‘ส่องเป็นก็เห็นพระ’ : ‘เอก อัคคี’

ส่องเป็นก็เห็นพระ’ : ‘เอก อัคคี

 

ความจริงชื่อคอลัมน์นี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับกวีหนุ่ม(ใหญ่) “นายทิวา” ผู้เป็นกัลยาณมิตรอีกท่านหนึ่งของผมในเมืองน้ำหมึก เราเดินเจอกันบนถนนหนังสือจับมือทักทายกันนั่งเสวนาฮาเฮกันมานานหลายปีดีดัก จนผมเพิ่งรู้ว่า เขาก็แอบสนใจศึกษาใคร่รู่เรื่องราวของพระเครื่อง วัตถุมงคล ตำนาน ความเชื่อและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เงียบ ๆ

อยู่มาวันหนึ่ง !?

ผมเขียนคำสั้น ๆ ลงเฟสบุ๊คว่า “ส่องเป็นก็เห็นพระ ส่องชัดก็เห็นคน”

ใครจะเรียกคำคมกวี-คำคม ผมไม่ได้ใส่ใจ แต่ผมทราบในไม่กี่วินาทีต่อมาว่า วรรคนี้หล่นกระทบใจ “นายทิวา” เขาถึงกับส่งสัญญานมาว่าชอบ มันมีความหมายที่สามารถตีความได้หลายมิติ ผมเขียนไว้นานหลายปีแต่คำนี้ก็เหมือนว่า ยังตกผลึกอยู่ในห้วงความคิดของเขา

 

 

จนนำมาสู่ชื่อคอลัมน์นี้ ในบัดเดี๋ยวนี้ ที่ปรากฏอยู่ในสายตาของคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ผ่านโลกแห่งการอ่านยุคใหม่ ที่เราอ่านตัวหนังสือเปื้อนแสง ดูภาพผ่านจอ ไม่ใช่อ่านผ่านตัวอักษรเปื้อนหมึก มือสัมผัสกระดาษอีกต่อไป

แต่ผมก็เปรียบเสมือนจอมยุทธ์โบราณที่ไร้ร่องรอยไม่ยึดติดกับอาวุธใด ๆ

“แมวสีอะไรไหมสำคัญ ขอให้จับหนูได้เป็นพอ”

            ป๊าด ! ว่าเข้าไปนั่น ขอยืมคำคมของพญามังกร  “เติ้ง เสี่ยวผิง” ที่ว่ากันว่า เขาไปดัดแปลงมาจากคำคมของ ”โจโฉ” อัจฉริยะปีศาจในสามก๊กมาในพูดต่อมาให้เป็น มธุรสวาจาเป็นขวัญกำลังใจแก่ตัวเองหน่อยเถอะครับ

เพราะผมมันนักเลงโบราณ จะเขียนบทความในคอลัมน์ใหม่ ก็มักจะขอไหว้ครูไหว้เจ้าที่เจ้าทางเสียหน่อย ซึ่งนักอ่านยุคไซเบอร์อาจจะงง ๆ กับลีลาสำนวนแบบนักหนังสือพิมพ์ยุคเก่า ที่ยังหอมกลิ่นกระดาษ ทำไงได้ล่ะครับ ก็ผมเขียนหนังสือพิมพ์มาตั้งแต่อายุ 19 ปีจนวันนี้ปาเข้าไป 50 ปีแล้ว

สำนวนอ่านแล้วอาจจะเชยสะบัดช่อ แต่รับรองว่า ฮ้อแรด !

ถ้าคุณอยากอ่านเรื่องราวของพระเครื่อง วัตถุมงคล พระเกจิอาจารณ์และเรื่องราวที่เกี่ยวกับผู้คนในแวดวงคนสะสมพระเครื่องที่เรียกตัวเองว่า “เซียนพระ” แต่ขอยืนยันว่า ไม่มีรายการแฉใครให้ผมเจ็บตัวหรอกครับ เพราะประสบการณ์ชีวิตที่วกวน มันสอนคนให้เวียนว่าย ผมจะแกว่งนิ้วพรมคีย์บอร์ดให้เจ็บปากทำไมล่ะครับท่าน !?!

 

ขอเขียนเรื่องที่ผู้อ่านได้สาระความรู้ ความสนุกและได้สัมผัสถึงพลังแห่งศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดีกว่า เพราะว่า วัตถุมงคลเหล่านั้นช่วยเตือนสติให้เราตระหนักถึงคุณงามความดี แยกแยะความชั่วความเลว ความหยาบความละเอียดในชีวิตได้ เปรียบเสมือนโลหะวัตถุ อิฐหินปูนทรายที่แข็งกระด้าง หยาบเละ ฯลฯ แต่เมื่อผ่านการนำไปหลอมหล่อ บดร่อนกรองเอาแต่ผงละเอียดมาหลอมรวมสร้างเป็นวัตถุมงคล ผ่านการออกแบบ ผ่านการผสมผสาน ผ่านการอบร่ำ ผ่านพีกรรมอักศักดิ์สิทธิ์คลุกเคล้าด้วยพุทธคุณพุทธาคม กลายเป็นพระเครื่อง วัตถุมงคลที่ล้ำค่าควรแก่การสักการะนำมาบูชาพกพาติดตัวขอบุญบารมีคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยอำนวยอวยพรให้เจริญในลาภยศสรรเสริญ

 

ดุจเดียวกันกับชีวีตของคนเรา กว่าจะประสบความสำเร็จ ความสุข ความเจริญในหน้าที่การงาน ชีวิตครอบครัวย่อมต้องผ่านการขัดเกลา หล่อหลอมความคิด ต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคนานับประการกว่าจะเป็นคนเต็มคนจึงต้องผจญภัยมากมาย ชีวิตจึงจะศักดิ์สิทธิ์พอจะให้ลูกหลานยกมือไหว้ด้วยความเคารพอย่างสนิทใจ !!!

 

ประเดี๋ยวในตอนต่อไป... ผมจะเข้าเรื่องว่า การส่องพระเครื่องเป็นจะทำให้เห็นพระธรรมหรือไม่ ?

โปรดรอสักครู่-ไม่เกินอึดใจพระพุทธหรอกครับ...

 

 

 

//.....................