รู้ทัน ! ‘อาการเตือน’ ของ ‘โรคพาร์กินสัน’

รู้ทัน !‘อาการเตือน’ ของ ‘โรคพาร์กินสัน’

 

              เรียนรู้ “โรคพาร์กินสัน” เข้าใจ “อาการเตือน” ที่ถูกมองข้าม อย่าปล่อยให้ “อาการเตือน” เป็นเพียง “ภัยเงียบ” ของการเกิดโรค

 

              “พาร์กินสัน” หนึ่งในโรคที่เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาท แม้ว่าจะยังไม่มีการศึกษาได้อย่างชัดเจนถึงสาเหตุของการเกิดโรคนี้ แต่ก็มีหลายปัจจัยเสี่ยงที่เชื่อว่า เป็นสาเหตุของการเป็นโรคนี้ นอกจากกรรมพันธุ์ และอาการเสื่อมของระบบประสาท ที่เป็นไปตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ อีก อาทิ การมีประวัติการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นเวลานาน หรือมีประวัติการได้รับการบาดเจ็บของสมองซ้ำ ๆ รวมถึงการเป็นโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองและหัวใจ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ความผิดปกติของน้ำหนัก ฯลฯ 

 

              แต่ไม่ว่า สาเหตุของการเป็นโรคพาร์กินสัน จะเกิดจากอะไรก็ตาม การรับรู้และภาพจำเกี่ยวกับโรคพาร์กินสันของคนทั่วไปคือ พาร์กินสันเป็นโรคที่เกิดในคนอายุมากกว่า 60 ปี และมีอาการสั่น

 

 

 

              แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการของโรคพาร์กินสัน ยังมีอาการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกายและอาการเกี่ยวกับทางระบบประสาทด้วย แต่การที่ความเข้าใจของคนส่วนใหญ่รู้จัก “อาการสั่น” ก็เพราะอาการสั่นจะเป็นอาการที่มองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า และมักเป็นอาการที่ผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วย ตัดสินใจพาผู้ป่วยเข้ามาพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษา

 

              โรคพาร์กินสัน มีระยะการดำเนินโรค รวมระยะที่มีอาการเตือนก่อนการดำเนินโรค เฉลี่ยนานมากกว่า 10 - 20 ปี ในผู้ป่วยพาร์กินสัน จะมีอาการผิดปกติหลายระบบในร่างกาย ไม่แต่เฉพาะการเคลื่อนไหวผิดปกติ แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มอาการที่นอกเหนือจากการเคลื่อนไหวผิดปกติอีกหลายอาการ เช่น อาการเดินเกร็ง แขนขาเกร็ง เคลื่อนไหวผิดปกติ ทรงตัวผิดปกติ ปัญหาการนอนละเมอ ออกท่าทาง หรือออกเสียง ที่มักสัมพันธ์กับเนื้อหาความฝัน

 

 

 

              ปัญหาระบบประสาทอัตโนมัติ ปัญหาทางพุทธิปัญญา อาการท้องผูกเรื้อรัง รับกลิ่นได้ลดลง อาการซึมเศร้า รวมถึงอาการง่วงนอนผิดปกติในช่วงเวลากลางวัน ฯลฯ โดยมีลักษณะการดำเนินโรคในลักษณะเรื้อรัง และอาการจะรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีการดำเนินโรคมากขึ้น

 

              การรักษาโรคพาร์กินสันในอดีต จะเป็นในลักษณะของการตั้งรับ คือรอให้ผู้ป่วยมีอาการที่ชัดเจนก่อน จึงมาพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยว่า เป็นพาร์กินสัน ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการรักษา ที่มีทั้งการใช้ยารูปแบบต่าง ๆ ไปจนถึงการผ่าตัด ซึ่งผู้ป่วยที่มาพบแพทย์นั้น ส่วนใหญ่จะมีอาการที่ค่อนข้างรุนแรงแล้ว ทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบัน มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถวินิจฉัยโรคได้ละเอียด แม่นยำ และรวดเร็วมากขึ้น แต่กว่าที่ผู้ป่วยจะตัดสินใจมาพบแพทย์ ก็มักจะมีอาการไปแล้วระดับหนึ่ง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษายังคงสูงอยู่

 

 

 

              แม้ว่า โรคพาร์กินสัน จะยังไม่มีวิธีป้องกัน รักษา หรือวัคซีนที่จะช่วยป้องกันได้ อีกทั้งการรักษาก็ยังไม่สามารถทำให้หายขาดจากโรคได้ เป็นได้แต่เพียงชะลอการดำเนินของโรค หรือลดอาการไม่ให้รุนแรงมากขึ้น จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ วงการแพทย์ยังพบว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การบริโภคอาหารที่ดี และการนอนที่มีคุณภาพ จะช่วยลดความเสี่ยง จากการเกิดโรคพาร์กินสันได้ ในคนที่ยังไม่ได้เป็นโรคนี้ ส่วนคนที่เป็นโรคนี้ การปรับพฤติกรรมในเรื่องดังกล่าว จะช่วยชะลอระยะเวลาการดำเนินของโรคให้ยาวขึ้นได้

 

              ปัจจุบันพบว่า ผู้ป่วยพาร์กินสัน ไม่ได้มีแต่เพียงกลุ่มคนที่อายุมากกว่า 60 ปีเท่านั้น แต่พบผู้ป่วยพาร์กินสันที่อายุน้อยกว่า 40 ปีแล้ว ทำให้วงการแพทย์ได้ศึกษาเกี่ยวกับโรคพาร์กินสันมากขึ้น และพบว่า โรคพาร์กินสัน จะมีสัญญาณเตือนก่อนการดำเนินโรคที่ค่อนข้างใช้เวลานานเป็นสิบปี ดังนั้น ผู้ที่มีอาการผิดปกติเรื้อรัง เช่น อาการท้องผูกเรื้อรัง การรับกลิ่นลดลง การนอนละเมอ รวมถึงอาการง่วงนอนผิดปกติในช่วงเวลากลางวัน โดยที่ไม่ได้มีการอดนอน หรือพักผ่อนไม่เพียงพอแต่อย่างใด ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยของความเสี่ยง ที่จะเป็นโรคพาร์กินสันได้

 

              ดังนั้น คนวัยหนุ่มสาวจึงไม่ควรชะล่าใจ และมองว่า อาการผิดปกติเรื้อรังดังที่กล่าวมาเป็นเรื่องปกติ แต่ควรเข้าพบแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษา และตรวจวินิจฉัย ว่าอาการดังกล่าว จะใช่สัญญาณเตือนของการเป็นโรคพาร์กินสันหรือไม่ เพราะพาร์กินสัน ไม่ได้เป็นโรคที่เกิดแต่กับผู้สูงวัยเท่านั้น และยังเป็นโรคที่ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าเป็นสิบปี ดังนั้น จึงเป็นการดีที่หากพบสัญญาณเหล่านี้ล่วงหน้า แล้วรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป ในขณะที่อาการยังไม่รุนแรงมากนัก

 

              ทั้งนี้ โรคพาร์กินสัน แม้จะเป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่เป็นโรคที่ป้องกัน และรักษาเพื่อชะลออาการรุนแรงของโรคได้ หากตรวจพบได้เร็ว

 

//.................