สลด “นกชนหิน” เทือกเขาบูโด ถูกล่า เรียกร้องขึ้นทะเบียนก่อนสูญพันธุ์

 

...นกชนหิน ใช้เวลาราว 5 เดือนที่แม่นกจะเลี้ยงลูกนกอยู่ในโพรงบนที่สูงชัน โดยมีพ่อนกหาอาหารมาป้อนให้แม่และลูกในโพรงตลอดทุกวัน ... ลูกนกชนหินแต่ละตัวใช้เวลาเกือบครึ่งปีจึงจะได้ออกจากรัง...

 

          เรื่องราวจากเฟซบุ๊ก “Preeda Budo” ของ “ปรีดา เทียนส่งรัศมี” หัวหน้าโครงการคุ้มครองนกเงือก (ส่วนภาคใต้) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เจ้าของ รางวัล “ลูกโลกสีเขียว” ประเภทบุคคล ครั้งที่ 19 บอกเล่าสถานการณ์น่าวิตกเกี่ยวกับ “นกชนหิน” โดยมีรายละเอียดว่า....

 

          ขณะที่พิมพ์ข้อความอยู่นี้.ผมนอนอยู่ในเปลบนเขาตะโหนด​ อ.รือเสาะ​ ใจสับสนและกังวลเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้มาว่า​ ตอนนี้มีพรานจากรือเสาะและยะลากำลังขึ้นเขามาล่าสัตว์​ และสัตว์ที่เขามาล่าคือหัวนกชนหิน.. มีตลาดรับซื้ออยู่ในเมืองนราเขาให้ราคาถึงหัวละหมื่น​ ชาวบ้านมาบอกว่าสองวันก่อนเขาเจอพรานมาซุ่มยิงนกเงือกที่ต้นไทรสุก..พบยิงนกชนหินถึง​ 4​ ตัว​

          ใจหายและรู้สึกโกรธจะทำอย่างไรกันดี?

          สิ่งที่เราช่วยกันดูแลรักษากำลังถูกทำลาย​ และผมก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย​ เพียงแค่บันทึกบอกกล่าวและได้ระบายอะไรบ้าง​ ชาวบ้านที่ให้ข้อมูลเขาก็กลัวเพราะพวกมันมีปืน

 

          ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่า"ผมเคยเตือนเขาแล้วว่าอย่ายิงนกเงือก​ เขาอนุรักษ์กัน​ มันกลับท้ายิงผมอีก "

 

 

          หลายปีที่ผ่านมาสำหรับผมคือความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง..หากปล่อยให้เหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป.. จะมีประโยชน์อะไรสำหรับงานอนุรักษ์นกเงือกที่บูโด

 

          ขอพื้นที่ตรงนี้ได้บอกเล่าความจริงเผื่อว่าจะมีทางออกที่ดีกว่าและมาช่วยกันหาทางแก้ไขต่อไป..

 

          ซึ่งเวลานี้ผมก็เพียงแค่ภาวนาต่อเจ้าป่าเจ้าเขาบูโดขอให้คุ้มครองพวกมันด้วยเถิด..

 

          นอกจากนั้นแล้วยังมีข้อมูลจากเฟซบุ๊ก “Rungsrit Kanjanavanit” ของ นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ อาจารย์แพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนักเคลื่อนไหวทางสิ่งแวดล้อม เพิ่มเติมว่า

 

 

 

          นกชนหิน ต้องการการปกป้องจากพวกเราโดยด่วน

 

          นกชนหิน เป็นนกเงือกสายพันธุ์โบราณ มีลักษณะโดดเด่นต่างกับนกเงือกอื่น คือมีโหนกตันคล้ายงาช้าง ซึ่งกลายเป็นความต้องการของตลาดนักสะสม

          นกชนหินจึงมีราคาค่าหัว ถูกไล่ล่า จนใกล้สูญพันธุ์

 

          ในประเทศไทย เหลือ นกชนหิน ดำรงเผ่าพันธุ์อยู่เพียง ประปรายในป่าดิบภาคใต้

          ที่ผ่านมา ใบ order ยังมาไม่ถึงเมืองไทย เพราะ การล่าที่ อินโดนีเซีย ทำได้ง่ายกว่า

          แต่ปัจจุบัน นกชนหิน แทบจะหมดไปจาก บอร์เนียว และพื้นที่อื่นๆทีเคยพบชุกชม

          ความต้องการทางตลาดจึงพุ่งเป้า มาที่ นกชนหินบ้านเรา

 

          ขณะนี้เริ่มมีการขบวนการล่านกชนหินอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ บูโดสุไหงปาดี นราธิวาส

          กำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่เพียงน้อยนิด อาจไม่สามารถ ป้องปรามภัยคุกคามนี้ได้

 

          ผมขอพวกเราช่วยกันส่งเสียงเรียกร้อง ให้มีการระดมกำลัง ทรัพยากรในการเข้าปรามปรามขบวนการล่า ค้า นกชนหินอย่างเด็ดขาด ทั้งวงจร ทั้งในพื้นที่ จนถึง เครือข่าย ออนไลน์ ใต้ดิน

 

          ผมใคร่ขอความกรุณาจากผู้บริหารระดับสูง กระทรวงทรัพย์ ใส่ใจวาระนี้อย่างเร่งด่วน ก่อนเราสูญเสีย มรดกธรรมชาติอันมีค่านี้ของชาติและของโลก ไปตลอดกาล

 

 

        โดยก่อนหน้านี้ในเฟซบุ๊ก “Preeda Budo” ของ “ปรีดา เทียนส่งรัศมี” ซึ่งทุ่มเทต่อการอนุรักษ์ “นกเงือก” มากว่ายี่สิบปี ได้บอกเล่าความคืบหน้าของ "นกชนหิน" ครอบครัวเดียวของโครงการ THAILAND HORNBILL PROJECT ในปีนี้ว่า

 

          จัดเตรียมเสบียงสำหรับขึ้นเขาเพื่อบันทึกภาพช่วงสำคัญ​ของครอบครัวนกชนหิน หลังจากที่คำนวนเวลาไว้ว่าไม่น่าเกิน 3-4 วันนี้​ ที่แม่นก จะต้องเปิดปากโพรงเพื่อพาลูกน้อยออกสู่ภายนอก​

          กลับจากซื้อเสบียง​ นูรีฮันส่งข้อความมาบอกว่าลูกนกออกจากโพรงรังแล้วเมื่อเช้านี้...

          เสียดายที่ไม่ทันได้เห็นแม่และลูกนกโผล่หัวออกจากโพรงและกางปีกบินครั้งแรก…

 

          คงต้องรอกันในปีถัดไปและไม่รู้ว่ามันจะกลับมาทำรังที่โพรงนี้อีกไหม?

 

          5​ เดือน...สำหรับการทำรังเลี้ยงลูกในโพรง​ ตรงเวลาจริงๆ..นกชนหิน

 


 

          ครบ​กำหนด​  5 เดือนแล้วที่แม่และลูกนกชนหินโพรงรัง​หมายเลข​ 20 ​บนต้นตาเสือได้เวลาเปิดปากโพรงออกสู่ป่าใหญ่​ มันเป็นครอบครัวนกชนหินเพียงโพรงเดียวของปีนี้ที่ทำรังวางไข่และใกล้ประสบความสําเร็จ​ เราจึงต้องเก็บข้อมูลอย่างเข้มข้นในทุกๆ วัน​ แม้ว่าโพรงรังนี้เส้นทางจะไกลและสูงชันการเดินขึ้นเขาไปทำงานจะยากลำบาก​ แต่ก็คงน้อยกว่าพ่อนกที่ต้องหาอาหารมาป้อนให้แม่และลูกในโพรงตลอดทุกๆวัน​ อีกทั้งแม่นกชนหินนั้นก็ดำเนินชีวิตในโพรงแคบๆ ตลอดระยะเวลาเกือบๆ ครึ่งปี​

 

          เราต่างใช้ความพยายามเพื่อช่วยให้มันคงอยู่ในผืนป่าแห่งนี้ต่อไปนานๆเพื่อสานต่อระบบนิเวศ​ของมันต่อไป

 

          สำหรับผม.. หากถามว่าเหนื่อยหรือลำบากไหม? แน่นอนว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆเท่านั้นถ้าเทียบกับพ่อและแม่นกชนหินที่ต้องใช้ความพยายามและความอดทนมากมายนัก

 

          หวังว่าลูกนกคงปลอดภัยและเจริญเติบโตเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์​ต่อไปตามที่พ่อกับแม่ของมันตั้งใจไว้

 

######

CF : Facebook “Preeda Budo” , “Rungsrit Kanjanavanit” , “THAILAND HORNBILL PROJECT”