เรื่องสั้น : ความว่างเปล่าคือโรคฤๅลาภอันประเสริฐ : ขัณฑ คีรีมาศ

เรื่องสั้น : ความว่างเปล่าคือโรคฤๅลาภอันประเสริฐ : ขัณฑ คีรีมาศ

 

            การไม่มีลาภ เป็นโรคอันประสาท ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ พักหลังของชีวิตช่วงนี้รู้สึกว่าร่างกายตัวเองอ่อนแอลงเป็นอันมาก รู้สึกหดหู่ตัวเองเรื่องพละกำลัง ทำไมยกของหนักไม่ขึ้นเลย เดินขึ้นบันไดก็เมื่อยล้าเหลือเกิน ชายอกสามศอกแท้ ๆ ได้แต่ตัดพ้อกับตัวเอง ถ้าใครล่วงรู้ความคิดและเห็นรูปร่าง คงนึกด่าอยู่ในใจเป็นแน่แท้ ปัดโธ่ ! ไอ้ฅนไม่เจียมสังขาร แข่งขันน้ำหนักรวมในการยกแก้วเหล้า คงติดอันดับต้นๆ ของชาติก็ได้ ใครจะไปรู้

            เมื่อคืนวานยอมอดของเหลวล้ำค่าทั้งสองชนิด หนึ่งคือน้ำและอีกหนึ่งคือเหล้า เพื่อไปตรวจเลือดรวมทั้งปัสสาวะหรือเยี่ยวนั่นแล ตามที่นัดกับหมอ ตื่นเต้นพอสมควร (ถ้านัดกับพยาบาลคงตื่นเต้นมากกว่านี้) หมดเวลาไปครึ่งวัน หมอบอกว่า “ตับ ไต หัวใจ ไส้พุงของคุณเป็นปกติ”

            “อะไรกันหมอ ผมละเลียดเหล้าทุกคืน มันต้องมีโรคบ้างซี”

            หมอบอกว่าแกพยายามเต็มที่แล้ว มันไม่พบสิ่งผิดปกติ “คุณกลับบ้านไปเถอะ”

            โทบี้ ฉุนไม่อยากเชื่อเอาซะเลยว่าตัวเองปลอดโรค วันนั้นได้แต่เก็บความทรงจำไว้ว่า ตัวเรามันช่างว่างเปล่าเสียจริง แม้แต่โรคประจำตัวยังไม่มีเอาซะเลย

            ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ หิวและอิ่มทุกวันเท่า ๆ กับฅนส่วนมากในโลกใบนี้ เมื่อลมร้อนพัดมา ยังรู้สึกรับรู้ว่าร้อน เมื่อฤดูฝนมาเยือน บางวันก็เปียกปอนบ้าง ไม่ถึงกับกลัวฝนจนลืมเปียก บางวันอากาศร้อน ๆ เย็น ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นไข้ คอแห้งผาก รู้ว่าปวดหัวแต่จำอะไรไม่ค่อยได้ อยากลุกจากที่นอนไปหาน้ำเย็นสาดลงคอ ทว่าเรี่ยวแรงมิรู้หายไปไหนหมด จึงตัดใจนอนเพื่อชาติต่อไป

            จำเนียนกาลผ่านไป แว่วเสียงเหมือนฟังไม่ได้ศัพท์ จับใจความได้ว่า

            “ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน เมื่อคืนเมากลับมาถึงบ้านเกือบตีสี่” เป็นเสียงของหญิงนางหนึ่ง

            ลุกขึ้นมาขยี้ตา หัวยังหนักอยู่ ค่อย ๆ คืบคลานพาตัวเองไปหาแหล่งน้ำ ได้น้ำเย็นลงไปหล่อลื่นในร่างกาย ค่อยดีขึ้นมาหน่อย

            “ยังไม่ไปอาบน้ำอาบท่าอีก” หล่อนพูดต่อ

            “แล้วนี่เธอเป็นใครกันแน่ เข้ามาอยู่ในบ้านนี้ได้ยังไง” โทบี้ ฉุน ขยี้ตาถามหญิงนางนั้น

            “ไอ้บ้า แกนี่เป็นเอามากถึงขนาดจำเมียตัวเองไม่ได้ แหกตาดูซิ ใช่อีแฌงเมียแกมั้ย” หล่อนเหลืออดเต็มทน

            “แฌง บลูส์ ใช่เธอแน่นะ แต่เราเลิกกันไปนานแล้วไม่ใช่ ?”

            “เลิกบ้าได้แล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวจะให้ขับรถพาไปทำธุระหน่อย” หล่อนตัดบท ด้วยรู้เท่าทันพ่อยอดสามีตัวดี

            “วานอะไรหน่อยนะแฌง ช่วยอาบน้ำให้พี่ด้วย” มันพูดด้วยเสียงอ้อแอ้เต็มทน ว่าแล้วก็ฟุบหลับไปอีกรอบ

            ล่วงเข้าบ่ายแก่ ๆ โทบี้ ฉุน สลัดคราบของชายขี้เมาควบตะบึงรถกระบะคันเก่งค่อนไปทางเก่า โดยมีศรีภรรยานั่งเคียงข้าง บางครั้งหล่อนอยากไล่เขาไปนั่งในกระบะหลัง เพราะทนกลิ่นละมุดหมักไม่ไหว ติดอยู่ที่หล่อนขับรถไม่เป็น พาหนะคันเก่งวิ่งลุยข้ามป่าเขาลำเนาไพรมาได้เกือบชั่วโมง มันมาจอดอยู่โคนต้นมะขาม ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นมะขามเปรี้ยว เพราะออกฝักห้อยเต็มต้น ถ้าหวานคงไม่เหลือให้เขาเห็น

            ฅนคู่เดินลงจากรถตรงไปที่บ้านไม้ชั้นเดียวหลังหนึ่งไม่ไกลจากต้นมะขามนัก หน้าบ้านมีป้ายไม้พร้อมลายมือเขียนพออ่านออกได้ว่า “สำนักอาจารย์เอ” นอกนั้นอ่านไม่ออก ดูเหมือนจะเป็นลายมือไก่เขี่ยของเด็กมือไม่อยู่สุขมาขีดเขียนอะไรไว้

            “หน้าดำคร่ำเครียดกันมาเลย มาเข้ามา” เสียงทักจากชายเจ้าบ้านซึ่งอยู่ในชุดเสื้อขาวกางเกงขาวตามสไตล์ของผู้ทรงศีล

            “สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์” หล่อนนั่งลงพนมมือ “อ้าว ! พี่ ยังไม่มาสวัสดีอาจารย์อีก”

            “ไม่เป็นไร เชิญตามสบายนะ” ชายชุดขาวพูดยิ้ม ๆ หันมาทางโทบี้ ฉุน “มาจากไหนกันล่ะ”

            “มาจากตัวจังหวัดค่ะ” หล่อนตอบ

            อาจารย์เอมองหน้าฅนทั้งคู่ก่อนพูด “หมายถึงภพภูมิไหน ชาติที่แล้วทำอะไรอยู่ที่ไหน พอจะรู้กันบ้างไหม”

            “พักหลังมานี้พี่ฉุนแกดูเบา ๆ ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ตั้งใจพามาให้อาจารย์ดูนี่แหละ สงสัยชาติที่แล้วคงเกิดเป็นอีเห็น” หล่อนพูดพร้อมหันหน้ามาทางพ่อยอดสามี “เข้ามาใกล้ ๆ สิพี่”

            ตกบันใดพลอยโจนเข้าแล้ว โทบี้ ฉุนทำหน้างงงงเหมือนฅนไม่เมา “เอากับมันสักตั้งวะ” เขาพึมพำเบา ๆ

            “นกกระจาบ” อาจารย์พูดออกมาก่อนหยุดบ้วนน้ำหมากลงกระโถน “ในบ้านเอ็งมีรังนกกระจาบเก่า เอาออกไปแขวนไว้บนต้นไม้นอกบ้านซะ”

            “มีหรือเปล่าพี่”

            “ไม่แน่ใจ”

            อาจารย์บ้วนน้ำหมากก่อนพูด “ชาติก่อนเอ็งเกิดเป็นนกกระจาบ แม้เก่งทางเชิงสร้างสรรค์ศิลปะ แต่ยังมักน้อยเข้าขั้นขี้เกียจเหมือนเดิม นิสัยใจคอหรือสันดานฅนไม่เปลี่ยนกันง่าย ๆ  ขอมือขวาซิ”

            โทบี้ ฉุน นึกถึงคอนเสิร์ตของนักดนตรีร็อค เขาชูมือขวาขึ้นขยับสองที

“ไม่ใช่ ให้เอามือมานี่ จะดูลายมือ” แค่นั้นแหละ “นี่ยังไง เส้นใจ เส้นสมอง เส้นชีวิตเด่นชัดมาก มาจากชาติที่แล้วทั้งนั้น ความสามารถเอ็งมี แต่ไม่ค่อยใช้ อย่าขี้เกียจให้มันมากนัก ชีวิตควรมีจุดมุ่งหมายมากกว่านี้”

 

            ฝนในฤดูโปรยปรายลงมาแทบทุกวันในเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ที่เขาพำนักอยู่ แมกไม้รอบบ้านสดใสเมื่อได้ฝน ไม่ต่างกับฅนย่อมงดงามยามได้รัก โทบี้ ฉุนนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ในรอบอาทิตย์นี้มีโอกาสได้พบเจอหมอทั้งสองฅน ชีวิตน่าจะเปลี่ยนแปลงกันบ้าง นั่งมองสายฝนจนเบื่อ ท้องก็ร้องเพราะไม่รู้จักหาอะไรใส่ลงไป เมื่อฝนเริ่มซาเม็ด เหลือบเห็นกิ้งก่าตัวหนึ่งกำลังทำงานของมันอยู่บนต้นหมากหน้าบ้าน มันหยุดนิ่งบนจั่นหมากประหนึ่งรูปปั้น และเมื่อมันทำงานโดยใช้ลิ้นเป็นอาวุธเพียงเสี้ยววินาที หนึ่งในหมู่ภมรเหล่านั้นก็ตกเป็นอาหารของมันทันที หนึ่งครั้งที่ออกอาวุธ ได้ผลตอบรับทันที น่าทึ่งดีแท้ หรือมันเป็นศิษย์เซียวลี้ปวยตอ มีดบินมิเคยพลาดเป้า (ว่าไปโน่น) ทว่ากิ้งก่าตัวนี้มันทำกับโทบี้ ฉุนเกินไป ชุบมือเปิบชัด ๆ หมากต้นนี้ เขาปลูกเองกับมือเมื่อสิบกว่าปีก่อน ไม่เคยใช้ประโยชน์ในทางตรงเลย นอกจากอาศัยร่มเงาเพียงน้อยนิดในวันแดดร้อน ยอมกันไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรกับหมากต้นนี้ดี หรือยอมให้กิ้งก่าหาประโยชน์ใส่ตัวอยู่ฝ่ายเดียว

            “นั่งคิดนอนฝัน การงานก็ทำไม่ได้ คิดถึงเธอมากไป รู้ไหมใครคิดถึงเธอ” คิดอันใดไม่ออก ร้องเพลงเอาเสียงตัวเองเป็นเพื่อน วันเวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน

            วันรุ่งขึ้น ฤกษ์งามยามดี พระศุกร์ไม่เข้า พระเสาร์ไม่แทรก โทบี้ ฉุนได้สิ่งของตามต้องการ หลังจากนอนคิดเมื่อคืน ผ้าเจ็ดสี ! เอามาทำอะไร ? ผูกรอบต้นหมากหน้าบ้านน่ะสิ แม้หาได้เพียงสองสีคือแดงกับเหลือง ก็ถูไถไปก่อน กระถางธูปตั้งข้างหน้า

            วันแรกไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร้านโชว์ห่วยเล็ก ๆ ที่เพิ่งเปิดกิจการได้ไม่นานของโทบี้ ฉุนยังดำเนินงานไปเรื่อยเฉื่อยตามนิสัยใจคอเจ้าของร้าน

            เมื่อตัวเลขของวันเวลามาเยือนหยุดอยู่ ณ วันที่ 15 กลางเดือนพอดิบพอดี เหล่าบรรดานักเก็งกำไรตัวเลข นักลงทุนร่วมรัฐบาล นักเสี่ยงโชค รวมถึงนักฝัน ต่างมานั่งกะเก็งเลขเด็ดที่จะออกในวันพรุ่งนี้ ศูนย์รวมของพวกเขาย่อมหนีไม่พ้นร้านค้า

            “ขอกงกงสักสามตัวเถอะ จะปิดทองให้เลื่อมเลย” เซียนหวยวัยดึกรายหนึ่งประนมมือกล่าวขึ้นต่อหน้าต้นหมาก “เออ ! แล้วท่านมาประทับเมื่อไหร่ล่ะ เพิ่งเห็นนี่แหละ”

            “สองวันแล้ว กลางวันแสก ๆ มาให้เห็นก็เชิญประทับซะเลย” โทบี้ ฉุนได้ทีรับลูกป่าวประกาศ

            “จะแม่นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้” ขี้เมารายหนึ่งแคลงใจ

            “อย่าขัดกันซีวะ” เซียนรายแรกกล่าวเป็นกิจจะลักษณะ “ไหนขอธูปสักกำสิ”

            “ห้าบาท ธูปกำละห้าบาท” โทบี้ ฉุนไม่รอช้ารีบไปหยิบธูป

            ผู้ฅนเริ่มพลุกพล่าน เมื่อฅนเดินโพยหวยใต้ดินรวมทั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วจากกองสลากเดินทางมาถึง บรรยากาศสรวลเสเฮฮาเป็นปกติของวันก่อนหวยออก ทุกฅนฝันถึงเงินก้อนใหญ่ที่จะมาเยือนกระเป๋าตนเอง ช่างมีความสุขจริง ๆ

            วันหวยออก หลายฅนตื่นขึ้นมาด้วยรอยยิ้มของเงินแสนเงินล้าน บ้างเจอเงินห้าบาทก็ไม่ยอมเก็บ เพราะกลัวขัดลาภ บ้างปิดปากเงียบ ไม่แพร่งพรายความฝันให้ใครได้รับรู้ กลัวจะไม่ขลัง มันเป็นความลับขั้นสุดยอด ฅนเดินโพยยังทำงานให้ความหวังนักเสี่ยงโชคตามปกติ หน่วยเคลื่อนที่เร็วจากกองสลากต่างสลับหน้ากันมาพร้อมด้วยตัวเลขรางวัลใหญ่ล่อใจล่อเงินในกระเป๋าจากนักลงทุนร่วมกับรัฐบาล ณ ร้านโชว์ห่วยแห่งนั้น

            ตกบ่ายแก่ ๆ โดนกันไปแทบทุกฅน โดนหวยกินเรียบครับ มากน้อยตามกำลังซื้อ ทว่าทุกฅนไม่ละทิ้งความหวัง ขอเพียงมีวันพรุ่งนี้ ขอเพียงมีงวดหน้า

            ไอ้ที่ว่าโดนหวยกินแทบทุกฅนนั้น หมายความว่าไม่ใช่ทุกฅน ยังมีอยู่ฅนหนึ่งที่ถูกสองตัวล่างถึงห้าสิบบาท รวมทั้งสลากเลขท้ายสองตัวอีกสองคู่ นามของเธอคือปรีนา สาวงามกลางซอยเมื่อห้าสิบกว่าปีก่อน เธอได้รับการแสดงความยินดีในวันต่อมา เมื่อมีของมาเซ่นไหว้ “เจ้าแม่หมากทอง”  แน่นอน ร้านค้าของโทบี้ ฉุนพลอยได้อานิสงส์ขายดิบขายดี เพราะเธอยอมเจียดเงินรางวัลเลี้ยงผู้ฅนแถวนั้นกันถ้วนหน้า

            เคล็ดลับของเธอคือต้องมาก่อนเพล เจ้าแม่ท่านชอบช่วงเวลานั้น ของอย่างนี้ไม่ได้มีให้เห็นกันทุกฅน ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ที่สำคัญต้องมีศรัทธา เธอว่าเช่นนั้น

            หลายวันต่อมา โคนต้นหมากเริ่มมีศาลเพียงตาหลังเล็ก ตุ๊กตาช้าง ม้า นางรำนางละคร ผ้าเจ็ดสีสวยสดงดงาม รวมทั้งกระบอกไม่ไผ่เขย่าตัวเลข หน้าร้านของโทบี้ ฉุนก็จัดใหม่ด้วยโต๊ะหินอ่อนสองชุด เพื่อต้อนรับอาคันตุกะเจ้าแม่หมากทอง ของในร้านขายดีขึ้นทันตาเห็น มีเพิ่มเข้ามาคือสลากกินแบ่งรัฐบาล เขาไม่ได้เป็นคู่แข่งกับหน่วยเคลื่อนที่เร็วจากกองสลาก เขาชอบนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่กับบ้านมากกว่า โทบี้ ฉุนลงทุนเอง ส่วนฅนได้กำไรน่าจะเป็นแฌง บลูส์ ผู้เป็นภรรยานั่นเอง และแล้วเขาเริ่มเข้าใจคำว่าผลประโยชน์ทางตรงมากยิ่งขึ้น

 

            เสียงไชโยโห่ร้องดังขึ้นทันทีเมื่อรางวัลเลขท้ายสองตัวงวดล่าสุดออกมา 61 นั่นแสดงว่ามีผู้สมหวังมากกว่าผู้ผิดหวัง

            “เจ้าแม่ท่านแม่นจริง ๆ กูไม่มีลาภเอง ดันไม่ได้ซื้อตัวกลับ”

            “กูดันทะลึ่งไปซื้อ 25”

            “มา ๆ วันนี้กูเลี้ยงเอง โดนล็อตเตอรี่สองคู่โว้ย”

            เย็นวันนั้นประชากรผู้มีความหวังกับชีวิตทั้งหลาย สรวลเสเฮฮากันจนเมามายทั้งผู้สมหวัง ผู้มุ่งหวัง รวมทั้งผู้ไม่มีความหวังใด ๆ นอกจากเติมเต็มความเมามายให้กับชีวิต

            เหลือบไปดูเจ้าของร้านกันบ้าง โทบี้ ฉุนได้กำไรจากการค้าพอควร แต่ไม่มีดวงการพนัน ล็อตเตอรี่ที่ขายไม่หมด ดันเก็บเอาไว้เสี่ยงดวงหลายคู่ ไม่เฉียดเลยสักคู่ ประสบการณ์ไม่มีก็เป็นเช่นนี้นี่เอง เหม่อมองไปบนจั่นหมาก ไม่เห็นทั้งหมู่ภมรและกิ้งก่ามาตั้งแต่วันเริ่มมีกระถางธูปมาตั้งโน่นแน่ะ

 

            เมื่อหมดฝน ลมหนาวก็พัดมาตามฤดูกาล หนาวมากหนาวน้อย หรือไม่หนาวเอาซะเลย ก็ขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ ไม้แบดมินตัน รองเท้าวิ่งและอุปกรณ์ออกกำลังกายของสองสามีภรรยา วางไว้ให้ใครผ่านมาเห็นว่าทั้งคู่คงเป็นนักกีฬา เปล่าเลย ปล่อยให้ฝุ่นจับ แมงมุมพากันมาพำนัก มันเป็นอุปกรณ์กีฬาที่เคยถูกใช้ตามเป้าหมายแค่ครั้งสองครั้ง หลังจากนั้นความขยันก็วิ่งหนีไปจากฅนทั้งคู่ ร่างกายเริ่มสะสมไขมันเพื่อต่อสู้กับฤดูหนาวนิดหน่อย และเย็นวันนั้น โทบี้ ฉุนเริ่มนึกถึงประโยชน์ของการวิ่งจากที่ดูในจอโทรทัศน์  รีบไปหยิบรื้อรองเท้าที่ซื้อมาหลายปีก่อน มันเต็มไปด้วยฝุ่น ตัดสินใจว่าควรหยิบออกมาทำความสะอาด ดันเหลือบไปเห็นเศษใบไม้รูปทรงสวยงาม หยิบขึ้นมาดู “นี่มันรังนกกระจาบนี่หว่า”

            มีเสียงตะโกนดังมาจากหน้าร้านเพื่อต้องการอะไรบางอย่าง “ลุง ลุง ซื้อบุหรี่สองมวนสิ”

            โทบี้ ฉุนละมือจากรองเท้าและรังนกกระจาบเอาไว้ที่เดิมตามที่มันเคยอยู่มาหลายปี และมันควรอยู่ที่เดิมไปอีกหลายปี ก่อนเดินไปหน้าร้านเพื่อทำตามความต้องการของลูกค้า

 

.................................................................

 

Link ที่เกี่ยวข้อง  

                “บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”

                 วรรณกรรมออนไลน์