูถูกคนอะไรอย่างนั้นหรอก พี่เสียอีกที่โดนเน่งน้อยมาตีรวนหาว่าเปลี่ยนไป หลัง ๆ ต่างฝ่ายต่างเริ่มทะเลาะแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง จนพี่เผลอคิดว่าเธอต่างหากที่เริ่มแปลกไป พี่รู้นะว่าอันที่จริงเน่งน้อยเริ่มทนต่อเรื่องของเราไม่ไหวต่างหาก พี่เข้าใจ พี่ไม่โกรธเน่งน้อยเลยจนนิดเดียว กระทั่งฉากอวสานในความสัมพันธ์ของเราคืบเคลื่อนมาถึงในเย็นนั้น
        พี่จำได้ว่าเย็นนั้นฝนตกปรอย ๆ เสียงฟ้าครืนลั่นอยู่บนหลังคารถ เน่งน้อยเอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทาง พอมาถึงใต้ทางด่วนดินแดงฝนก็ถล่มทันที และเธอก็หันมาบอกขอเลิกกับพี่ เราจะขาดกันเสียแต่ตรงนี้ เธอร้องห่มร่ำไห้เป็นวรรคเป็นเวร พร่ำยกเหตุมาอธิบายที่มีผู้ชายอีกคนเข้ามาจีบ และคิดว่าจะลองเปิดใจคบคนใหม่เขาดู... แค่นั้นแหละ ฟ้ามันก็ผ่าเปรี้ยงลงกลางใจของพี่ทันที
        พี่นั่งตัวชางันนิ่ง กล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ขยับ นอกรถมีจักรยานยนต์จอดหลบฝนอยู่ข้างหน้าหลายสิบคัน บางคันเป็นแฟนกันยืนเปียกตัวสั่นงันงก บางคันมาคนเดียว กอดอกยืนเท่ วิทยุในรถดีเจกำลังเล่นเพลงอกหัก
        คนจะโดนทิ้งอย่างพี่ จะให้พูดอะไร จึงได้แต่ส่งความปรารถนาดีอำนวยอวยชัยให้พรและขอให้เน่งน้อยพบเจอแต่คนดีเหมาะสมเป็นคู่กัน
        พี่ยอมรับว่าพี่เสียใจ เสียใจมากด้วย ถึงเน่งน้อยจะไม่ใช่รักแรกของพี่ก็ตาม แต่พี่ก็รู้สึกเสียใจอยู่ครามครันที่ทำให้เรื่องทั้งหมดมันต้องลงเอยอย่างนี้
        เวลาขับรถผ่านใต้ทางด่วนดินแดงทีไร พี่ทำคอแข็ง พยายามไม่เหลียวไม่มอง เท้าพาลจะเหยียบหนีจากแถวนั้นไปให้พ้น รู้บ้างไหมพิษรักมันรุมจนพี่ล้มป่วย เดือนสองเดือนพี่เอาแต่นอนจนคุณแม่ท่านทราบเรื่อง ท่านก็เอาแต่มานั่งเล่านิทานอีสป เรื่องสุนัขกับเงาให้ฟังทุกวันจนพี่เบื่อ พอสุนัขกับเงาจะเริ่มเปิดฉากเล่าอีกหน กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว... พี่ก็ทะลึ่งพรวดรีบลุกอาบน้ำแต่งตัวหนีออกมาเสียจากบ้าน ก็นั่นแหละกุศโลบายของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนพี่ คุณแม่ท่านบอกไอ้โรคอกหักนี่ อีกประเดี๋ยวเถอะมันก็จะจางหายไปเองแหละ กะอีแค่ผู้หญิงเพียงคนเดียว แผ่นดินมันไม่ไร้เท่าใบพุทราหรอก
        พี่แอบส่องไล่ดูเฟซบุ๊กของเน่งน้อย ถึงได้มารู้ข่าวว่าเธอเลิกกับนายคนนั้นเสียแล้ว นับแต่นาทีนั้นชีวิตพี่เหมือนไม่มีที่ไป แยกไฟพี่ยังลังเล จะเลี้ยวซ้ายหรือขวา สับสนเวียนหัวไปหมด ขับรถเอ้อระเหยตระเวนเรื่อยเปื่อยวนเวียนไปทั่วกรุงเทพฯ มารู้สึกตัวอีกที ตายโหง
! โธ่ ให้ตายเถอะเน่งน้อย พี่เผลอนำรถมาเทียบชะลออยู่ใต้ทางด่วนดินแดงอีกแล้ว
        บริเวณตรงที่ชอบมาจอดส่งเน่งน้อยอยู่ประจำทุกทีนั่นแหละ เห็นยอดตึกอพาร์ตเม้นต์ยัดทะนานอยู่ในซอยตึกบ้านที่รถยนต์เข้าออกลำบาก แต่เน่งน้อยเคยว่าราคาเช่าห้องมันถูกไหวกับเงินเดือนข้าราชการตัวเล็ก ๆ อีกทั้งจะไปไหนมาไหนเน่งน้อยก็ว่าสะดวก พี่เข้าใจเรื่องนั้น พี่ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไร แม้จะเคยเสนอให้ลองหาที่อื่นที่สะดวกสบายกว่าแล้วจะช่วยเรื่องค่าเช่า แต่เป็นฝ่ายของเน่งน้อยเองที่บ่ายเบี่ยงและออกตัวว่าเกรงใจ เย้าเป็นทีเล่นว่ารอไว้แต่งเข้าบ้านพี่เลยดีกว่า
        นำรถมาจอดหลบริมถนนใต้ทางด่วน ป้ายประกาศแผ่นใหญ่ระบุว่าเป็นพื้นที่ของการทางพิเศษ แต่ที่เห็นมีแต่พวกคนเร่ร่อนพากันอาศัยมาแอบหลับนอนคุดคู้สัปหงกอยู่ตามมุมลับตา ใกล้กันมีเพิงนั่งของวินจักรยานยนต์รับจ้างจอดสลอนรอลูกค้า แถวเพิงไม้กระต๊อบแบ่งเช่าที่ลานหน้าเรือนเรียงรายไปด้วยรถเข็นส้มตำไก่ย่างและไส้กรอกอีสานควันโขมงโฉงฉุยเตรียมเข็นออกขายรอบเย็น ไกลออกไปเป็นกองซากขยะอะไรต่อมิอะไรที่มีคนขนเอามากองทิ้งเทินพะเนิน แท่งปูน ก้อนอิฐ บานประตูแตก ชักโครกเก่าและฟูกนอนขาด กองขยะเน่าจากในชุมชนใกล้เคียง ฝูงแมลงวันบินกันหึ่งไม่แพ้ยวดยานที่แล่นตะบึงข้ามมาจากฝั่งวิภาวดี หมาแมวจรจัดละแวกนั้นก็วิ่งไล่กันเพ่นพ่านไม่มีแววจะกลัวรถกลัวราจะเหยียบเอาบ้างเสียเลย
        พี่เหม่อของพี่อยู่ดี ๆ แท็กซี่เขียวเหลืองคันหนึ่งก็เดาะมาชะลอเทียบอยู่หลังท้ายสิบล้อที่จอดเอียงเครงอยู่ริมไหล่ถนน นายโชเฟอร์ก้าวหวำ ๆ ลงมาแล้วอ้อมรถไปแอบมุมลับสายตาหันหลังยืนเยี่ยวใส่กำแพงชาวบ้านเขาเฉยและทั้งไม่แยแสสายตาหญิงสาวที่ยืนตากผ้าอยู่บนตึกบนหัวตัวนั่นเลย ทุเรศ
! เสียงสาวคนนั้นตวาดลั่นลงมา เยี่ยวเหมือนหมา ! เสร็จกิจรูดซิปสะบัดก้นแล้วเดินโครม ๆ กลับไปขึ้นรถวื้ดว้าดออกไป ไม่ทันไรรถเก๋งญี่ปุ่นคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้ารถของพี่ สาวกระโปรงสั้นเปิดประตูก้าวลงมาแล้วก้มโบกมือไหวส่งยิ้มหวานให้คนที่อยู่ในรถ ปิดประตูแล้วหล่อนคนนั้นก็ออกเดินฉับ คงพักอาศัยอยู่ในซอยเดียวกับเน่งน้อยกระมัง
        เห็นแล้วใจพี่เกิดหวั่นสะท้าน แปลบเสียดขึ้นในช่องอก เพราะที่รู้มาล่าสุดหลังลองกดโทร.ต่อเข้าไปที่ห้องพักของเน่งน้อยอยู่หลายครั้ง ปรากฏว่าไม่มีคนรับสาย เจ้าหน้าที่ส่วนกลางบอกกับพี่ว่า เธอย้ายออกไปแล้ว เห็นว่าย้ายไปอยู่กับแฟน แต่ไม่ได้บอกว่าที่ไหน โทร.ไปที่สำนักงานเขต ที่นั่นเขาก็ว่าเน่งน้อยลาออกจากงาน และคงจะเปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่ เพราะเบอร์เก่าแจ้งแต่ว่าหมายเลขที่ท่านเรียกนี้ยังไม่เปิดใช้บริการ เฟซบุ๊กไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเดือน ๆ มาแล้ว ลองส่งข้อความเข้าไปในอินบ็อกซ์ ไม่มีการเปิดอ่าน เรื่องราวข่าวสารสุดท้ายพี่รู้แต่เธอกำลังอกหักเพราะเลิกกับแฟน พวกอัลบั้มรูปและคลิปวีดิโอไปเที่ยวฟาร์มเพาะพันธุ์สุนัขที่ราชบุรีถูกลบจนเกลี้ยงฉาด พี่มืดแปดด้าน ไม่รู้ป่านนี้เธอไปอยู่กับแฟนคนไหนกันแน่หนอ
        พี่ตัดสินใจหักพวงมาลัยลงมาจากไหล่ถนน วนเข้ามาจอดพื้นที่ว่าง เปิดประตูก้าวลงมา ทั้งที่ตลอดเวลาที่คบกันไม่เคยคิดจะจอดแล้วลงไปส่งเน่งน้อยถึงในอพาร์ตเม้นต์เลย ขึ้นชื่อว่าได้รักกันแล้ว ถึงแม้คนเราจะรักกันเพียงใด พี่อาจมองข้ามในจุดสำคัญเล็ก ๆ จุดนี้ไปก็ได้กระมัง พี่อยากจะขอโทษเธอถ้าเธอยังนั่งอยู่ใกล้ ๆ พี่ในรถตอนนี้
        มองซ้ายมองขวา เห็นคุณตำรวจหัวปิงปองแกยืนคอยดักเรียกจักรยานยนต์ขอตรวจใบขับขี่และหมวกกันน็อกอยู่อีกโค้งไม่ไกลกันนัก พี่จึงถามวินจักรยานยนต์รับจ้างแถวนั้นว่าจอดประเดี๋ยวหนึ่งได้ไหม นายคนในกลุ่มพยักหน้าบอกเดี๋ยวดูให้ แล้วหันไปสนใจดูหมากฮอสบนกระดานต่อ
        ตรงปากซอยพี่ดันสวนเข้ากับคนบ้าที่เดินลากถุงกระสอบ มีจำปีดอกโตทัดหูซ้ายอยู่ เขาหันมายิ้มกว้างให้ด้วย ร่มเงาของแนวตึกแถวมีอาม่าแก่ชราเดินกะเผลกลากไม้เท้าสามขา ตาลุงยืนขายไอศกรีมกะทิ มีฝูงเด็กเล็กวิ่งวนรถไอศกรีมกันเจี๊ยวจ๊าว สามล้อเข้ามาส่งผ้า มองเข้าไปสุดซอยเป็นตึกอพาร์ตเม้นต์เก้าชั้นเรียงเบียดจอแจกับตึกแถวโทรมเก่าหลายคูหา เสียงเครื่องจักรกึงกังปนเปกับจักรเย็บผ้าอุตสาหกรรม แต่ละช่วงคูหามีตรอกเล็กใหญ่แยกย่อย ป้ายตามเสาไฟบอกห้องแบ่งเช่าราคาประหยัด ร้านอาหารตามสั่งและร้านโชห่วยตั้งประจันหน้ากัน ตาลุงพุงหลามหนุ่มใหญ่และผู้หญิงผ้าถุงกระโจมอกอีกสามคนยืนจ้องพี่ เอ้ นั่นคนแปลกหน้าหลงเข้ามาในซอยกระมัง มาหาใครคุณ... พี่ยิ้ม ไม่ได้ตอบความประการใด ดิ่งตรงเข้าไปยังลานบริเวณหน้าอพาร์ตเม้นต์
        ก้าวเข้าไปยังไม่ทันจะได้อะไรเลย พี่ก็ได้ยินเสียงพวกสุนัขเห่าขรมอยู่ตามระเบียงชั้นห้องข้างบนฟังอลหม่านไปหมด ระเบียงบางห้องตากผ้าไว้เต็ม ระเบียงบางห้องมีควันจากการทำอาหาร ระเบียงบางห้องมีหนุ่มสาวยืนสูบบุหรี่คุยกันฉาว ระเบียงบางห้องโล่งไม่มีอะไร และระเบียงบางห้องพี่เห็นเงาแวบ ๆ ไหว ๆ ของไอ้พวกสี่ขาโผล่อยู่ตามร่องขอบราวระเบียง
        พอตัวหนึ่งเห่า อีกตัวก็เห่ารับบ้าง และอีกหลายตัวก็ประสานเสียงเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยขานขรมระงมระนาว เสียงมีทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กตัวจ้อยโก่งปากแหกหอนเกรียวกราว บางห้องมีคนอยู่ บางห้องไปทำงาน บางห้องออกมายืนตะโกนด่าหมาตัวเองอย่างหยาบคาย พี่พยายามมองขึ้นไปบนชั้นห้า เลื่อนหาห้องของเน่งน้อย แต่มันห้องไหนล่ะ ห้องที่เน่งน้อยเคยอยู่ พี่ไม่รู้ พี่เอาแต่เดาว่าน่าจะเป็นห้องที่ว่างนั้นหรือห้องที่มีผ้าตากเต็มราวหรือว่าจะเป็นห้องที่กำลังเปิดเพลงลูกทุ่งดังสนั่นออกมาแข่งกับเสียงเห่าหอนอยู่ตรงโน้นแน่ะ ระเบ็งเซ็งแซ่กันราวกับว่าไอ้หมาทุกตัวบนอพาร์ตเม้นต์รวมพลังกันตะบันปากระดมเห่าไล่คนแปลกหน้าอย่างพี่ให้ออกไปให้พ้นจากอาณาจักรของมัน
        ตามที่เน่งน้อยเคยบอก พี่ว่าคนที่พักอยู่บนตึกแห่งนี้ไม่น่าจะเหงาหรอก ถ้าไม่ได้เลี้ยงหมาไว้ในห้องสักตัว ห้องข้าง ๆ เขาก็เลี้ยงไว้แทนเราเองน่ะแหละ แต่ประเดี๋ยวเน่งน้อยจะเถียงพี่ขึ้นอีกว่า ก็เอาไว้กอดไว้ลูบไล่จับฟัดขยำปล้ำเอาให้หายมันเขี้ยว
        รปภ.เดินมาบอกพี่ว่าอย่ามาหยุดยืนดู พวกมันเห็นคนข้างล่างนี่ก็จะเห่าไม่หยุด เดินหลบเข้าไปใต้ชายคาเร็วเข้าครับ เดี๋ยวมันก็เงียบปากกันเอง เขารีบเดินนำกล่าวสวัสดีพี่และถามว่ามาหาใครที่ตึกนี่หรือเปล่า พี่บอกชื่อเน่งน้อยไป เขาผงกหัวรับทำเสียงคราง อ๋อ รู้จักครับ แต่แกย้ายไปแล้วนี่นา
        ไม่ถึงยี่สิบนาทีพี่ก็เดินกลับออกมาจากอพาร์ตเม้นต์ ตะวันเริ่มคล้อยลงมาก จวนแจจะพลบมืดอยู่รอมร่อ ขาออกพี่สวนกับผู้คนที่เลิกงานกำลังกลับเข้าบ้านเข้าช่อง พะรุงพะรังหิ้วถุงอาหารมื้อเย็นผักผลไม้ที่แวะซื้อเอาตามตลาดหรือไม่ก็พวกรถพุ่มพวงที่มาจอดชะเง้อป่าวกระจายเสียงเรียกลูกค้าลั่นอยู่ปาว ๆ ชาวบ้านร้านซอยยืนรุมกันซื้อของกิน จักรยานยนต์รับจ้างวิ่งรับส่งลูกค้ากันให้ควั่ก ดูบริเวณละแวกนี้วุ่นวายอลหม่านไปด้วยความเร่งรีบ พอออกมาถึงบริเวณที่จอดรถทิ้งไว้ ผ่านรถขายลูกชิ้นทอด มีหญิงสาวยืนเป็นลูกค้ากับหมาเฝ้ารถลูกชิ้นอีกตัวหนึ่ง
        อารามนั้นเท้าพี่มันพาเลยไปแล้ว แต่หางตาพี่นี่ซี ฉุดใจให้เหลียวกลับไปมอง ผู้หญิงคนนั้นเธอก็มองพี่ว่าพี่มองอะไร พี่ตัดสินใจเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น และก้มลงมองเจ้าสุนัขเหม่มอมที่กำลังมุดหน้ามุดตากัดลูกชิ้นอย่างเอร็ดอร่อย
        เสียงเธอก็พูดขึ้น หมาจรแถวนี้น่ะคุณ ใครไปใครมาเห็นมันก็สงสารต้องควักเงินจ่ายส่วยซื้อลูกชิ้นเลี้ยงมันประจำละค่ะ นี่ฉันเลิกงานก็ต้องแวะดูมันหน่อย วันไหนไม่เห็น ก็กลัวจะเป็นอะไรไป ตาลุงคนขายลูกชิ้นทอดแกก็เสริมต่อว่า ไอ้นี่มันน่าสงสาร โดนพวกสุนัขจรใต้ทางด่วนด้วยกันแถวนี้ไล่กัดไล่รังแก มันไม่สู้เขาหรอกคุณ พวกนั้นหมาหมู่ มันเลยต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ โอย ไอ้นี่มันระเห็จไปเรื่อยแหละ ไม่อยู่ตรงนี้ ก็ไปอยู่อีกซอยโน่น น่าสงสารฉิบหาย ไม่รู้ใครใจดำเอามันมาทิ้ง
!
        พี่ก้มตัวลง เอื้อมมือจะไปลูบหัวมัน แต่มันดันเงยหน้าขวับขึ้น ถลึงตาแดงวาว แถมยังแยกเขี้ยวใส่พี่อีกต่างหาก กลัวพี่จะแย่งลูกชิ้นของมัน
        โธ่ ไอ้โบ้ มันจำพี่ไม่ได้เสียแล้ว แววตานั้นราวจะแปลกหน้าต่อกัน มันรีบกินจนหมดแล้วจึงถอยหลงถอยหลังกรูด ไปดูทีท่าพี่อยู่ห่าง ๆ พี่จึงซื้อลูกชิ้นกับไส้กรอกให้มันอีก อีทีนี้มันค่อยกระดิกหางแสดงความเป็นมิตรสหาย วิ่งเข้ามาหาเลียปากเลียคอ พี่ลองเรียกชื่อมัน เออแน่ะ มันมองพี่ แลบลิ้นยาวแทบจะลากพื้น แล้วเอาแต่จ้องเป๋งถุงลูกชิ้นในมือของพี่ไม่ให้คลาด อีตอนนั้นมันถึงยอมให้พี่ลูบหัวมันได้ สกปรกกว่าตอนที่พี่กับเน่งน้อยไปเจอมันครั้งแรกเสียอีก
        พี่ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าทำไมคนอย่างเน่งน้อยถึงได้ทิ้งมันลงคอ ประพฤติตัวอย่างพวกที่เอาหมาแมวมาทิ้งใต้ทางด่วนที่เน่งน้อยชอบก่นด่าสาปแช่งหักกระดูกให้พี่ฟัง พี่ไม่อยากจะเชื่อว่านั่นเป็นฝีมือบทบาทการแสดงของเน่งน้อยเลย หรือว่าพอเน่งน้อยได้สุนัขพันธุ์นอกมีสกุลรุนชาติราคาแพงแล้ว ก็ไม่คิดอยากจะเลี้ยงไอ้สุนัขพันทางไร้ราคาตัวนี้อีก เธอบอกพี่ก็ได้นี่นา ถ้าเธอจะไม่นึกอารีอารอบอะไรมันอีกแล้ว กดโทร.ไปบอกเสียกริ๊งเดียว พี่จะรีบห้อเหยียดมารับมันทันทีเลย
        พี่เหมาลูกชิ้นมาอีกถุงใหญ่ ล่อให้มันไปที่รถ ไอ้โบ้เดินตามอย่างหมาใจง่าย เปิดประตู มันกระโดดผลุงตามขึ้นไปนั่งกินลูกชิ้นอย่างสบายอารมณ์ พี่ถอยหลังนำรถออกสู่ตัวถนน เห็นสภาพมันแล้วรู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออก เน่งน้อยไม่ได้ทิ้งแค่พี่คนเดียว แต่เน่งน้อยยังทิ้งหมาตัวนี้อีกด้วย ไม่เป็นไร หมาตัวเดียว พี่เลี้ยงของพี่เองได้
        มาถึงตอนนี้ พี่เริ่มคิดได้ พี่ว่าดีแล้วที่เรื่องของเรามันไม่ไปถึงไหน และเน่งน้อยเองเป็นฝ่ายฟันโทษพี่ด้วยการขอเลิก ให้เราขาดกันเสียแต่ตรงนี้ ตรงที่เราพบกันครั้งแรกและจากกันในครั้งสุดท้าย ใต้ทางด่วนดินแดงที่เต็มไปด้วยสิ่งของไม่มีราคาค่างวดถูกกองทิ้งจนเต็มไปหมด
        คิดอะไรเพลิน ๆ แล้วพี่ก็เหลือบไปมองไอ้โบ้เสียแวบหนึ่ง มันกำลังมองพี่อยู่เช่นกัน พลัน พี่แทบจะเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง หายใจแทบไม่ออก
        เพราะว่าในดวงตาดำของไอ้โบ้ที่พี่เห็นนั้นมันเหมือนกับแววตาของเน่งน้อยไม่มีผิด
        แววตาไอ้แบบตอนที่เน่งน้อยวิ่งตัดหน้ารถพี่ตรงใต้ทางด่วนดินแดง พี่เบรกเสียหน้าทิ่ม เปิดประตูรีบวิ่งลงไปดู คุณ เป็นอะไรไหมครับคุณ คุณครับ พี่ยุดแขนเธอเอาไว้ช่วยพยุงยืนขึ้น เน่งน้อยกะเผลกตัวเอาแต่สั่นหน้าแล้วหันมา เลิกคิ้วจ้องตาพี่ วินาทีนั้นแหละที่แววตาเช่นนี้ปรากฏขึ้นกลางลานคลองจักษุในคู่นั้นและสะท้อนกลับเข้ามาในใจของพี่ ขณะที่ละเมอถามออกไปด้วยเสียงเกือบจำไม่ได้ว่ามันเป็นเสียงของพี่เอง และขนาดไหนที่เธอพยายามจะบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงพี่ พี่ทราบแต่ชั่วขณะแรกว่าเน่งน้อยเพิ่งวิ่งตัดหน้าชีวิตพี่ไป เฉี่ยวหน้าไปอย่างกะทันหัน ความประหลาดใจปรากฏอยู่บนคิ้วและนัยน์ตาดำของคู่กรณีอีกฝ่าย
        ภาพตรงหน้ามัวพร่าไปด้วยม่านน้ำตาของพี่ขณะเอามือไปลูบหัวของไอ้โบ้มันอย่างนึกรักใคร่ นี่คงเป็นอภินันทนาการเพียงสิ่งเดียวที่เน่งน้อยอาจจะเหลือไว้ให้พี่กระมัง ทุกสิ่งอย่างถูกย้ำอยู่ในดวงความคิดของพี่ จะโดยอำนาจอันใดดลใจให้พี่ลงจากรถก็ตาม พี่อยากขอขอบใจต่อสิ่งนั้น.

 

...................................................................

 

 

Link ที่เกี่ยวข้อง

  

                “บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”  

 

                วรรณกรรมออนไลน์