มูลนิธิสืบฯ ปลุกคนไทย ร่วมลงชื่อ 'นกชนหิน' เป็น ‘สัตว์ป่าสงวน’

มูลนิธิสืบฯ ปลุกคนไทย ร่วมลงชื่อ 'นกชนหิน' เป็น สัตว์ป่าสงวน

 

“มูลนิธิสืบนาคะเสถียร” ได้สร้างแคมเปญรณรงค์ "ขอให้ 'นกชนหิน' เป็นสัตว์ป่าสงวนอันดับที่ 20 ของไทย" เชิญชวนชาวไทยร่วมลงชื่อ ผ่านเวบไซต์ change เพื่อร้องเรียนต่อ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยได้อธิบายเชิญชวนดังนี้

 

นกชนหิน Rhinoplax vigil ถือเป็นสัตว์โบราณ และเชื่อกันว่า มีความเก่าแก่ถึงขนาดเรียกได้ว่า เป็นบรรพบุรุษของนกเงือกแห่งเอเชีย ที่ยังคงมีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบัน อาศัยในป่าดงดิบ และกระจายพันธุ์ตั้งแต่ทางตอนใต้ของไทย บางส่วนของพม่า เรื่อยไปจนถึงมาเลเซีย และอินโดนีเซีย

 

“นกชนหิน” เป็นนกที่มีลักษณะแปลกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง มีจุดเด่นอยู่ตรงโหนกที่ตัน ต่างจากนกเงือกชนิดอื่น และนั่นเองทำให้ถูกมนุษย์ตีราคาอวัยวะชิ้นนี้ ไม่ต่างจากงาช้าง โดยให้ชื่อว่า งาช้างสีเลือด กลายเป็นสิ่งดึงดูดใจผู้มีความเชื่อผิด ๆ นิยมบูชางาเป็นวัตถุมงคลแห่งความมั่งคั่ง

 

เนื่องด้วยในช่วงปีที่ผ่านมามีการพบการค้านกเงือกอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะ นกชนหิน Rhinoplax vigil ทางองค์กร TRAFFIC จึงได้ทำการสำรวจติดตามและศึกษา เพื่อประเมินและประมาณขนาดของการค้า “นกชนหิน” รวมถึงชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ของนกเงือกชนิดพันธุ์อื่น ๆ บนช่องทางสื่อสังคมออนไลน์หรือ เฟซบุ๊ก ทั้งในกลุ่มเปิดและกลุ่มปิดในประเทศไทย โดยทุกกลุ่มเป็นกลุ่มที่เสนอขายผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าต่าง ๆ การค้าชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ จากนกเงือกนั้น เป็นสิ่งผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

 

สำหรับประเทศไทย โดยข้อมูลที่ TRAFFIC พบจากการสำรวจติดตามเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 - เมษายน 2562 มีประเด็นสำคัญ ดังนี้

 

-พบการโพสต์เสนอขาย อย่างน้อย 236 โพสต์ ที่เสนอขายชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์จากนกเงือกมากกว่า 546 ชิ้น ในกลุ่ม 32 กลุ่ม จากทั้งหมด 40 กลุ่มที่ทำการสำรวจติดตาม

 

-โพสต์ทั้งหมดถูกเสนอขายในช่วงเวลา 64 เดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 ถึง เมษายน 2562

 

-“นกชนหิน” คิดเป็นสัดส่วน 83% จากชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์นกเงือกทั้งหมด

 

-แบ่งหมวดหมู่ของชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์จากนกเงือกที่ถูกเสนอขายออกเป็น 8 หมวดใหญ่ ได้แก่ โหนกหัว, จี้ห้อยคอ, แหวน, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, หัวเข็มขัด, นกสตาฟ และชิ้นส่วนย่อยอื่น ๆ

 

การล่าพ่อนกหนึ่งตัว นั่นหมายถึงการฆ่ายกครัว เพราะแม่และลูกที่ยังไม่ฟักออกมาจากไข่ หรือมีอายุยังน้อย จะไม่สามารถหาอาหารกินเองได้ นอกจากกิจกรรมการล่าแล้ว นกเงือกยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ยังคงคุกคามพวกมันอย่างต่อเนื่อง ทั้งศัตรูตามธรรมชาติ ภาวะการขาดแคลนโพรง การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่ออาหารของนก และการทำลายถิ่นอาศัยตามธรรมชาติจากเงื้อมมือมนุษย์

 

ปัจจุบัน “นกชนหิน” มีสถานภาพด้านการอนุรักษ์ว่า "ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง CriticalEndangeredSpecies" จากการจัดสถานภาพของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ของสหภาพว่า ด้วยการอนุรักษ์สากล/ IUCN  จำนวน “นกชนหิน” แทบจะหมดไปจาก บอร์เนียว อินโดนีเซีย และพื้นที่อื่น ๆ ที่เคยพบชุกชุม

 

สำหรับประเทศไทย ขณะนี้ สถานภาพของ “นกชนหิน” ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ชนิดของกลุ่มนกเงือกในไทย คาดว่าจะมีประชากรประมาณ 50 - 80 คู่ โดยพบการกระจายพันธุ์ ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปจนถึงป่าฮาลาบาลา จ.นราธิวาส  ดังนั้นความต้องการทางตลาดจึงพุ่งเป้ามาที่นกชนหินบ้านเรา ขณะนี้เริ่มมีขบวนการล่านกชนหินอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ บูโดสุไหงปาดี นราธิวาส กำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่เพียงน้อยนิด อาจไม่สามารถป้องปรามภัยคุกคามนี้ได้ ทำให้หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงเป็นใย “นกชนหิน” ว่า จะสูญพันธุ์ไปในไม่ช้า จึงเป็นที่มาของการรณรงค์ สนับสนุนให้นกชนหินเป็นสัตว์สงวนลำดับที่ 20 ของประเทศไทย

 

ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งประกาศพระราชกฤษฎีกา กำหนดให้ “นกชนหิน” ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ป่าสงวนตัวที่ 20 ของประเทศไทย และมีแผนการจัดการ อนุรักษ์ ปกป้องนกชนหินให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามต่าง ๆ ร่วมถึงมีแนวทางที่ชัดเจนต่อการ ฟื้นฟูประชากรนกชนหินให้มีจำนวนมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม การประกาศ “นกชนหิน” ให้เป็นสัตว์สงวน จึงจำเป็นต้องมีแรงสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทุกพลังของเราจึงมีความหมาย และนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของ “นกชนหิน” ที่จะอยู่รอดอย่างยั่งยืนกับคนไทยต่อไป

 

 

ร่วมส่งเสียงแทนสัตว์ป่ากับเราที่นี่ : ขอให้นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนอันดับที่ 20 ของไทย #SaveHornbill

 

คลิกที่ LINK เพื่อ ร่วมลงชื่อ

http://change.org/SaveHornbill

 

//......................

                หมายเหตุ : เพจ "มูลนิธิสืบนาคะเสถียร"

                https://www.facebook.com/SeubNakhasathienFD

//......................