เรื่องสั้น : ซากผีเสื้อในคืนอุ่นอ้อมกอด : สุชาติ สุขประสิทธิ์
เรื่องสั้น : ซากผีเสื้อในคืนอุ่นอ้อมกอด : สุชาติ สุขประสิทธิ์
1.
ขบวนของพวกเราจะหยุดพักที่ลำธารข้างหน้า คนนำทางแจ้งให้ทุกคนรู้ ต่างดีใจกันเหลือแสนเพราะเดินทางมาหลายชั่วโมง ยิ่งใกล้ถึงจุดพักคล้ายแสงแดดเริ่มสว่างจ้า ในราวป่าที่เดินทางผ่านมาต้นไม้หนาทึบ บางช่วงแดดแทบส่องไม่ถึงผืนดิน
ฉันเร่งฝีเท้าแซงขึ้นไปยังหัวขบวน พวกผู้ใหญ่ต่างหัวเราะชอบใจ แต่ก็มีบางคนร้องเตือนให้ระวังเผลอเหยียบก้อนหินข้อเท้าอาจพลิกได้ แม้ได้ยินทั้งหมดที่ว่ามา แต่ใจมุ่งไปข้างหน้าเสียแล้ว เสียงน้ำไหลได้ยินชัดขึ้นเรื่อย ๆ แดดอ่อนกระทบผิวน้ำช่างงามนัก
แต่ภาพที่ไม่คิดว่าจะได้พบ ไม่เคยมีอยู่ในจินตนาการ ทว่าได้พบอย่างไม่คาดฝัน ฝูงผีเสื้อนับพันสีเขียวแกมเหลือง ราวผืนพรมริมลำธารตระการตา ฉันหยุดยืนแทบจะกลั้นหายใจ ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า สายตาตรึงอยู่กับผีเสื้อนิ่งนาน และอาจนานตราบอายุขัยของเด็กหญิงคนหนึ่ง
ไกลออกไปอีกด้าน ชายสามสี่คนกำลังลุยน้ำข้ามลำธารตรงมายังพ่อ ฉันไม่ได้สนใจเหตุการณ์เหล่านั้นมากนัก แค่บังเอิญหันไปเห็น มีความสุขยามมองผีเสื้อมากกว่า หันไปอีกครั้งกลุ่มชายแปลกหน้าพาพ่อข้ามลำธารไปอีกฝั่งแล้ว
2.
นานเพียงใดที่ตกอยู่ในห้วงนั้น ฉันไม่รู้ ไม่เคยหาคำตอบได้ แต่เหมือนยาวนานไม่สิ้นสุด เสียงขยับปีกแม้เงียบหากไม่เงี่ยหูฟัง แต่ยังเป็นสิ่งเดียวช่วยให้หลุดจากห้วงนั้น ดินแดนที่ฉันพูดไม่เต็มปากว่าไม่รู้จัก และยิ่งพูดไม่ได้อีกว่ารู้จักดี ฉันยังเชื่อว่าตัวเองหลงทาง
ลมพัดใบไม้ทั้งสดทั้งแห้งหล่นเต็มชานบ้าน แต่ยามนี้สายฝนสาดจนเปียกชุ่มไปทั้งสีเขียวสีน้ำตาล ฉันไพล่ไปนึกถึงภาพจำครั้งอดีต วัยที่ล่วงเลยคงทำให้สายตาเห็นสีสันคลาดเคลื่อนไปได้ แม้รู้ทั้งรู้ว่าใบไม้ไม่ใช่อย่างอื่น แต่แล้วภาพผีเสื้อนับพันก็บินเต็มผืนฟ้าจินตนาการ
ฟ้าแลบเป็นทางยาว ฉันเบือนหน้าหลบ ลมหอบใหญ่พัดใบไม้มาเพิ่ม หลังฟ้าเปิดแดดสุดท้ายเผยแสง แม้อบอุ่นขึ้นบ้าง แต่ผีเสื้อฝูงนั้นค่อย ๆ ทิ้งร่างลงทีละตัว หล่นราวใบไม้ร่วงแม้ไร้แรงลม ในแสงเย็นที่ส่องทะลุจิตใต้สำนึก ความตายของเหล่าผีเสื้อแสนเศร้า
วัยชรามาเยือนแล้ว แต่วันวานยังมอบทั้งรักและทำลาย หลายปีในบ้านโบราณฉันหวังให้ช่วยเยียวยาหัวใจ พ่อเกิดและโตที่นี่ ภาพพ่อข้ามลำธารหายไปในราวป่าไม่เคยลบเลือน วัยเด็กฉันไม่รู้หรอกว่าพ่อไปไหน ไปกับใคร ดูไปช่างโง่เขลาสิ้นดี ฉันกลับมาตามหาพ่อที่บ้านเกิดของท่าน
3.
ปีนั้น เมืองที่พ่อไปรับตำแหน่งยังขึ้นกับสยาม ป่าไม้ระหว่างทางสมบูรณ์ ฉันกับแม่และคนรับใช้ติดตามไปด้วย พวกเรารู้ว่าต้องใช้ชีวิตที่นั่นหลายปี ข้าวของถูกขนไปบ้างแล้วบางส่วน และยังมีอีกบางส่วนจะตามไป แต่ทุกคนในขบวนวันนั้นก็ไปไม่ถึงพระตะบอง
คนนำทางยังทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ เขานำทุกคนกลับมายังบางกอก แม่น่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อดีที่สุด แต่กลับนิ่งสุดในขบวน พูดเพียงว่าให้ทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตน ฉันยังเด็ก แอบดีใจด้วยซ้ำจะได้กลับบ้านเกิด และคิดว่าไม่นานพ่อคงกลับมา
ปีแล้วปีเล่า ฉันทำหน้าที่ตามคำแม่ ตั้งใจเรียนให้สมกับเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อ ปีจบมหาวิทยาลัยคือปีเดียวกับที่ได้งานทำ และปีนั้นแม่ก็มาด่วนจากไป คนรับใช้พูดกันว่าแม่ตรอมใจ พวกเขายังพูดอีกว่าถ้าไม่ติดที่ห่วงฉัน แม่คงไม่อยู่มาถึงวันนี้
แม่ทรุดหนักตั้งแต่ปีที่สยามคืนพระตะบองให้ฝรั่งเศส และต่อมาก็เป็นของกัมพูชา ข้าราชการสยามทยอยกลับแผ่นดินเกิด แม่คงพอรู้คำตอบนานแล้ว แต่ครั้งนี้คือคำยืนยันว่าพ่อไม่มีวันกลับมา มีคำถามมากมาย คนที่ฉันรักจากไปอีกคน
4.
จดหมายฉบับเดียวที่พ่อส่งมาจากพระตะบอง ลงวันที่ไว้ชัดเจน ห่างจากวันพ่อถูกชายแปลกหน้าพาข้ามลำธารหนึ่งสัปดาห์เต็ม เนื้อความบอกว่าสบายดี อีกไม่นานจะให้แม่และฉันมาอยู่ด้วย แต่ไม่ต้องลำบากผ่านป่าเหมือนเดิม รถยนต์และรถไฟสะดวกรวดเร็วกว่า
ฉันได้อ่านจดหมายหลังจากแม่ และไม่ชอบเลย เพราะถ้าเดินทางผ่านป่าอาจได้พบฝูงผีเสื้ออีก แต่ได้ยินพวกผู้ใหญ่พูดกันว่า ที่พวกเราต้องใช้เส้นทางป่าเพื่อความปลอดภัยจากภัยสงคราม ถ้าเช่นนั้นแสดงว่าตอนนี้บ้านเมืองปลอดภัยขึ้น พ่อถึงส่งข่าวว่าจะให้ไปทางรถยนต์และรถไฟ
หลังจากนั้น ไม่มีจดหมายจากพระตะบองอีกเลย ข่าวคราวของพ่อไม่มีใครพูดถึง ฉันเติบโตขึ้นทุกวัน ใช้ชีวิตไปตามวัย ภาพพ่อค่อย ๆ เลือนราง ต่างกับผีเสื้อฝูงนั้นสีเขียวแกมเหลืองไม่เคยซีดจางไปตามวันเวลา ยามคิดถึงพวกมันยังกระจ่างชัด และโผบินในจินตนาการ
แม้ไม่เคยเห็นกับตายามผีเสื้อฝูงนั้นโผบิน แต่ในวัยสาวฉันหลับตาเห็นพวกมันบินริมลำธาร ลัดเลาะสูงต่ำยามแดดอ่อนสะท้อนผิวน้ำ ก่อนพุ่งราวลูกศรพ้นแล่งธนูข้ามฝั่ง กลืนหายไปในราวป่า และเมื่อลืมตาขึ้นวันเวลาได้ล่วงเลย
วัยผู้ใหญ่กรำงานหนัก ผีเสื้อเลือนหายไป ส่วนจดหมายของพ่อเรื่องแนวโน้มสงครามโลกครั้งที่สองดีขึ้น ฉันโตพอจะเข้าใจได้เอง แต่สงครามไม่เคยหมด สงครามครั้งใหม่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในบ้านเมือง ขัดแย้งจนถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อ
ป่าเขาคือสถานที่หลบเร้นจากอำนาจทมิฬ บรรดานิสิตนักศึกษาประชาชนหายเข้าป่าคนแล้วคนเล่า นั่นทำให้ฉันนึกถึงผีเสื้อฝูงนั้น มันยังชัดเจนแม้ไม่เท่าวันวัยที่ผ่านมา หลายสิบปีมาแล้วป่าคงไม่เหมือนเดิม แต่คงพอให้คนเข้าไปได้อยู่อาศัยพ้นภัย
5.
บ้านโบราณที่คนในหมู่บ้านไม่อยากเฉียดใกล้ ไม่ได้มีคนตายหรือตำนานใด ๆ ชวนหวาดผวาหรอก แต่เจ้าของเดิมถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่รักชาติ และผลกรรมที่ตามทันตาคือการหายสาบสูญไปตลอดกาล ฉันได้ยินชาวบ้านพูดแบบนั้นตั้งแต่ย้ายมาอยู่ แม้วันนี้เสียงนั้นจะจางจนแทบเลือนหาย
คนรับใช้ก็เคยพูดทำนองนี้ พวกเขายังพูดอีกว่านี่คือสาเหตุที่พ่อกับแม่หมางเมินกัน และแยกห้องนอนกันในที่สุด ในวัยเด็กเรื่องพรรค์นี้ไม่มีอยู่ในจินตนาการของฉันสักนิด แม้เติบวัยขึ้นและพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้าง แต่ป่วยการจะฟื้นฝอยหาตะเข็บ
ฉันกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดพ่อ บ้านโบราณกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงจนไม่เหลือเค้า ไม่เคยสักครั้งจะไปเปลี่ยนของเก่า เพียงซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม และฉันบอกหญิงสาวที่คอยดูแลว่า อยากปลูกดอกไม้ให้เต็มลานบ้าน
หญิงสาวเป็นหลานคนรับใช้เก่า ฉันอุปถัมภ์ส่งเสียให้เรียนตั้งแต่เด็ก เมื่อรู้ว่าฉันจะกลับมาอยู่ต่างจังหวัด เธอบอกคำเดียวจะเป็นคนดูแลฉันเอง สิบปีแล้วที่เราช่วยกันปลูกดอกไม้ รุ่นแล้วรุ่นเล่าผลัดเปลี่ยนกันสร้างสีสัน พร้อม ๆ การจางหายของเรื่องคนไม่รักชาติ
แต่สิบปีผ่านมา นอกรั้วบ้านชาวบ้านยังพูดถึงเรื่องชังชาติ เรื่องคนดี และแบ่งแยกเป็นสองฝั่งความคิดชัดเจน ไม่มีใครกลัวใคร ฉันพอรู้เรื่องอยู่บ้าง แต่วัน ๆ ก็หมดไปกับการปลูกดอกไม้เสียมากกว่า ยิ่งยามได้เห็นผีเสื้อสีสวย คล้ายพลัดหลงไปกับปีกขยับนั้น บางทีฉันยินยอมหลงทาง
“คุณป้าชอบดอกไม้หรือรักผีเสื้อคะ” หญิงสาวถาม
“ช่างถาม” ฉันยิ้มมีความสุข และคิดว่าจะตอบอย่างไรดี
6.
แม้อยู่ต่างจังหวัด แต่แปลกที่นี่ชวนให้นึกถึงชีวิตในเมืองกรุงบ่อย ๆ ล่าสุดหวนคิดถึงช่วงเวลาที่ภายหลังถูกเรียกว่าวันมหาวิปโยค ปีนั้นฉันเข้าวัยกลางคนแล้ว การงานมั่นคงมีตำแหน่งการันตี แล้ววันดีคืนดีเพื่อนอาจารย์มหาวิทยาลัยก็พาหนุ่มสาวสามสี่คนมาฝากที่บ้านสองคืน
ฉันพอเข้าใจ เพราะก่อนหน้าเคยคุยกับเพื่อนอาจารย์หนุ่มใหญ่มากอุดมการณ์ผู้นี้ วันที่พวกนักศึกษาจากไป ก็เป็นวันเดียวกับที่ฉันต้องไปต่างจังหวัดตามหน้าที่การงาน พวกเขาติดรถไปด้วยถึงปากช่อง การเดินทางราบรื่น รถยนต์มีตราหน่วยงานคล้ายใบผ่านทางชั้นดี
เพื่อนอาจารย์จากโลกนี้ไปนานแล้ว ไม่มีโอกาสอยู่เห็นสภาพสังคมที่วาดหวัง ส่วนนักศึกษาชายคนหนึ่งในวันนั้น ยังเห็นตามสื่อต่าง ๆ บ่อย ๆ อายุพ้นวัยเกษียณมานานแล้ว นับจากวันแยกกันที่ปากช่องก็ไม่เคยพบกันอีกเลย แต่เท่าที่ฉันรู้เขายังทำกิจกรรมการเมืองเหมือนวัยหนุ่ม
ยามดูแลดอกไม้ คล้ายมีผีเสื้อขยับปีกในความคิด ก่อนพาโบยบินไปกับเรื่องวันวาน และชวนให้คิดต่อว่าฉันเข้าไปข้องแวะกับหลายเรื่องราว เพียงเท่านั้น ก่อนปีกนับไม่ถ้วนในจินตนาการจะพากลับมายังจุดเดิม ดอกไม้เต็มลานบ้าน ผีเสื้อบินวนไม่ขาด และหญิงชราคนหนึ่ง
ผู้คนใกล้ตัวทยอยลาจากไป เรื่องนี้ฉันฉุกคิดมาตั้งแต่เข้าวัยกลางคน จนวันนี้อายุล่วงวัยชรา และมีโอกาสเป็นคนที่จากไปได้ทุกนาที อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่ผีเสื้อก็ลดลง เวลาสิบปีที่ปลูกดอกไม้ฉันสัมผัสได้ ปีหลัง ๆ ผีเสื้อบินมาดอมดมดอกไม้น้อยลงถนัดตา
แต่ผีเสื้อไม่ได้หายไปไหนไกล พวกมันเข้าไปขยับปีกในห้วงคิดของฉัน แต่บางตัวก็หล่นคว้างลงคาตาในจินตนาการนั้นเหมือนกัน ไม่ได้มีแต่สิ่งสุขใจหรอก การลาจากยังปรากฏคู่กัน อาจเป็นความฝันหรืออาการหลง ๆ ลืม ๆ ย้ำคิดย้ำทำของคนอายุปูนนี้ก็สุดจะหาข้อสรุปได้
7.
ฉันนอนอุ่นในอ้อมกอดพ่อแม่ ดีใจที่ท่านได้กลับมานอนร่วมห้องกันอีกครั้ง แม้บอกไม่ได้ว่าตัวเองกลับไปเป็นเด็กน้อย หรือยังคงสภาพหญิงชรา แต่พ่อแม่ยังเด่นชัดเหมือนวันที่พวกเราอยู่ริมลำธารกลางป่า ในอ้อมกอดพ่อกับแม่ ผีเสื้อฝูงนั้นบินกลับมาให้เห็นอีกครั้ง ก่อนค่อย ๆ ทิ้งร่างทีละตัว ทันทีที่ตกลงถึงพื้นก็ปีกหลุด และมากตัวเข้าสีกลับคล้ายใบไม้แห้ง
วันแล้ววันเล่า ฤดูกาลแปรปรวน สภาพอากาศไม่บริสุทธิ์ ดอกไม้เหี่ยวเฉา ผีเสื้อหายไป ฉันสุขภาพร่วงโรยและล้มป่วย นอกรั้วบ้านยังมีเรื่องราวดำเนินไป แต่ฉันไม่ได้รับรู้เรื่องเหล่านั้นแล้ว นับจากคืนที่หลับไปในอ้อมกอดพ่อแม่ ฉันเหมือนกลับไปเป็นทารกเสียแล้ว เล่นปัสสาวะอุจจาระได้หน้าตาเฉย อาการหลง ๆ ลืม ๆ กินแล้วก็ว่ายังไม่ได้กิน ได้ยินหญิงสาวพูดแบบนั้น
แต่ละวันพื้นที่ชีวิตเริ่มหดแคบ จากภายในรั้วบ้าน ขยับเข้ามาอยู่ในตัวบ้าน และตอนนี้แทบจะอยู่เพียงในห้องนอน ดีไม่ถึงขนาดติดเตียงถาวร แต่จะว่าไปฉันก็นอนอยู่บนเตียงเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเวลาดูไม่มีผลเท่าไรนัก แต่ฉันยังรู้มืดรู้แจ้ง อย่างตอนนี้ความมืดเข้ามาเยือนและเคลิ้มหลับไป ก่อนผวาตื่นพบหญิงสาวนั่งอยู่ข้างเตียง แปลกใจเธอแค่ยิ้ม ไม่มีท่าทีอื่น
“มีใครมาหรือเปล่า” ฉันจ้องมองปลายเตียง
“ไม่มีนี่คะคุณป้า” หญิงสาวตอบเบา ๆ
ชายแปลกหน้ายืนร่างทะมึนอยู่ปลายเตียง มากันสองคน แต่งตัวแปลก ๆ เหมือนคนโบราณ ถืออาวุธยาว ไม่พูดไม่จา ไม่แสดงอาการใด ๆ แล้วก็หายไปราวหายตัวได้ ชั่วอึดใจพ่อกับแม่ปรากฏตัวขึ้น ท่านยิ้มให้ฉันพร้อม ๆ กับผีเสื้อสีเขียวแกมเหลืองฝูงนั้นโผบินเต็มห้อง นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า ทำไมหญิงสาวไม่มีท่าทีอะไรเลย ราวกับว่าในห้องมีเพียงฉันกับเธอเท่านั้น
ฉันตัวเบา ล่องลอยแม้ไร้ปีก มองย้อนกลับมาเห็นร่างตัวเองนอนหลับสนิท หญิงสาวฟุบหน้าข้างเตียง ไม่มีผีเสื้อในห้องอีกแล้ว ไม่มีใครอื่นอีกเลย
Link ที่เกี่ยวข้อง
“บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”