เรื่องสั้น : ใครสน : ฉมังฉาย

เรื่องสั้น : ใครสน : ฉมังฉาย

 

          ข่าวกรอบเล็กของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

          “ขยะเต็มท้อง... เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.)ที่ 13 ผ่าพิสูจน์ซากกวางป่าเพศผู้ น้ำหนัก 200 กก. อายุมากกว่า 10 ปีที่ตายใกล้อุทยานขุนสถาน จ.น่าน พบขยะหนัก 7 กก.(ภาพเล็ก) ประกอบด้วยถุงพลาสติกจำนวนมากรวมทั้งผ้าเช็ดมือ กางเกงในผู้ชาย”

 

          1

          มองเข้าไปภายในร้านสเวนเซ่นผู้คนหนาตามาก เหมือนกับว่าคนทั้งโลกแห่มารวมอยู่ที่นี่ที่เดียว เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้ยาวหน้าร้าน ซึ่งใช้สำหรับการพักรอ บิดข้อมือ ดูเวลา นัดหญิงสาวสิบเอ็ดโมง เกินเวลานัดไปสิบนาทีแล้วเธอยังไม่โผล่ร่างมาเลย ชายหนุ่มนั่งต่อไปอย่างอดทน ไม่ยอมกดมือถือหาเธอ เชื่อลึก ๆ ว่าอีกไม่นานหญิงสาวก็จะมาถึง ขณะที่เขาเข้าเฟซบุ๊กฆ่าเวลาอยู่นั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า “จ๊ะเอ๋ พ่อหนุ่มคนนี้มารอใครเอ่ย” ฟังเสียงก็จำได้ว่าเป็นแฟนสาว เขาเงยหน้ายิ้ม “มานานยัง” เธอถาม

          “ยี่สิบนาทีแล้ว ทำไมสายล่ะ” เขาถาม หญิงสาวยิ้มแหย ๆ “รถติดอ่ะ” ชายหนุ่มเข้าใจ เขามารถเก๋งส่วนตัว ไม่เดือดร้อนเท่าใด ทั้งสองพากันเข้าไปร้าน คนไม่แน่นขนัดเช่นเคย มื้อเที่ยงนี้ชายหนุ่มอยากเอาใจแฟนสาว จึงมากินมังสวิรัติด้วย และหลังกินเสร็จก็จะพากันไปชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง หญิงสาวตักอาหารพอแต่รับประทานในแต่ละครั้ง เมื่อหมดจานและยังไม่อิ่มก็จะลุกไปตักใหม่ ซึ่งแตกต่างจากแฟนหนุ่ม เขาตักคราวละมาก ๆ สุดท้ายเขาก็ทิ้งอาหารที่กินไม่หมดคาจานอยู่อย่างนั้น “กินผลาญทรัพยากรโลกนะเนี่ย” เธอชี้อาหารในจานเขา คำพูดนี้ค่อนข้างแรง แต่เนื่องจากเป็นคู่รักกันมาหลายปี จึงฟังดูเป็นธรรมดาไปแล้ว

          “ใครจะไปเก่งเทียบ รินล่ะ” เขาย้อน 

          “ณัฐรู้ไหม วันหนึ่งคนเราสร้างขยะคนละเท่าไหร่” น้ำรินปุจฉา ณัฐพลมองหน้าหญิงสาว เอ่ยเบา ๆ “ใครสนล่ะริน”

          “เพราะไม่สนกันไงเล่า ขยะเลยท่วมโลก รู้เอาไว้นะ คนเราสร้างขยะต่อคนต่อวัน หนึ่งกิโลครึ่ง คิดสิคนไทยมีเกือบเจ็ดสิบล้านคน ขยะมากเท่าไหร่ แล้วโลกนี้มีประชากรเท่าไหร่ล่ะ ขยะแต่ละวันที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์มหาศาลมากเกินจินตนาการ และอย่างที่รู้กันการกำจัดขยะมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ดังนั้นวันหนึ่ง ๆ ขยะตกค้างไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ตัน”

          ชายหนุ่มมีนิสัยดื้อรั้น ไม่สนบัญญัติไตรยางศ์นั่น ในชีวิตจริง ๆ บางทีตรรกะแบบนี้ใช้ไม่ได้ เพราะคนเราแต่ละคนก็ไม่ได้สร้างขยะเท่าสถิตินั้น มันเป็นหลักวิชาการที่แห้งแล้ง ไม่สอดคล้องกับความจริงสักเท่าใดนัก ซึ่งเหมือนกับเรื่องอื่นอีกหลายเรื่อง แน่นอนว่าน้ำรินตระหนักดีว่า ณัฐพลไม่เคยเชื่อในเรื่องแบบนี้  แต่ที่หมั่นยกมาพูดมาเปรย เนื่องจากปรารถนาเตือนสติเขา หวังว่าวันหนึ่งเขาอาจเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมได้บ้าง

 

 

          2

          วันหยุดนี้ณัฐพลไม่นัดใครเลย นอนเอกเขนกภายในคอนโดมิเนียม บ้านเย็นฉ่ำเพราะเครื่องปรับอากาศ มองออกไปข้างนอกอากาศมัว ๆ เต็มไปด้วยฝุ่นควันและร้อนอ้าว เขาชมหนังจากยูทูบจบไปแล้วสองเรื่อง นาฬิกาแขวนผนังบอกเวลา สามโมงเย็นพอดี ชายหนุ่มดีดตัวขึ้นจากโซฟาอย่างเกียจคร้าน ขบเมื่อย ยืดกายขยับแขนขาเรียกความสดชื่น ชุดที่สวมใส่เป็นกางเกงกีฬาขาสั้น เสื้อฟุตบอลทีมดังพรีเมียร์ลีก เดินไปส่วนครัว ชงกาแฟ แล้วถือถ้วยกาแฟกลับมานั่งที่โซฟาอย่างเก่า ณัฐพลทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เร่งสร้างฐานะ มีบ้านมีรถเร็วกว่าหลายคนที่ออฟฟิศ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตก็มีพรั่งพร้อม อายุสามสิบสอง คบหากับน้ำริน ซึ่งอ่อนกว่าสองปีมาเป็นเวลาสามปีแล้ว หากเข้ากันได้ดีกว่านี้ คิดว่าไม่เกินสองปี จะขอเธอแต่งงาน ชายหนุ่มปิดสมาร์ททีวีสามสิบสองนิ้ว มาสนใจหน้าจอเล็กแทน เขาเข้าเฟซบุ๊ก ถ่ายแก้วกาแฟ แล้วโพสต์ลงไปว่า “บ่ายแก่ ๆ กับกาแฟแก่ ๆ แต่คนกินไม่แก่นะ” ในเฟซบุ๊กของเขามีแต่เรื่องเบา ๆ เช่นกินอาหารที่ไหน กิจกรรมสันทนาการมีอะไร เรื่องหนัก ๆ เช่นการเมือง ศาสนา โพสต์น้อยมาก กาแฟยังไม่หมดถ้วย ชายหนุ่มเผลอหลับไปนาน โดยทิ้งมือถือไว้ข้างกาย รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ห้าโมงเย็น กาแฟเย็นชืดค้างแก้ว เขาเททิ้งในอ้างล้างจานอย่างไม่ใยดี ค้นในตู้เย็นว่ามีอะไรจะเป็นมื้อเย็นได้บ้าง ไม่พบอะไรที่จะพอใส่ท้องได้เลย ชายหนุ่มลงไปข้างล่าง ใกล้กับคอนโดมิเนียม เพียงเดินไปไม่ถึงร้อยสิบเมตรก็มีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่หนึ่งร้าน เขาไม่เลือกการเดินเท้า เหนื่อยและร้อนไม่เข้าเรื่อง สตาร์ทรถยนต์ เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ขับไปยังร้านสะดวกซื้อแห่งนั้น ไม่ถึงยี่สิบนาทีหิ้วผัดกะเพราหมูมาสองกล่องกับไส้กรอกรมควันสามอันกลับขึ้นบ้านไป แน่นอนไม่ลืมถ่ายรูปมันก่อนรับประทาน แล้วก็โพสต์ลงเฟซบุ๊ก “มื้อเย็นของชายโสด แต่ไม่เปลี่ยว(เหงา) กินด้วยกันครับ” เรื่องอาหารการกินนั้น ทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ณัฐพลกินเนื้อสัตว์ตามปกติ น้ำรินเป็นมังสวิรัติเกือบห้าปีแล้ว เคยชวนเขาหลายครั้งให้หันมานิยมอาหารประเภทนี้ โดยพยายามชี้ให้เขาเห็นว่าเนื้อสัตว์ ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว มีการปนเปื้อนสารเคมีมากขนาดไหน และทำให้คนกินป่วยมากแค่ไหน โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ความดัน และมะเร็ง ส่วนในทางธรรมการกินเนื้อสัตว์นั้นคนต้องรับวิบากกรรมชั่วอย่างไร ดังนั้นอาหารมังสวิรัติจึงเป็นอาหารที่ปลอดภัยที่สุดทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ   “ใครจะไปสนเรื่องพรรค์นั้นล่ะ” เขาแย้ง

 

 

          3

          “อะไรครับ” ณัฐพลร้องลั่น ปากหวอค้างนาน เมื่อได้ยินคำพูดของพนักงานร้านสะดวกซื้อ เธอกล่าวย้ำอีกทีว่า ตอนนี้ทางร้านงดให้ถุงหูหิ้วแก่ลูกค้าแล้ว ดังนั้นหากเขาไม่นำถุงผ้ามา ก็ต้องหอบสินค้าเหล่านี้กลับบ้านเอง อันที่จริงชายหนุ่มก็พอจะทราบข่าวมาบ้างเหมือนกันว่า ร้านสะดวกซื้อประกาศงดการใช้ถุงพลาสติก แต่ตอนนั้นไม่ใคร่จะใส่ใจใยดีอะไร คิดว่าเป็นแค่ผักชีโรยหน้า ประกาศไปอย่างนั้นเองแหละ พอเอาเข้าจริง ขี้คร้านจะแจกถุงพลาสติกให้แก่ผู้มาซื้อของดังเดิม แต่เมื่อพนักงานขายยืนกรานเช่นนั้น จึงไม่สบอารมณ์ “ของมากขนาดนี้จะให้ผมหอบหิ้วกลับไปได้ยังไง บ้าแล้ว ๆ” เขาตะคอกใส่พนักงานขาย เธอหงอ แต่ก็พยายามอธิบายว่า นี่เป็นนโยบายของร้าน ดังนั้นจึงไม่มีถุงหิ้วไว้บริการแล้ว ชายหนุ่มมองหยามเหยียด ในใจอยากเอาชนะเธอ จึงตัดสินใจคืนของทั้งหมดไป เดินออกจากร้านด้วยความสะใจ และไปซื้อของพวกนั้นที่ร้านขายของชำปากซอยคอนโดมิเนียมแทน

          มีคนต่อต้านการงดใช้ถุงหูหิ้วกันในโซเซียลมีเดียอย่างหนัก การต่อต้านเป็นไปด้วยอารมณ์ถากถาง เช่นมีการโพสต์รูปน้ำแข็งก้อนร้อยด้วยเชือกฟาง ภาพมะเขือยาวหนึ่งลูกกับมะเขือเจ้าพระยาสองลูกมัดติดกัน มองคล้ายรูปอวัยวะเพศชาย ณัฐพลกระโดดงับสิ่งเหล่านั้น โดยแชร์ภาพดังกล่าว และไม่ลืมบรรยายเสริมด้วยคำพูดแสบ ๆ คัน ๆ ไปด้วย ระยะนี้เขาสนุกสนานเพลิดเพลินมากกับเรื่องล้อเลียนการงดใช้ถุงพลาสติก มีหลายคนเอาตะกร้าไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าบางแห่ง เขาก็เอาภาพนั้นมาแชร์ และเขียนข้อความในเชิงเย้ยหยันลงไป ในขณะเดียวกันเขานึกขบขันยิ้มยวนยี อยากเอากระสอบป่านไปซื้อของบ้าง ซึ่งมันคงได้ฮากระจายแน่ในเฟซบุ๊ก ถึงคิดทำอะไรทะลึ่ง ๆ ก็ตาม แต่ก็ไม่รู้จะไปหาซื้อกระสอบป่านได้ที่ไหน ดังนั้นจึงได้แต่เป็นนักรบคีย์บอร์ดไปวัน ๆ โดยการแชร์ภาพของคนอื่น วันหนึ่งเขาเข้าร้านสะดวกซื้อ ไม่ได้ซื้ออะไรมากมายนักหรอก แค่กินกาแฟหนึ่งถ้วย ตอนจะจ่ายเงิน เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งหิ้วถังน้ำ ภายในมีข้าวของเต็มไปหมด ยืนรอการคิดเงิน “อย่างนี้ก็มีด้วย” เขาพูดกับเธอเบา ๆ หญิงสาวหัวเราะร่วน หน้าชื่น ๆ และวินาทีนั้นเขานึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง “พี่ ๆ ขอผมหิ้วหน่อยได้ไหม” เขากระซิบกระซาบ หญิงสาวงงนิดหนึ่ง ไม่รู้ทันความสนุกของเขา แต่ก็สนองตอบเขาอย่างดี ณัฐพลหิ้วถังน้ำในลักษณะยกสูง ทำการเซลฟี่ไปสองสามภาพ กระหยิ่มยิ้มย่องที่สุด นึกในใจว่า สมใจกูแล้วคราวนี้ เมื่อกลับมาถึงคอนโดมิเนียม เขาโพสต์ภาพตนเองถือถังน้ำ ซึ่งภายในมีสินค้ามากมายลงในเฟซบุ๊ก บรรยายภาพว่า “ใครสน ถุงพลาสติก” ปรากฏว่ามีคนมีกดไลค์ กดว้าว กดหัวเราะ กดรูปหัวใจ และแสดงความคิดเห็นมากพอสมควร ไม่มีใครกดเศร้า กดโกรธ หรือเขียนด่าแม้แต่คนเดียว เมื่อเป็นอย่างนั้นเขายิ่งฮึกเหิมและสะใจที่สุดที่ได้ตอบโต้ไปทำนองนั้น ต่อมาน้ำรินโทรมาหาเขา ฉงนใจว่าเขาใช้ถังน้ำใส่ของจริงหรือไม่ “เปล่า ๆ” เขาไม่โกหกแฟนสาว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องมดเท็จเธอ “แต่โพสต์น่าเกลียดจัง มันเหมือนกับพวกไม่ค่อยมีความรู้ทำเลยนะ” เธอวิพากษ์วิจารณ์ตรง ๆ ถามว่ารักเขาไหม ตอบว่ารัก ถามว่าจะสามารถแต่งงานกับชายคนนี้ได้ไหม ตอบว่าตอนนี้ไม่มั่นใจ หลาย ๆ อย่าง เขาไม่ตรงกับเธอ ซึ่งชายหนุ่มเองก็รู้ดีในข้อนี้  หลังๆ มานี่เธอพยายามโอนอ่อนผ่อนปรนให้แก่เขาหลายเรื่อง แต่ดูเหมือนว่าการกระทำของเธอไม่ค่อยสัมฤทธิ์ผลสักเท่าไรนัก ชายหนุ่มยังคงเอาแต่ใจตนเอง ยึดตัวเองเป็นใหญ่ คิดขวางประเทศ คิดขวางโลก คิดต่อต้านสังคมอย่างร้ายกาจไม่เลิกรา “เรื่องขยะล้นโลก ฉันไม่สนใจหรอกนะ” เขาบอก เขาเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ยึดถือแต่ความสะดวกสบายตนเป็นหลัก หากสิ่งใดกระทบกระเทือนต่อความเป็นอยู่อันบรมสุขเขาแล้วละก็ เขาจะลุกขึ้นมาสู้รบปรบมือหรือฝืนต้านอย่างไม่ลังเลสงสัย หญิงสาวส่ายหน้า นึกเอือมระอาพอสมควร แต่พอคิดถึงข้อเท็จจริงบางประการ คือแฟนหนุ่มไม่แตกต่างจากเพื่อนร่วมงานบางคนที่ธนาคาร  พวกสุขนิยม พวกไม่สนใจสิ่งแวดล้อม เธอจึงลดความชิงชังในพฤติกรรมของณัฐพลได้บ้าง

          “นี่โทรมาเพื่อจะหาเรื่องเราเหรอริน” เขาถาม เธอรู้สึกหน้าชา แต่ไม่ต้องการให้เขาเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงรีบปฏิเสธไป “เปล่าซะหน่อย หรือว่าเห็นรินเป็นคนอย่างนั้น” เขารู้ว่าพลาดพลั้ง ไม่น่าหาเรื่องแฟนสาวแบบนั้นเลย จึงละล่ำละลักคำขอโทษออกไป หญิงสาวพยายามไม่ติดใจเอาความ พยายามให้อภัยเขาในนิสัยพาลเกเรของเขา  “เออ... ว่าจะถามรินหน่อย” เขาปรับเสียงให้ปกติ ดึงเธอเข้ามาสู่บรรยากาศดี ๆ

          “เรื่อง ?”

          “ไปเที่ยวเขาใหญ่กันไหม” เขาทำเสียงหวาน

          “สองคนเนี่ยน่ะ” เลิกคิ้วถาม ไม่ได้คิดรังเกียจอะไรหากต้องไปสองต่อสอง ซึ่งพวกเขาก็เคยไปกันหลายหนแล้ว “เปล่า เผอิญว่ามีทริปกับเพื่อนที่ออฟฟิศน่ะ เราอยากให้รินไปด้วยหนนี้ อากาศกำลังดี อีกอย่าง เราไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันนานแล้ว  ไปนะ ๆ ไปนะริน” เขาออดอ้อน

 

 

          4

          บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อากาศเย็นสบาย พวกเขาดีใจที่ได้เจอสภาพอากาศเช่นนี้ อยู่เมืองหลวงมีแต่ความร้อนและฝุ่นควัน ตึกรามบ้านช่องก็แน่นขนัด ที่นี่กวาดสายตาไปทางใดก็พบแต่สีเขียวกับสีเขียวของต้นไม้ ผ่อนคลายสายตาและความรู้สึกได้มากโข ทั้งสี่คนกางเต็นท์บนลานกว้าง เพื่อนของณัฐพล  ซึ่งเป็นผู้ชายนอนเต็นท์หลังเดียวกัน หญิงสาวอีกหลัง และณัฐพลก็อีกหลัง เพราะตอนแรกชวนแฟนสาวนอนด้วย แต่น้ำรินไม่สะดวกใจ ตอนติดต่อกับเจ้าหน้าที่อุทยานนั้น เขาแจ้งกับณัฐพลกับคณะว่า “ขยะที่เกิดจากนักท่องเที่ยวมีประมาณสี่ร้อยกรัมต่อคนต่อครั้ง ปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่ราวหนึ่งล้านห้าแสนคน เฉลี่ยแล้ววันละหนึ่งถึงสองหมื่นคน ฉะนั้นคิดดูสิว่า ปริมาณขยะจะมหาศาลขนาดไหน ปัญหาของเขาใหญ่เรา คือเป็นพื้นที่ที่ยากต่อการกำจัดขยะ เนื่องจากมีพื้นที่จำกัดจำเขี่ย คือการที่เจ้าบ้าน คือสัตว์ป่ามีอยู่อย่างชุกชุม ฉะนั้นการเก็บขยะบนเขาใหญ่ จึงไม่สามารถทำได้ตลอดเวลา วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดของที่นี่คือ โครงการขยะคืนถิ่น คือให้ผู้นำขยะเข้ามา ต้องเป็นผู้ขจัดขยะเอง ซึ่งก็คือให้ลดใช้ถุงพลาสติก และนำขยะที่เกิดขึ้นที่นี่กลับลงไปจากเขาใหญ่ด้วย” ณัฐพลฟังแบบผ่าน ๆ เหลือบตามองขื่อคานบ้าง มองอื่นบ้าง คำพูดของเจ้าหน้าที่อุทยานทำให้เขานึกถึงคำพูดของแฟนสาว บัญญัติไตรยางศ์อีกแล้ว ข้อมูลทางวิชาการอีกแล้ว เจ้าหน้าที่อุทยานกำชับในตอนท้ายว่า “การวางถุงดำรอไว้หน้าเต็นท์ ตกกลางคืนสัตว์ป่า กวางหรือเม่นจะมาคุ้ยกิน อันนี้เป็นปัญหามาก ทางเราไม่อยากบังคับให้เอาถุงขยะไว้ในเต็นท์ แต่ถ้าทำได้ก็ทำนะ ครับ หรือไม่ก็ขอให้นำถุงขยะไปเก็บไว้ในรถยนต์เสีย อย่าพยายามวางไว้หน้าเต็นท์เลย ถึงแม้มัดปากถุงดีแล้วก็ตามเถอะ”

          ณัฐพลรู้สึกโล่งคอ หายใจได้สะดวกปอดเมื่อเจ้าหน้าที่จบการชี้แจง แฟนสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างรู้นิสัย แกล้งกระซิบกระเซ้าว่า “ทำหน้ายังกะกินยาขมเลยนะ” ชายหนุ่มเบะปากเป็นคำตอบ ตกกลางคืนพวกเขานั่งเฮฮาปราศรัยกันหน้าเต็นท์ อากาศหนาว ลมพัดโชยตลอดเวลา ณัฐพลมีความสุขกว่าเพื่อน เนื่องจากมีแฟนสาวมาด้วย เขาคิดว่า หลังจากกลับไปจากนี้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอจะกระชับแน่นเฟ้นมากขึ้น สำหรับโครงการจะแต่งงานกัน ปรารถนาจะไม่ให้เกินอีกปี แต่ทว่าเรื่องนี้เขาเคยพูดกับหญิงสาว เธอว่าไม่ต้องการรีบร้อน ให้ดูใจจนเป็นที่แน่ชัดก่อนอีกสักระยะหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงได้แต่หวังว่า การมาเที่ยวหนนี้จะทำให้หญิงสาวลดผ่อนเงื่อนไขเรื่องเวลาลงไปได้

          ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาวเหน็บ จนกระทั่งถึงเวลาต้องแยกย้ายเข้านอนกัน  ก่อนมุดเข้าเต็นท์ตนเอง น้ำรินทักท้วงขึ้น “ขยะถุงนั้นเอาเก็บไว้ในรถดีกว่านะ”

          “โอ้ย ไม่ต้องหรอก เอาไว้หน้าเต็นท์นี้แหละ” ณัฐพลค้านเสียงแข็ง  น้ำรินเบือนหน้าไปสบตาเพื่อนของเขาแวบหนึ่ง

          “เอ่อ... พวกกวาง พวกเม่น...” เพื่อนคนหนึ่งเอื้อนเอ่ยไม่ทันจบ ณัฐพลขัดเสียงดัง “ไม่เป็นไร  เรามัดปากถุงแน่นแล้วนี่  คิดมากน่ะ ไป ๆ นอน”

          ในขณะที่มองแฟนหนุ่มกำลังมุดเข้าเต็นท์นอน ห้วงคิดของน้ำรินก็นึกถึงวิธีการกำจัดขยะตามที่เจ้าหน้าที่อุทยานแนะนำ และชั่ววินาทีนั้นเอง มีภาพซ้อนเข้ามาอีกภาพ คือณัฐพลกลายร่างเป็นถุงขยะใบโตและกำลังกลิ้งหลุน ๆ เข้าไปในเต็นท์

 

 

          5

          รุ่งขึ้นชายหนุ่มขับรถลงจากเขาใหญ่ โดยมีน้ำรินนั่งข้าง ส่วนเพื่อนสองคนนั้นอยู่ในรถยนต์อีกคัน เขาเอ่ยถามข้อสงสัยบางประการ “เออ รินเมื่อคืนที่เต็นท์เรามีอะไรไม่รู้มาเบียด ๆ มุด ๆ อยู่ข้างเต็นท์แน่ะ  แต่ว่ามาเบียดอยู่แป๊บเดียวเอง เราจึงไม่ทันออกมาดูว่าเป็นอะไร”

          “รินหลับเป็นตาย เลยไม่เห็นไม่รู้อะไรเลย” เธอสารภาพ

          “เออ แล้วถุงขยะก็หายไปจากหน้าเต็นท์ด้วยนะ  อ่า... อ่า... สงสัย...”

          “เปล่า ๆ  ก่อนเข้านอนรินให้เพื่อนณัฐเอาไปเก็บไว้ในรถเขาค่ะ”

          ณัฐพลรู้สึกเคืองขุ่นที่น้ำรินหักหน้าเขา แม้เหตุการณ์ผ่านไปแล้วก็ตาม เขาตำหนิออกไปแรง ๆ “โธ่  ไม่เชื่อกันเลย แย่จัง” หญิงสาวนิ่งเงียบ ตรึกตรองอยู่เป็นนาที เหลือบไปมองด้านข้างแฟนหนุ่ม ก่อนปรารภอยู่ในหัวว่า ‘เป็นขยะ มันก็ต้องถูกกำจัดจัดการ... กำจัดจัดการตามแต่ความเหมาะสมของชนิดขยะนั้น ๆ’

 

 

          6

          เหลือเวลาอีกสามนาทีจะหมดเวลาตอกบัตรเข้าทำงานงานแล้ว เขาผละออกจากรถเก๋งอย่างเร็วรี่ โดยไม่ทันมองว่า บนพื้นนั้นมีถุงกล้วยทับ ซึ่งมีน้ำกะทิเยิ้มออกมาหล่นอยู่

          ณัฐพลเหยียบมันเข้าอย่างจัง เขาเสียหลัก หงายหลัง  ร้องเสียงหลง ศีรษะกระแทกกับขอบประตูรถเก๋งอย่างรุนแรง จนโลกตรงหน้าดับวูบไปทันที

 

......................................................................

 

 

Link ที่เกี่ยวข้อง

  

                “บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”

 

                วรรณกรรมออนไลน์