เรื่องสั้น : รุ้งพิษ : สุชาติ สุขประสิทธิ์

เรื่องสั้น : รุ้งพิษ : สุชาติ สุขประสิทธิ์

 

1.

จักรยานคันนั้นส่ายไปมาบนถนนดินกลางทุ่งนา แม้จะเริ่มหมาดแดดแต่ก็เฉพาะผิวหน้าเท่านั้น เมื่อต้องรับน้ำหนักทั้งคนทั้งจักรยาน จึงลื่นไถลได้ไม่ยากหากไม่ระมัดระวังให้ดี เทียมใช้ขายันเป็นช่วง ๆ เกรงว่าจะตกคูน้ำ พักหลังเขาไม่ค่อยมั่นใจสายตาตัวเองสักเท่าไร

เทียมนึกย้อนถึงวันที่ได้รับข่าวดีจากลูกชายว่า สามารถสอบเรียนต่อโรงเรียนช่างกลชื่อดังในกรุงเทพฯ ได้ แม้จะหมายถึงค่าใช้จ่ายมากโข แต่คนเป็นพ่อก็มั่นใจว่าเรี่ยวแรงที่ยังมีสามารถส่งเสียลูกคนเดียวให้เรียนจนถึงระดับ ปวส.ได้แน่นอน

ควันยาเส้นมวนใบจากพ่นเป็นสาย เทียมยืนคร่อมจักรยานบนถนนคอนกรีตท้ายหมู่บ้าน เช้านี้เขาอารมณ์ดี บรรยากาศหลังฝนช่างสดชื่น ว่าแล้วจึงสลัดเรื่องครั้งหนหลังออกไป หันไปมองโค้งรุ้งพาดแนวงามตาเหนือทุ่งข้าวเขียวขจีเริ่มออกรวง เฝ้าฝันถึงวันที่ข้าวสุกเหลืองอร่ามเต็มผืนนา

ปีนี้ข้าวราคาดี ถ้ารวมปริมาณต่อไร่ที่กะไว้ว่าไม่น่าต่ำกว่าแปดสิบถังด้วยแล้ว บางทีนาปรังรุ่นแรกอาจตอบแทนด้วยกำไรหลักแสนเลยทีเดียว นั่นยิ่งทำให้เทียมมั่นใจและคาดหวังไปถึงนาปรังรุ่นสอง หากเป็นไปตามที่คิดคงช่วยให้ชีวิตกลับมาตั้งหลักได้บ้าง

หัวค่ำเทียมออกมานั่งสูบยาที่นอกชาน แต่แล้วก็แว่วยินเสียงระนาดลอยมา พยายามเงี่ยหูฟังพร้อมกวาดตามองไปรอบ แม้ห่างออกไปถึงห้าหกวา แต่ก็มั่นใจว่าตาไม่ได้ฝาด ผู้หญิงใส่ชุดไทยนั่งห้อยขาบนกิ่งต้นก้ามปู เสี้ยววินาทีสุดท้ายนางหายไปพร้อมชายสไบไหวพลิ้ว รู้ตัวอีกที เขายกมือท่วมหัวหลังลมหอบใหญ่พัดวูบ บอกตัวเองว่าไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ตรงข้ามกลับคิดว่าเป็นเรื่องดีที่เข้ามาในชีวิต

รุ่งขึ้นเดินไปแหงนมองกิ่งก้ามปู ไม่พบสิ่งผิดปกติใด นอกจากรวงข้าวสีทองหล่นอยู่ แต่ไม่วายนึกไปถึงยาล้างตา เพราะตั้งแต่ใช้มามักเห็นอะไรแปลก ๆ เมื่อก้มลงหยิบพบว่าเป็นฝักก้ามปูต่างหาก “จริงสิ ข้าวเพิ่งออกรวง รวงข้าวสีทองรอเกี่ยวจะมาจากไหนกัน เออ... แล้วผู้หญิงชุดไทยล่ะ” เทียมขันขื่น แต่ไม่วายมีเรื่องให้สงสัย

 

2.

สมัยยังไม่ได้ทำนาปรัง เทียมจะไปรับจ้างฉีดยาฆ่าแมลงในนาปรังของเพื่อนบ้าน มีงานแทบทุกวัน จนพูดได้ว่าเป็นรายได้หลักจุนเจือครอบครัว เวลาที่มีหมดไปกับการตระเวนไปยังแปลงนาผู้ว่าจ้าง ที่สำคัญได้เงินเร็ว ลำพังตัวคนเดียวไม่เท่าไร แต่ลูกชายที่กำลังเรียนนี่สิ ยิ่งชั้นสูงยิ่งมีค่าใช้จ่ายมาก

แต่รายได้เป็นกอบเป็นกำ ก็มาพร้อมพิษสะสมจากลมหวนพัดละอองปลิวเข้าตา แม้จะเคยแอบชื่นชมความงามของละอองน้ำผสมยายามสะท้อนแดดเป็นสีรุ้ง แต่เทียมรู้ดีว่าอย่างไรเสียมันก็ไม่ใช่รุ้งกินน้ำอยู่ดี กระทั่งอดคิดเลยเถิดไปตามคำพูดของคนในหมู่บ้านไม่ได้ว่า นานวันเข้าอาจถึงขั้นตาบอดได้ แต่ในความกังวลเขาพบทางออกไล่หลังมาพร้อม ๆ คำพูดของคนกลุ่มเดิมว่า ให้ซื้อยามาล้างตาเสียบ้าง

จากสายรุ้งที่ครั้งหนึ่งเป็นดั่งความฝัน ยามนี้กลับเป็นได้เพียงภาพเลือนราง เฉดสีหลากหลายแทบกลายเป็นเพียงเส้นพืดยาว วันนี้แม้เทียมไม่มีโอกาสได้เห็นเต็มสองตา ถึงความถดถอยของการทำนาปรัง แต่กลับเต็มกลืนในหัวใจ แม้ได้กำเงินแสนสมใจในปีแรก แต่ปีถัดมาราคาข้าวกลับดิ่งลงเหว และซ้ำเติมไปใหญ่เมื่อปุ๋ยยาแพงขึ้นทุกปี สุดท้ายเขาพบตัวเองเป็นหนี้สินบานเบอะ

วันนี้ช่วงเย็นเทียมแวะไปดูนา พักหลังรับงานเยอะไม่ค่อยมีเวลาดูแล และภาพที่เห็นคือเพลี้ยลงจนใบข้าวเริ่มเป็นสีน้ำตาล เขาส่ายหน้า ภาวนาว่าอย่าให้ลุกลามไปกว่านี้เลย พยายามมองผืนนาอย่างเต็มตา แต่นับวันยิ่งพร่าเลือน

กลับถึงบ้าน ลมโชยพัดมาจนขนลุก น่าจะมีฝนตกละแวกใกล้ ๆ เทียมไม่อยากให้ฝนตกตอนนี้ เพราะรังแต่จะเพิ่มงานให้ต้องออกไปสูบน้ำออกจากนา ลำพังแรงกายไม่เท่าไร แต่ต้องซื้อน้ำมันมาเติมเครื่องนี่สิ ทางที่ดีอย่าเพิ่งตกมาเลย อย่างน้อยยังออกไปรับจ้างได้ เขาภาวนาอีกรอบ หลังมวนยาเส้นเสร็จและกำลังจุดสูบ คล้ายได้ยินเสียงระนาดลอยมา

เมื่อหันไปทางต้นเสียง ร่างผู้หญิงใส่ชุดไทยแทบจะนั่งตำแหน่งเดียวกับครั้งก่อน เทียมยังเฝ้ามองด้วยสายตาพร่าเลือน ทันใดเมื่อนางหันมาเขาแทบผงะ ใบหน้างดงามเปื้อนน้ำตา ก่อนหายไปพร้อมชายสไบไหวพลิ้ว จากนั้นคล้ายเสียงสะอื้นกังวานรอบบริเวณ รุ่งเช้าเมื่อจูงจักรยานผ่านต้นก้ามปู มีรวงข้าวเมล็ดลีบหล่นอยู่ เขาขยี้ตา ก้มลงจับเพื่อให้แน่ใจว่ามันคือฝักก้ามปูแห้งต่างหาก

 

3.

วันที่เมียจากไปเทียมเสียใจที่สุด เขาไม่มีเงินรักษาหรือแม้แต่จะยื้อชีวิตเธอให้ยืดออกไปสักเดือน หลังกลับมาใช้ชีวิตอาทิตย์สุดท้ายที่บ้าน ได้แต่รับปากว่าจะดูแลลูกชายคนเดียวให้ดีที่สุด ให้ได้เรียนหนังสือสูง ๆ เพราะนี่คือสิ่งที่เธอปรารถนามาตั้งแต่ลูกยังอยู่ในท้องด้วยซ้ำ เขาหวังให้ชีวิตช่วงสุดท้ายของเมียได้ผ่อนคลายและจากไปอย่างสงบ แต่ยังมองไม่เห็นช่องทางว่าสิ่งที่รับปากจะเป็นจริงได้อย่างไร

เทียมไม่เคยคิดเลยว่า วันแห่งความสูญเสียจะมาเยือนอีกครั้ง ขณะยืนข้างเตียงในห้องไอซียู เหตุการณ์ครั้งเก่าผุดในความคิดซ้ำไปซ้ำมา นาทีนี้อาการลูกชายทรุดหนัก รถเก๋งประสานงารถพ่วง แม้หมอพยายามสุดความสามารถ แต่พิษบาดแผลก็ทำให้ลมหายใจรวยรินเต็มที กระทั่งหมอบอกให้ทำใจ

“ไม่น่าเลยเรา” เทียมตัดพ้อตัวเองที่ดาวน์รถให้ลูก หลังเรียนจบปวส.ลูกชายตัดสินใจทำงานไปด้วยเรียนต่อปริญญาตรีไปด้วย เขาเองเป็นต้นคิดเพื่อให้ลูกขับจากที่พักไปมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ชานเมือง รวมทั้งเวลากลับมาเยี่ยมบ้านจะได้สะดวก อีกอย่างเขาเองก็อยากมีหน้ามีตาเหมือนคนในหมู่บ้าน

น้ำตาคนเป็นพ่อไหลอาบแก้ม ยามมองใบหน้าพร่าเลือนของลูกชาย เมื่อหมดเวลาเยี่ยมเทียมออกมานั่งหน้าห้องไอซียู บางครั้งลุกเดินไปมารอบแล้วรอบเล่า กระทั่งหยุดมองเหม่อออกไปนอกตึก สมเพชชีวิตตัวเอง ด้านนอกฝนตั้งเค้าเป็นเงาเมฆทะมึน วาบหนึ่งเขาคิดถึงบ้าน คิดถึงข้าวในนาที่อาจล้มด้วยแรงลมฝน คงหมดกันกับทุนรอนที่ลงไป

“ทำไมต้องเป็นเรา” เทียมพ่นความอัดอั้นออกมา ชั่วอึดใจด้านนอกฝนเทกระหน่ำ ม่านฝนบดบังท้องฟ้าเมืองกรุงไปเกือบหมดสิ้น นาน ๆ ทีมีสายฟ้าแลบชวนหวาดเสียว เขากลับมากระสับกระส่ายลุกเดินไปมาอีกครั้ง เมื่อมองไปยังท้องถนนเบื้องล่างรถราติดหนึบเป็นทางยาว หลังฝนหยุดเขายกมือขึ้นปาดน้ำตา คลับคล้ายคลับคลาว่ามีสายรุ้งพาดแนวอยู่ด้านนอก

พยาบาลสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องไอซียู มองซ้ายมองขวาอย่างเร่งรีบก่อนตรงมายังเทียม และโดยไม่ต้องพูดคำใดต่อกัน ทั้งสองต่างรีบเดินเข้าห้องไอซียูทันที เขาพอเข้าใจว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นเช่นไร ช่วงเวลาเช่นนี้เคยผ่านเข้ามาครั้งหนึ่งในชีวิต แม้จดจำได้ไม่ลืมเลือน แต่กลับยากทำใจยอมรับ

“ทำไม ทำไมต้องเป็นลูกกูด้วย” เทียมวิ่งออกมานอกห้องไอซียูพร้อมตะโกนลั่น ทรุดร่างลงทุบผนังกระจกไม่ต่างจากคนคลั่งบ้า ด้านนอกสายรุ้งยังพาดแนวแจ่มชัดในแสงเย็น เป็นครั้งแรกที่เขาแว่วยินเสียงระนาด และหลับตาเห็นภาพงานศพเมีย

 

4.

ฝนห่าใหญ่ตกลงมาไม่ลืมหูลืมตา ร่วมชั่วโมงที่เทียมนอนขดร่างอยู่ใต้ผ้าห่ม แต่ความวิตกไม่สามารถถูกปกปิดได้ ข้าวในนายังไม่ได้เกี่ยวสักต้น อดคิดไม่ได้ว่าหักลบกลบหนี้แล้ว คงเหลือเงินไม่เกินหมื่นบาท สำหรับการลงทุนลงแรงไปสามเดือนเศษ

ยังไม่บ่ายสามโมง แต่เหมือนใกล้ค่ำเพราะท้องฟ้าหม่นมัว เทียมลงใต้ถุนสำรวจข้าวของ เขาก้มตัวคว้าจักรยานล้มทับน้ำขังขึ้นตั้ง เมื่อกลับขึ้นมาคว้าถุงยาเส้นมานั่งหน้าบ้าน สูบยาหมดมวนและกำลังจะเข้าบ้าน เพิ่งนึกได้จึงหันไปยังต้นก้ามปู ไม่มีสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่า สายลมพัดระคายผิว เมื่อยกมือขยี้ตาพร่าเลือน ภาพเดิมยังไม่เปลี่ยนแปลง

แม้บรรยากาศหลังฝนตกจะน่านอน แต่ตลอดคืนเทียมแทบไม่หลับเลย คิดไปมาหลายตลบเรื่องข้าวในนา บางครั้งภาพใบหน้าลูกชายและเมียก็แทรกเข้ามา เขาเข้าใจดีว่าคนเรายามไม่มีใคร มักคิดถึงคนที่รักผูกพัน เสียดายทั้งคู่จากไปสู่ภพภูมิใหม่เสียแล้ว ไม่เช่นนั้นคงได้เอ่ยปากระบายทุกข์ต่อกันบ้าง ในที่สุดความคิดวกกลับมาเรื่องปัจจุบัน เขาพลิกตัวหยิบเงินใต้หมอนออกมานับ

เทียมได้ค่าจ้างฉีดยามาพอสมควรตลอดฤดูทำนา ทุกวันนี้ตัวคนเดียว เขาตรองแล้วตัดสินใจว่าจะซื้อยาฆ่าเพลี้ยมาฉีด และพอข้าวฟื้นจะตามด้วยฮอร์โมน อย่างน้อยข้าวรวงโตขึ้นย่อมมีน้ำหนักดีกว่า รุ่งขึ้นจึงไปร้านขายยาในตลาดแต่เช้าตรู่ แล้วขี่จักรยานเลยไปนาทันที

เทียมภาวนาให้การตัดสินใจครั้งนี้สัมฤทธิ์ผล และถึงกับบนบานแม่โพสพให้ข้าวฟื้นมามีน้ำหนัก จะได้จำนวนถังต่อไร่เพิ่มขึ้น อย่างน้อยให้พอถัวไปกับราคาที่ไม่อาจลุ้นขึ้น จากก้าวสู่ก้าวย่ำเดินไปบนผืนนาฉ่ำน้ำ กระทั่งเหลืออยู่ไม่ถึงสองงาน ลมหวนพัดละอองน้ำยาเข้าตาครั้งแล้วครั้งเล่า ฝนตั้งเค้าเมฆดำทะมึน เขาใจคอไม่ดี แต่ทนฝืนต่อจนเสร็จ

จักรยานลื่นล้มตอนเลี้ยวเข้าบ้าน เทียมทุลักทุเลคว้าด้ามสูบฉีดยาที่หลุดมือ แล้วค่อย ๆ จับจักรยานจูงเข้าบ้าน ฝนเริ่มหนาเม็ดขึ้นจนวิตก เพราะหากตกหนักและนานยาฆ่าเพลี้ยจะไม่ดูดซึมเข้าใบ นั่นเท่ากับเงินลงทุนละลายไปกับน้ำฝน โชคยังดีฝนตกไม่นาน แต่กลางดึกกลับมีพายุพัดแรงจนบ้านไม้โยกโยน จากนั้นฝนพรำยืดเยื้อทั้งคืน เขาได้ยินเสียงกิ่งก้ามปูหักตอนค่อนแจ้ง

รุ่งเช้าเทียมรีบออกไปดูนา แต่ก่อนไปได้แวะดูกิ่งก้ามปู ใจหายแวบด้วยเป็นกิ่งเดียวกับที่เคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยปรากฏกาย เขากระวนกระวายตลอดเวลาขี่จักรยานไปนา แม้พยายามตั้งสติแต่ภาพเบื้องหน้าก็ทำเอาแทบล้มทั้งยืน ลมแรงเมื่อคืนพัดต้นข้าวล้มเสียหายไม่ใช่น้อย ยิ่งซ้ำเติมไปอีกเมื่อยาฆ่าเพลี้ยโดนน้ำฝนชะหมด

“ทำไมเป็นยังงี้” เทียมเสียงอ่อย ยกมือขยี้ตาพร่าเลือน ทุ่งกว้างที่เคยมีโค้งรุ้งพาดแนวหลังฝนตกยามนี้ว่างเปล่า ไม่มีสีสันสดสวยเหมือนเคย วันคืนที่สายรุ้งเป็นดั่งสะพานพาดฝันได้จากไปแล้วจริง ๆ แต่ระหว่างความเสียใจเกาะกุมหัวใจ เขายกมือขยี้ตาซ้ำหลายรอบ และจากความฟุ้งซ่านพานให้เผลอคิดไปว่า หรือสายรุ้งยังพาดแนวอยู่เหมือนทุกครั้งหลังฝนตก แต่ดวงตาของเขาต่างหากมองไม่เห็นเอง

ทันใดนั้น เมื่อเทียมกะพริบตาถี่หลายรอบจึงค่อย ๆ เห็นเฉดสีรุ้งเริ่มปรากฏ เขายกมือขยี้ตา สีสันเริ่มคมชัดขึ้นทีละน้อย แต่นั่นเป็นช่วงเวลาแสนสั้น จากนั้นสีรุ้งเริ่มสว่างจ้า หนักเข้ารู้สึกแสบตา แม้จะคิดว่าอาจเป็นแสงแดด แต่ความจริงวันนี้ยังไม่มีแดดออกเลย สุดท้ายเขาเป็นฝ่ายหลบตา จังหวะนั้นคล้ายมีละอองน้ำปลิวกระจายมาตามลมทุ่งพัดโชย เมื่อหันไปมองโค้งรุ้งอีกครั้ง เฉดสีแดงคล้ายหยดเลือดไหลเป็นทางย้อมกลืนสีอื่น ๆ อย่างชวนสยอง

“ทำไมตากูเป็นยังงี้วะ” เทียมพูดเสียงสั่น ขาแข้งพานอ่อนระทวย

 

5.

เทียมจ้องมองไปด้านนอกอย่างกระตือรือร้น สองเดือนแล้วเขามองไม่ค่อยชัด แต่แล้วอยู่ดี ๆ ทุกอย่างกลับปรากฏเต็มสองตา โค้งรุ้งพาดยาวเหมือนอยู่ในแก้วตา มันช่างใกล้เสียจนเห็นชัดเจนเป็นที่สุด แต่ที่ชักไม่ค่อยแน่ใจคือรุ้งยื่นมาเชื่อมพอดีกับกิ่งก้ามปูที่หักไป จากนั้นร่างผู้หญิงใส่ชุดไทยค่อย ๆ ปรากฏ ชายสไบไหวพลิ้วตามลมโชย ด้านล่างใต้ต้นก้ามปู หนุ่มน้อยคนนั้นกำลังก้มเก็บฝักก้ามปูใส่กระสอบปุ๋ย ก่อนเงยหน้าบอกนางว่าจะเอาไปขายให้คนเลี้ยงวัว ช่วยเบาแรงพ่ออีกทาง

แม้ไม่ทันเห็นใบหน้าหนุ่มน้อยคนนั้น แต่เทียมเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดแจ่มชัด จนมั่นใจว่าคือลูกชายที่จากไป เขาพยายามตั้งสติและถามตัวเองว่าภาพเบื้องหน้าใช่ความจริงหรือไม่ จังหวะเดียวกันลมหอบใหญ่พัดผ่านมาพอให้จิตใจคลายฟุ้งซ่านได้บ้าง แต่กลิ่นฉุนยาฆ่าแมลงช่างชวนเวียนหัวเหลือเกิน ขณะยกมือขึ้นปิดจมูกปิดปาก น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ทำไมมันเหม็นยังงี้วะ” เทียมหายใจขัด ตากลับมาพร่าเลือน

ผู้หญิงใส่ชุดไทยหันหน้ามามอง ดวงตาแดงก่ำมีเลือดซึมอยู่รอบขอบตา ลมยังพัดมาพร้อมกลิ่นฉุนยาฆ่าแมลง ราวหอบมาจากนาทุกแปลงในหมู่บ้าน เทียมกะพริบตาถี่ ระคายเคืองและเริ่มมองไม่ชัด แต่ยังทันเห็นว่าร่างนั้นกลายเป็นเพลี้ยฝูงใหญ่บินหายไป ไล่ ๆ กันมีเสียงสะอื้นดังขึ้น ช่างเป็นความโศกสลดที่สุด

“ฮือ ๆ”

แม้ได้ยินเต็มสองหู แต่ก็เป็นเวลาเดียวกับที่เทียมเริ่มเวียนหัวจนร่างโงนเงน ยกมือปิดจมูกปิดปากพัลวัน พยายามรีบเดินกลับเข้าบ้าน แต่สะดุดข้าวของวางระเกะระกะจนล้มลง ขณะนอนคู้ตัวสั่นสะท้าน โลกทั้งใบคล้ายดินแดนหลอกหลอน เขาร้องหาลูกเมีย มั่นใจว่าทั้งสองมารออยู่ใกล้ ๆ แล้ว

ไกลออกไปกลางทุ่งนาคล้ายมีผืนรุ้งสะบัดพลิ้วในม่านแดด

 

........................................................................

 

 

Link ที่เกี่ยวข้อง

  

                “บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”

  

                วรรณกรรมออนไลน์