เรื่องสั้น : มันเป็นกฎบ้าน : มานพ แก้วสนิท

เรื่องสั้น : มันเป็นกฎบ้าน : มานพ แก้วสนิท

 

-1-

ฟากฟ้าด้านตะวันตก ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงไปเล็กน้อย เป็นบ่ายที่ร้อนอบอ้าวเหมือนฝนจะตก  นกหนูตามสุมทุมพุ่มไม้และกอไผ่รอบ ๆ สายคลอง เหมือนจะพากันหยุดร้องเพลงหรือกระโดดโลดเต้น ขณะใบยางบนต้นที่เรียงรายสองข้างลำคลองสายยาวก็ไม่มีพลิ้วไหว ได้ยินก็แต่เสียงสวบสาบจากฝีเท้าของเด็กชายสองคนและชายวัยกลางคน ที่ก้าวย่างลุยใบไม้ใบไผ่ที่กองรุมสุมกันหนาเกือบศอกบนพื้นดิน

สายตาทุกคู่จ้องมองไปในลำคลอง ที่เมื่อตอนหน้าน้ำ มันมีน้ำปริ่มเกือบล้นขอบฝั่งคลอง แต่ในตอนนี้เหมือนเช่นแล้งของทุกปีที่น้ำจะแห้งลง เหลือเพียงขอดอยู่ในสายคลองเป็นช่วง ๆ ตรงไหนเป็นที่ลึก  ก็จะเป็นแอ่งน้ำใหญ่หน่อย ตรงไหนเป็นที่ตื้นน้ำก็จะขอดแห้ง จนเห็นพื้นทรายสีขาวและใบไผ่ที่เกลื่อนอยู่เต็มพื้นคลอง

ลำคลองสายยาวขนาดไม่กว้างไปกว่า 20 เมตร ทอดตัวคดเคี้ยวเหมือนงูยาวมาจากเนินเขาด้านตะวันออกของบ้านย่าที่อยู่ไกลไปลิบ ๆ สุดสายตา เนินเขาที่หนาแน่นไปด้วยแถวแนวของยางพารา พืชสำคัญที่ชาวบ้านแถบนี้ขูดกรีดผิวของลำต้น เพื่อเอาน้ำยางมาขายหาเลี้ยงชีวิต ผู้เฒ่าผู้แก่เล่ากันว่า ลำคลองมันเริ่มจากตรงนั้น พอฝนตกสะสม น้ำก็จะเริ่มลัดเลาะมาตามที่ลุ่มริมเนิน ผ่านป่า ผ่านทุ่งนา เกิดเป็นสายคลอง ไหลผ่านวัดของหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไป แล้วไหลลงสู่ทุ่งนาใกล้ ๆ บ้านย่า

เป็นลำคลองที่สองฝั่งคลองร่มครึ้มไปด้วยใบไผ่ ต้นไผ่ริมฝั่งคลองที่ค้อมตัวเข้าหากัน จนเกิดร่มเงา  ทำให้น้ำในสายคลองเย็นฉ่ำตลอดปี เหมาะที่วัวควายหรือแม้คนจะลงไปแช่ตัวคลายร้อน ส่วนในหน้าแล้งที่น้ำแห้งขอดจนปรากฏพื้นทรายขึ้นเป็นหย่อม ๆ ตามสันดอนในสายคลอง กว้างบ้าง แคบบ้างไปตามสภาพ นั่นคือ ที่ ๆ ที่ผู้คนในหมู่บ้านโดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนในตลาด จะนิยมมาเปิดวงไฮโลกันเป็นกลุ่ม ๆ อย่างสนุกสนาน นัยว่ามันหลบสายตาตำรวจสายตรวจจากอำเภอได้เป็นอย่างดี และหากตำรวจคิดจะเข้าถึงวงไฮโลของนักพนันเหล่านั้น กว่าจะเดินลัดทุ่งมาถึงสายคลอง นักพนันก็คงเปิดตูดกันไปไกลแล้ว

อีกนานมั้ยพ่อ กว่าจะถึงหนองน้ำที่ว่า” ไข่ดำเด็กชายวัยไม่เกิน 12 เอ่ยถามชายวัยกลางคน ร่างกายกำยำล่ำสัน หนวดครึ้มที่เดินนำหน้า

จะถึงแล้ว หนองน้ำที่ข้าหมายตาไว้อยู่ข้างหน้านี่แหละ  ว่าแต่เอ็งล่ะ... หัวแบน เหนื่อยหรือยัง” ชายวัยกลางคนผู้เป็นพ่อตอบ พลางหันมาถามเด็กชายวัยไล่เลี่ยกันอีกคนที่เดินตามกันมา

ยังไม่เหนื่อยครับน้าหลวงจาง กำลังได้เหงื่อพอดีเลย” เด็กชายตอบผู้มีศักดิ์เป็นอาหรือน้าชายของเขา ขณะขยับ “โพง” อุปกรณ์วิดปลารูปกรวยยาวทำจากกาบหมากด้ามไม้ไผ่ในมือเข้าประทับบ่าให้มั่น

เปลี่ยนมาให้ข้าช่วยแบกบ้างก็ได้ โพงน่ะ” ไข่ดำบอกญาติที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา

ไม่เป็นไรดอก เอ็งหิ้วถังน้ำกับข้องใส่ปลาไปเถิด ข้าน่ะสบายอยู่แล้ว โพงก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมาก เพียงแต่มันเกะกะหน่อยเท่านั้นเอง นี่นายรู้มั้ย... นาน ๆ ได้ออกมาหาปลาแบบนี้สักที มันตื่นเต้นสุด ๆ เลย ตั้งแต่จากหมู่บ้านไปอยู่ในตัวจังหวัด หลายปีแล้วนะ ที่ไม่ได้มาเดินลุยป่ารก ๆ ริมคลองแบบนี้” หัวแบนบอกอย่างครึ้มอกครึ้มใจ

ต้องขอบคุณพ่อของเอ็ง ที่ปล่อยให้มาเที่ยวไกลถึงบ้านย่า” ชายวัยกลางคนที่เด็กชายเรียกน้าหลวงจางหัวเราะชอบใจ ขณะทิ้งจอบบนบ่าลงไปบนพื้นดิน แล้วใช้มีดพร้าในมือจ้วงฟันเถาวัลย์ที่มีหนามแหลมตรงทางเดินริมคลอง เพื่อให้เด็ก ๆ เดินกันได้สะดวกขึ้น

เข้าจังหวะโรงเรียนปิดเทอมพอดี แล้งนี้เลยได้โอกาสมาเที่ยวบ้านย่า” หัวแบนบอก “โชคดีซ้ำสองที่น้าหลวงกับไข่ดำพามาวิดปลาในสายคลอง”

เด็กในเมือง นาน ๆ ได้ออกทุ่งสักที มันก็ตื่นเต้นอย่างนี้แหละ” ไข่ดำหยอกพลางหัวเราะ “ผิดกับข้า เบื่อท้องทุ่งท้องนา  อยากไปเรียนในเมืองเหมือนเอ็งใจจะขาด”

น่า... อีกปีเดียว น้าหลวงจางก็คงให้ไปอยู่ด้วยกันกับข้าอยู่แล้ว” หัวแบนหันยิ้มกับผู้เป็นพ่อของไข่ดำพลางว่า “ไม่นานเอ็งก็ต้องคิดถึงทุ่งบ้านย่าเหมือนข้า เชื่อเถอะที่นี่มันสนุกกว่าในเมืองตั้งเยอะ”

 

-2-

เม็ดเหงื่อเกาะพราวอยู่ตามใบหน้าและเสื้อแสงของเด็กชายและหนุ่มใหญ่ดูชุ่มโชก ย่ำเดินโผล่พ้นแนวป่า มาพักใหญ่ จนถึงหนองน้ำในสายคลองตอนหนึ่งที่น้ำกำลังแห้งขอดเกือบถึงก้นคลอง

นั่นไง... หนองน้ำที่ว่า” ชายวัยกลางคนชี้มือไปที่หนองน้ำเบื้องหน้า พลางบอกเด็ก ๆ “ขนาดของหนองไม่กว้าง ไม่ลึกมาก พอที่พวกเอ็งสองคนจะได้ลงไปช่วยกันวิด ไม่ทันเหนื่อยก็คงแห้ง”

ปลาคงจะเยอะนะครับ” หัวแบนถามอย่างตื่นเต้น

ใช่... ปลาในสายคลองบ้านเรามีไม่เคยขาด คิดดูก็แล้วกัน น้ำในสายคลองมันไหลมาจากเนินเขาที่อยู่ไกลออกไปสัก 20 กิโลเห็นจะได้ มันไหลผ่านวัดเป็นเขตอภัยทาน ตรงนั้นแหละเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาอย่างดีเลย” น้าหลวงจางอธิบายอย่างผู้ใหญ่ที่ชำนาญพื้นที่

ทำไมล่ะครับ” หัวแบนสงสัย

อ้าว... ก็ช่วงแล้ง ปลาไปตกคลั่กอยู่ในหนองในสายคลองที่ไหลผ่านวัด ไม่มีใครกล้าไปทำอะไรมัน  ก็มันเป็นเขตวัด ยั้วเยี้ยยุบยั่บไปหมด ไม่รู้ปลาอะไรต่อมิอะไร ข้าเคยไปเห็นกับตา ยิ่งเวลาพระเณรหรือเด็กวัดเอาข้าวเอาอาหารมาให้มัน มันขึ้นมาอยู่เหนือน้ำคอยฮุบอาหาร ปลาเต็มไปหมด โอ๊ย... เคยนึกเล่น ๆ ว่า ถ้ามีใครทอดแหลงไปสักโครม คงได้ปลดปลากันเหนื่อยแน่ ๆ” ชายวัยกลางคนเล่าตาเป็นประกาย

ขนาดนั้นเลยนะครับ” หัวแบนฟังไปนึกภาพไป

ใช่... ทีนี้ พอถึงหน้าฝน ฝนตกหนัก น้ำจะหลากจากเนินเขาผ่านมาตามสายคลอง กวาดปลาเหล่านี้ให้ออกไปเพื่อแพร่พันธุ์ เกิดลูกเกิดหลานเต็มสายคลองและท้องทุ่งนาบ้านเรา อานิสงส์ที่มีแหล่งเพาะพันธุ์ปลาอยู่ในวัดนี่แหละ ทำให้ท้องทุ่งบ้านเราไม่เคยขาดปลา” น้าหลวงจางว่าต่อ

เป็นปลาวัดก็ดีเหมือนกันนะครับ ไม่มีชาวบ้านกล้าจับกิน” ไข่ดำว่าพลางหัวเราะ “ข้าก็เคยไปเห็นนะ สายคลองช่วงที่ไหลผ่านวัดยาวเกือบ 100 เมตร เอ็งลองคิดดูว่า ปลามันจะมากสักขนาดไหน”

ใช่... เขาห้ามจับปลาในเขตวัด เขาว่ามันบาป มันเป็นกฎวัด” น้าหลวงจางบอกอย่างจริงจัง “แต่พอมันว่ายออกนอกเขตวัดก็เสร็จชาวบ้าน ถึงหน้าน้ำทั้งลอยกัด ดักโพงพาง ยกยอ ว่ากันเต็มพิกัด แต่ปลาก็ไม่เคยสูญพันธุ์หรอก ความลึกของสายคลอง รูเรี้ยวตามสองข้างฝั่งคลอง ทำให้มันออกลูกออกหลานเต็มสายคลองไม่เคยขาด อีกอย่างอาหารการกินของปลาในสายคลองก็อุดมสมบูรณ์ด้วย”

จริง ๆ ด้วยพ่อ ถึงเราจะวิดไปจนหนองแห้ง ปลามันก็ยังฝังตัวอยู่ในโคลนได้ ขอแค่อย่าให้หนองแห้งสนิท ฝนไม่ลงเลยเป็นเดือนสองเดือน อาจมีปลาตายไปบ้าง แต่ก็ยังมีหนองในวัดที่น้ำไม่เคยแห้ง ช่วยไม่ให้ปลาสูญพันธุ์ ขอแค่ชาวบ้านอย่าไปยุ่งกับปลาในเขตวัดก็แล้วกัน” ไข่ดำว่าอย่างเห็นด้วยกับผู้เป็นพ่อ

ไม่มีใครกล้าหรอก ชาวบ้านเขาถือ” น้าหลวงจางยืนยันหนักแน่น

ไม่นานนัก ทั้งสี่ชีวิตหอบข้าวหอบของ เดินมาถึงขอบหนอง                                                       

ลงมือกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน” ชายวัยกลางคนร้องบอก

เด็กชายทั้งสองตาเป็นประกายเมื่อเห็นหนองน้ำปรากฏต่อสายตา หนองน้ำที่อุตส่าห์ดั้นด้น ฝ่าดงไผ่มาตั้งแต่บ่าย เป็นหนองที่เกิดจากการแห้งขอดของน้ำในสายคลอง ขนาดของมันไม่ยาวนัก น้ำในหนอง  ก็ดูน่าจะไม่ลึกนัก เพราะอยู่ต่างระดับกับขอบตลิ่งคลองที่สูงท่วมหัวเด็ก ๆ ดูเหมือนฝูงปลาจะคลาคล่ำไปหมด ดำผุดดำว่ายกันจนน้ำกระเพื่อม ปลาดุกบางตัวโผล่ขึ้นมาโชว์หนวดหรา ว่ายระเรี่ยผิวน้ำ เหมือนจะรู้ว่า แล้งคงอยู่ข้างหน้าอีกนาน และไม่นานพวกมันอาจต้องตายกันหมด ถ้าฝนห่าใหญ่ยังไม่มา

เด็กชายทั้งสองรีบวางสัมภาระลง แล้วออกเดินบุกกอหญ้าและป่าไผ่ สำรวจไปรอบ ๆ ขอบหนองอย่างตื่นตาตื่นใจ ขณะชายวัยกลางคนทิ้งจอบลงข้างตัว กวาดสายตาหาทำเลที่เหมาะเจาะ เตรียมจะทำคันดินเพื่อป้องน้ำหรือกั้นน้ำไม่ให้ไหลกลับเมื่อต้องวิดน้ำออกจากหนอง

เดี๋ยวข้าจะขุดดินทำป้องตรงขอบหนองด้านนี้นะ” ชายวัยกลางคนตะโกนบอกเด็ก ๆ ที่เดินไปยังขอบหนองอีกด้าน “เสร็จแล้ว เราจะได้ช่วยกันวิด ไม่นานน้ำคงแห้ง ทันจับปลาก่อนค่ำ”

จับปลา” เป็นคำที่เมื่อหัวแบนได้ยินแล้ว เด็กชายรู้สึกแช่มชื่นเข้าไปในหัวใจขึ้นมาอย่างฉับพลันทันที สำหรับเด็กบ้านนอกคอกนาอย่างเขา มันจะมีอะไรสนุกสนานมากไปกว่า การได้วิ่งไล่ตะครุบปลาในหนองน้ำที่ถูกวิดจนแห้งเล่า ใครไม่เคยใช้สองมือกำรอบคอปลาช่อนตัวโต ๆ ขณะมันพยายามดิ้นเร่า ๆเพื่อให้หลุดรอดไปจากมือ คงไม่รู้ถึงความจริงข้อนี้

เด็ก ๆ ชวนกันเดินสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ หนอง ครู่หนึ่งไข่ดำก็ร้องเอะอะวิ่งมาหาพ่อของเขา

พ่อ ๆ... มีอะไรก็ไม่รู้อยู่ในหนอง เหมือนใครจะมาทำอะไรไว้สักอย่าง

“อะไรเหรอ..” น้าหลวงจางงง หยุดขุดดินที่กำลังทำป้อง

ที่กลางหนองน้ำ มันมีไม้ปักอยู่ตรงปลายไม้ถูกผ่ามีใบไม้ กิ่งไม้สั้น ๆ เหน็บอยู่ เหมือนมีใครตั้งใจจะมาทำไว้ แล้วปักไว้ที่กลางหนอง” ไข่ดำบอกพลางชี้มือชี้ไม้ไปที่เจ้าสิ่งที่เขาเห็น

น้าหลวงจางมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย รีบถาม “ไหน... อยู่ไหน”

โน่นไงพ่อ... กลางหนองนั่น” ไข่ดำชี้มือ

น้าหลวงจางรีบจ้ำพรวด ๆ ไปดูใกล้ ๆ สิ่งที่ปรากฏต่อสายตา ตรงกลางหนองน้ำมีไม้ขนาดลำแขนดุ้นหนึ่งปักอยู่ ตรงปลายไม้ที่อยู่เหนือน้ำ มีกิ่งไม้เล็ก ๆ รวมถึงใบไม้แห้งกำมือหนึ่งเหน็บอยู่

เฮ้ย...นี่ใครมันมา ปักกำไว้ ก็วันก่อนข้ามาดูไว้ทีหนึ่งแล้ว ตั้งใจไว้ว่าจะมาวิดที่ตรงนี้แหละ ตอนนั้นยังไม่เห็นมีใครมา ปักกำ ไว้สักหน่อย  ไม่น่าเลย...” น้าหลวงจางถอนใจยาวด้วยความผิดหวัง

ทำไมหรือครับน้าหลวง” หัวแบนงุนงงไปหมด เด็กชายถามขึ้นด้วยความสงสัย

ก็ถ้ามีใครมา ปักกำไว้ก่อนแบบนี้ เราก็วิดไม่ได้นะซี” ชายวัยกลางคนบอกอย่างสุดแสนเสียดาย

ทำไมล่ะครับพ่อ” ไข่ดำก็งงไม่แพ้กัน จึงถามขึ้นบ้าง

การที่มีคนมา ปักกำไว้ ก็คือเขามาจองไว้แล้วไง เหมือนมาบอกความเป็นเจ้าของว่า ตรงนี้เขาขอนะ ขอไว้วิดเองหรืออาจขอไว้เพื่อไว้เป็นที่ให้วัวควายได้ลงกินน้ำในคลอง ดังนั้น ถ้ามีใครมา ปักกำ ไว้แล้ว เขาก็ได้สิทธิ์นั้น เราจะไปวิดตรงที่เขาจองไว้ไม่ได้หรอก” น้าหลวงจางอธิบาย

ทำไมละครับ... ถ้าเราจะวิดเสียอย่าง เขาอยากวิดทำไมไม่มาเฝ้าเอาไว้ แค่มาปักไม้ไว้เฉย ๆ แบบนี้ มันจะได้หรือครับ” หัวแบนสงสัย เด็กชายรู้สึกผิดหวังและหงุดหงิดเต็มที่

ไม่ได้... เราจะทำแบบนั้นไม่ได้ การ ปักกำเป็นข้อตกลงที่ทุกคนในหย่อมบ้าน รู้ตรงกัน ใครปักกำไว้ก่อน ก็เท่ากับมีสิทธิ์เป็นเจ้าของก่อน ถึงจะเป็นลำคลองสาธารณะก็เถอะ เราจะไปล่วงละเมิดของที่เหมือนมีคนเป็นเจ้าของแล้วไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ” น้าหลวงจางอธิบายอย่างจริงจัง

ถ้าเราจะแอบลงยาเบื่อปลาซะเลยดีมั้ยพ่อ ไม่มีร่องรอยการวิด ไม่มีใครรู้ว่าใครทำ คนที่มาปักกำไว้เขาก็ไม่มีทางรู้หรอก” ไข่ดำว่าอย่างไม่สบอารมณ์

เฮ่ย...จะไปทำแบบนั้นได้ยังไง นั่นมันเท่ากับเห็นแก่ตัวมากเลยรู้ไหม อีกอย่างการลงยาปลา ลงยาเบื่อปลา มันจะทำให้ปลาตายหมดทั้งหนองเลยนะ ที่สำคัญ ใครเขาจะเอาวัวควายลงกินน้ำในหนองก็ไม่ได้ เดือดร้อนกันไปหมด อย่าคิดทำแบบนั้นเป็นอันขาด มันไม่ดี” น้าหลวงจางบอก ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ

น่าเสียดายจริง ๆ เจอหนองแล้วก็อดวิด แล้วจะเอายังไงต่อล่ะครับน้าหลวง” หัวแบนถามอย่างหมดหวัง รู้สึกใจคอแห้งเหี่ยวขึ้นมาในทันที

เก็บของเถอะ” น้าหลวงจางบอกยิ้ม ๆ อย่างปลง ๆ “ ทำไงได้ล่ะ ที่ ๆ หมายตาไว้ เพื่อนก็มาจองไปก่อนแล้ว ของแบบนี้ ใครเร็วใครได้ มันเป็นสมบัติสาธารณะ ไม่ได้เป็นของผู้หนึ่งผู้ใด”

จะกลับเลยเหรอครับพ่อ  โธ่... มันน่าเสียดายจริง ๆ เลย” ไข่ดำบอกเสียงเศร้าอย่างสุดแสนเสียดาย “น่าสงสารหัวแบนมัน  ผิดหวัง หมดหวัง  อดจะได้จับไอ้ช่อนตัวโต ๆ เลยนาย”

เอาแบบนี้ไหมล่ะ...” น้าหลวงจางหันมาทางเด็ก ๆ “ไหน ๆ ก็มากันแล้ว พวกเอ็งอดทนอีกนิด เราลองเดินทวนขึ้นไปทางต้นคลองกันดูสักหน่อยดีมั้ย เผื่อโชคดี อาจจะเจอสักหนองที่น้ำในคลองมันขอด จนพอวิดได้ อาจจะมีก็ได้ พวกเอ็งจะได้ไม่เสียความตั้งใจ”

ดี ๆ... ดีเลยพ่อ” ไข่ดำตบมือด้วยความดีใจ

ถ้างั้น รีบเก็บของ แล้วเราไปข้างหน้ากันต่อ อาจมีโชคได้วิดสักหนอง” ชายวัยกลางคนบอกเด็ก ๆ

ทั้งสามคนเก็บสัมภาระ ทั้งจอบ มีดพร้า โพงวิดปลา ถังน้ำ หอบหิ้วเดินบุกป่ารกไปตามขอบคลอง บางตอนก็ลงเดินในสายคลอง เพราะสายคลองบางช่วงมีป่าสาคูต้นใหญ่ขึ้นขวางอยู่ เดินกันมาอย่างลำบากยากเย็น  จนพักใหญ่ ห่างจากหนองที่ถูก “ปักกำ” ที่ถูกจองไปก่อนแล้วพอประมาณ ทั้งสามคนพบร่องรอยบางหนองได้ถูกวิดไปก่อนแล้ว แต่ก็ยังมีเครื่องหมาย “ปักกำ” ปักอยู่กลางหนอง  เด็กชายทั้งสองเพ่งมองอย่างแปลกใจ แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย

นั่นแสดงว่า เขาจองเขาเอาไว้ วิดนอ น้าหลวงจางรีบบอกอย่างรู้ใจ หมายความว่า มีคนจองเอาไว้  เพื่อวิดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง อาจเป็นคนที่วิดครั้งแรก หรืออาจเป็นใครคนใหม่สักคนมีจองสิทธิ์วิดเอาไว้

ทำแบบนี้ก็ได้นะน้าหลวง” หัวแบนเอ่ยขึ้นอย่างแปลกประหลาดใจ

ได้ซี ปลาในสายคลองเป็นของชาวบ้านทุกคน ใครแสดงสิทธิ์ก่อน ย่อมได้สิทธิ์นั้นไป ไม่มีใครละเมิดสิทธิ์ใคร ทุกคนรับรู้และให้เกียรติกัน ใครละเมิดสิทธิ์คนอื่นเท่ากับเห็นแก่ตัว เป็นคนไร้เกียรติ รู้ไปถึงไหนก็ขายหน้าไปถึงนั่น” น้าหลวงจางบอกพลางหัวเราะ

 

-3-

ทั้งสามคนออกเดินกันมาอีกพักใหญ่หนึ่ง ทันใดไข่ดำก็ร้องขึ้นเอะอะ

พ่อ... ฟังดี ๆ นะข้างหน้าเรา มีเสียงดัง ช้วม ๆ เหมือนมีใครกำลังวิดปลากันอยู่”

ชายวัยกลางคนผู้เป็นน้าและเป็นพ่อของเด็กชายทั้งสองหยุดเดิน เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

จริงด้วย เสียงน้ำ เหมือนมีใครกำลังวิดปลาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล  ไป... เรารีบเดินไปดูกัน”

ทั้งสามคนออกเดินบุกป่าหญ้า ป่าไผ่ไปอีกพักหนึ่ง พลันก็มองเห็นชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำล่ำสัน 3 คน กำลังขะมักเขม้นยกโพงวิดปลาตวัดน้ำในหนอง ให้พ้นป้องหรือคันดิน เพื่อให้น้ำออกไปอีกด้านหนึ่ง

หนองน้ำช่วงตอนนี้ของสายคลองดูลึกและยาวพอสมควร แปลกที่ทั้งสามคนรีบลงมือวิดกัน ทั้งที่ระดับน้ำในหนองยังไม่แห้งขอดลงไปสักเท่าใด น่าจะปล่อยให้น้ำในหนองแห้งขอดไปมากกว่านี้ จึงค่อยวิด

อ้าว...เฮ้ย บาวแคล้วกำลังวิดกันเพลินเลยนะพวกเอ็ง” เสียงน้าหลวงจางที่ร้องทักขึ้นจากบนขอบคลอง ทำให้ชายทั้งสามในหนองที่มีผ้าโพกหัว ไม่สวมเสื้อ แต่ละคนสะดุ้งไปตาม ๆ กัน ก่อนเงยหน้าขึ้นมอง

อ้าว... นึกว่าใครที่ไหน ตกใจหมด หลวงจางนั่นเอง แล้วนี่ไปยังไงมายังไงกันล่ะนี่ แล้วมีเด็ก ๆ มาด้วย” หนึ่งในสามที่ชื่อแคล้ว เหมือนมีทีท่าตกใจมากกว่าเพื่อน รีบวางมือจากโพงวิดปลาตะโกนตอบ

ก็พาพวกเด็ก ๆ มาหาที่วิดปลาน่ะซี แต่หนองที่หมายตาไว้ ดันมีคนเขา ปักกำไปก่อนแล้ว เลยชวดไปเลย ไม่รู้ใครมาปักกำไว้ ช่างรวดเร็วจริง ๆ” น้าหลวงจางบอกเสียงดังฟังชัด

พวกผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้ลงไปดูทางด้านใต้เลย ผ่านมาทางนี้ เห็นหนองนี้มันดูเหมาะดี ถึงน้ำจะยังมีมากสักหน่อย แต่ฝูงปลาว่ายกันพล่าน เลยชวนน้องสิน น้องเสริมมาช่วยกันวิด กะว่าพอจะหาปลาไปแกงสักมื้อ” หนุ่มแคล้วตอบไม่เต็มเสียง ก้มหน้าเหมือนไม่กล้าสบตาน้าหลวงจาง

น้าเณรเลยยังไม่ได้วิดเลยสักหนองล่ะซี” อีกหนึ่งหนุ่มเงยหน้าจากการวิดน้ำ ถามขึ้น

งั้นแหละเสริม...” น้าหลวงจางตอบ “สงสารเด็ก ๆ มันอยากวิดหนองมันอยากลงจับปลากัน”

เอางี้ซี... ลงมาช่วยกันที่หนองนี้แหละ หนองออกจะลึก น้ำยังมากอยู่ สี่แรงช่วยกันวิดน้ำจะได้แห้งเร็ว ๆ ลองดูหน่อยมั้ยน้าหลวง” หนุ่มแคล้วเอ่ยปากชวน

เอางั้นเหรอ...” น้าหลวงจางออกอาการลังเล เหมือนสองจิตสองใจ คงเพราะความเกรงอกเกรงใจสามหนุ่มที่ลงมือลงแรงวิดกันไปบ้างแล้ว

ลงมาเถอะน้าหลวง ไม่ต้องคิดอะไรมาก เราคนกันเองทั้งนั้น ช่วยกันวิด น้าหลวงก็มีโพง มีถังมาด้วยแล้ว” อีกหนึ่งหนุ่มที่ชื่อสินออกปากชวน “ไม่ทันค่ำ น้ำคงแห้ง”

ใช่... หนองออกยาว น้ำก็ลึก ช่วยกันหลายแรง จะได้จับปลาเร็ว ๆ... เด็ก ๆ ด้วย ลงมาเลย ลงมาสนุกกัน” หนุ่มที่ชื่อเสริมคะยั้นคะคอ

ถ้างั้นก็ตกลง ลองดูกันสักตั้ง จะได้ไม่ขัดใจเด็ก ๆ มัน” น้าหลวงจางตัดสินใจ พลางกระโจนลงไปในหนอง แล้วจัดแจงฟันไม้ยาวเรียวขนาดไม่ใหญ่นักตรงริมคลองมาดุ้นหนึ่ง ปักไม้ขึ้นที่ปลายหนอง แล้วเอาเชือกผูกคันโพงเข้ากับปลายไม้ ขณะที่เด็กชายทั้งสองต่างไม่รอช้า คนหนึ่งขุดดิน อีกคนช่วยขนดิน ทำป้องคันดินกั้นน้ำเวลาวิดน้ำออกจากหนอง ไม่ให้ไหลกลับลงหนองที่ต่ำกว่า

ไม่ช้าไม่นานนัก การวิดน้ำจากหนองใหญ่ให้พ้นคันดินไปอีกด้าน ก็เริ่มขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ได้ยินเสียงน้ำที่ถูกวิดดัง “ช้วม ๆ... ช้วม ๆ” ดังแข่งกันกันอยู่เป็นระยะ ๆ ผ่านไปไม่นาน น้ำในหนองก็เริ่มลดลงเป็นลำดับ มองเห็นฝูงปลาว่ายน้ำวนเวียนไปมาอยู่คลาคล่ำไปหมด โดยเฉพาะพวกแม่ปลาแก้มช้ำที่ชอบล่องอยู่เหนือผิวน้ำ เหมือนมันจะรู้ว่า ไม่ช้าไม่นานน้ำในหนองแห่งนี้ก็จะแห้ง ไม่เหมือนพวกปลาดุกตัวโต ๆ ที่จะรีบหาที่ฝังตัวใต้โคลน ใต้ใบไม้เปื่อยก้นคลอง หรือหารูเรี้ยวตามขอบคลองเป็นที่หลบภัย

หัวแบนและไข่ดำตื่นเต้นเป็นที่สุด เมื่อมองเห็นน้ำที่แห้งลงอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนี้ เริ่มมีปลากระดี่ ปลาหมอ และปลาช่อนกระโดดขึ้นมาพ้นโคลน เมื่อน้ำเริ่มแห้งจนถึงตาตุ่ม และสุดท้ายเมื่อหนองแห้งจนบางช่วงตอนมีน้ำโคลนเรี่ย ๆ อยู่แค่หลังเท้า ต่างคนต่างก็รีบลงมือจับปลาตัวที่ไหลตามน้ำมาใกล้มือทันที หัวแบนนั้นจับตัวเล็ก ๆ ใส่ถังน้ำ ในขณะที่ไข่ดำจับตัวโต ๆ ใส่ข้องเอาไว้  เพื่อมันจะได้ไม่กระโดดหนีไป

จะมี แม่วัง ตัวใหญ่ ๆ สักตัวมั้ยพ่อ” ไข่ดำถามขณะมือคลำไปตามโคลนก้นคลอง กวาดใบไม้เป็นทาง เมื่อพบปลาก็รีบจับโดยเร็ว ทั้งปลาหมอ ปลากระดี่ ปลาดุก ปลาแก้มช้ำ

เดี๋ยวก็รู้ เราต้องช่วยกันยกกิ่งไม้ใหญ่ ๆ ก้นคลองออกไปเสียก่อน” น้าหลวงจางบอกยิ้ม ๆ

แล้วสี่แรงแข็งขันก็ช่วยกันรื้อกิ่งไม้ที่จมโคลนอยู่มากมายที่ก้นคลอง ออกไปให้พ้นหนอง

ทันใดนั้น มีเสียงดัง “ตูม” เมื่อมีปลาช่อนตัวใหญ่กระโดดจากขอบคลอง ลงไปกลางหนองที่มีน้ำอยู่เล็กน้อยพอจมหลังเท้า ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน

นั่นไง... แม่วังกระโจนออกมาแล้ว” ไข่ดำร้องอย่างตื่นเต้น พลางหันมาบอกเพื่อน “หัวแบน... นายจัดการเลย อย่าให้พลาดเป็นอันขาด”

หัวแบนไม่รอช้า เขาย่างสามขุมเข้าไปตรงตำแหน่ง ที่เห็นแม่ปลาช่อนตัวใหญ่มันมุดหายลงไปในโคลนทันที เด็กชายย่อตัวลง แล้วตะครุบลงบนตัวแม่ปลาช่อนตัวนั้น

ได้ตัวแล้ว...” เด็กชายว่าอย่างสุดแสนดีใจ หลังจากคลำ ๆ อยู่พักหนึ่ง ขณะปลาช่อนใหญ่ในมือสะบัดหางจนโคลนกระเซ็นไปทั่ว

เอาใส่ข้องเลยซิ... สบายใจแล้วล่ะทีนี้ ได้จับแม่วังสมใจแล้ว เยี่ยมมากเลยนาย” ไข่ดำชมพลางหัวเราะร่วน เมื่อเห็นโคลนที่เปื้อนตามใบหน้าและเนื้อตัวหัวแบนจนมอมแมมไปหมด

เวลาผ่านไป ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรี่ยยอดไผ่ การจับปลาเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ได้ปลามากมายหลายชนิดมาเกือบเต็มปี๊บ หนุ่มแคล้วจัดการเทปลาทั้งหมดลงบนพื้นทรายสะอาดริมคลอง ขณะน้าหลวงจางเทปลาจากข้องและในถังน้ำทั้งหมดลงไปกองรวมกัน หนุ่มแคล้วลงมือแบ่งปลาหลากหลายชนิดกองรวม ๆ ออกเป็น 4 กอง แต่ละกองจำนวนไม่น้อยเลย  คุ้มค่ากับที่แต่ละคนอุตส่าห์ลงมือลงแรง

น้าหลวงเลือกเอาเลยสักกอง” หนุ่มแคล้วบอก แล้วหันมายิ้มกับเด็ก ๆ

กองไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละบาวแคล้ว ไม่มีปัญหาอะไรหรอก พวกเอ็งเลือกกันก่อนเถอะ ข้าเอากองที่เหลือก็แล้วกัน” น้าหลวงจางรีบบอกด้วยความเกรงใจ

แต่ละคนยิ้มให้กันแล้วหยิบปลากันไปคนละกอง ใส่ในถังและข้องที่ต่างคนต่างเตรียมมา

ต้องขอบใจพวกเอ็งทุกคนมากเลยนะ โชคดีจริง ๆ ที่ได้มาเจอกัน มื้อค่ำวันนี้จะได้แกงปลาคลองกันให้อร่อยสักมื้อ” น้าหลวงจางจับมือจับไม้ทั้งสามหนุ่ม

หนุ่มแคล้วมีสีหน้าเหมือนจะมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ เอ่ยขึ้นกับน้าหลวงจางด้วยเสียงสั่นเครือ

ข้าขอน้าเณรสักอย่าง อย่าไปบอกใครล่ะว่า พวกข้าแอบมาวิดปลาที่หนองนี้ ที่จริงพวกข้าไม่ได้มา ปักกำจองสิทธิ์ไว้ก่อนดอกนะ มีคนเขา ปักกำไว้ก่อนแล้ว พวกข้าก็เกรงใจคนที่เขาจองไว้จัง ถ้าเขารู้ว่า ถูกพวกเราแหกกฎบ้าน แอบมาวิด เหมือนแอบมาขโมยปลาเขา นี่ใครรู้เข้า พวกเราคงไม่กล้ามองหน้าใคร ๆ ในหมู่บ้านแน่”

น้าหลวงจางมองหน้าสามหนุ่มอย่างเข้าใจ ตอบชัดถ้อยชัดคำว่า

อ้อ... ข้าเข้าใจ เรื่องนั้นพวกเอ็งสบายใจได้ เอาเป็นว่า ของแค่นี้ขอกันกินก็ยังได้...”

แล้วน้าหลวงจางก็หันมาทางไข่ดำ “ไข่ดำ...เอาปลาใส่ข้องเลยลูก เราจะได้กลับบ้านกัน”

เด็ก ๆ เก็บสัมภาระ แล้วบอกลาสามหนุ่มใหญ่ใจดีที่ให้โอกาสได้ลงวิดปลาและจับปลาสมตามความตั้งใจ แล้วชวนกันออกเดินไปตามสายคลอง จุดหมายปลายทางคือกระท่อมของย่าที่เห็นอยู่ไกลลิบ ๆ

           

-4-

หนองน้ำที่เราเพิ่งวิดไปนี้ มีคน ปักกำ ไว้ก่อนแล้วเหรอน้าหลวง” หัวแบนเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

ใช่...” ชายวัยกลางคนพยักหน้า แอบยิ้มกับตัวเอง ไม่อยากบอกเด็ก ๆ ว่า ตัวเขาเองนี่แหละ ที่มา ปักกำยืนยันสิทธิ์ที่ตรงนั้นไว้เมื่อหลายวันก่อน ตั้งแต่น้ำยังเต็มหนองอยู่เลย        

 

......................................................

 

 

 

Link ที่เกี่ยวข้อง

  

                “บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”

 

                วรรณกรรมออนไลน์