20251224story
เรื่องสั้น : แซม : ชาคริต คำพิลานนท์
1
แซมนอนอยู่ตรงโซฟา บนพื้นพรมมีรองเท้าฟุตบอลกับกระเป๋านักเรียนสีดำ ยังไม่มีใครกลับมาถึงบ้าน วันนี้เขาเลือกหนีซ้อมเพราะขี้เกียจและเหนื่อยใจ เขารู้ที่ซ่อนของกุญแจบ้านเหมือนกับที่ทุกคนรู้
ครอบครัวของแซมมีแค่แม่กับพี่สาว ทั้งสองคนทำงานในห้างสรรพสินค้าเดียวกัน แผนกเดียวกัน ยืนขายสินค้าชิ้นเล็ก ๆ สินค้าประเภทที่คนมาเดินดูเพื่อฆ่าเวลา--แต่ไม่มีใครซื้อ
แซมแทบจะจำอะไรเกี่ยวกับพ่อไม่ได้ นอกจากเรื่องเล่าสั้น ๆ ตอนยังเป็นเด็ก เรื่องเกี่ยวกับพ่อของเขาคล้ายจะกลายเป็นข้อคิดหรือเรื่องเล่าปกิณกะของครอบครัว
“ลูกรู้ไหม แม่นึกเกลียดพ่อของลูกมากขนาดไหน” แม่ของแซมมักจะเอ่ยขึ้นมาดื้อ ๆ ระหว่างนั่งกินข้าวเย็นด้วยกันที่โต๊ะในครัว
“แม่ ขอร้องล่ะ หนูไม่อยากฟัง อย่า-” เหมือนทุกครั้ง พี่สาวของเขาแสดงออกผ่านสีหน้าด้วยความเบื่อหน่าย
อีกไม่กี่ปี เขาจะหลุดพ้นจากบ้านหลังนี้ แซมบอกตัวเองที่โต๊ะกินข้าวเสมอ เขานับวันและขีดฆ่ามันในปฏิทิน เขาไม่เคยชอบพี่สาวของตัวเอง เธอเรื่องเยอะ ขี้บ่น คงเพราะอายุห่างกันมากเกินไป เธอชอบคิดว่าทุกอย่างกำลังกลายเป็นภาระของเธอในอนาคตอันใกล้นี้ รวมทั้งแซมด้วย
ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากให้เธอกลายเป็นพี่ชาย และถ้าขอได้มากกว่านั้นอีก ไม่ต้องมีเธอเลยจะดีกว่า
แม่เล่าให้แซมฟังว่าพ่อของเขาเป็นนักเขียน แต่ก็แค่นักเขียนธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีชื่อเสียงหรือโด่งดังอะไรตอนยังมีชีวิต เขาตายหลังจากแซมเกิดได้แปดสัปดาห์ โรคประจำตัวของคนตรอมตรมทั่วไป น่าแปลกที่แซมไม่ได้อยากรู้อะไรมากกว่านั้น
นักเขียนคนหนึ่งตายด้วยโรคอะไร จะต่างกันตรงไหน
“น่าจะมีสำนักพิมพ์มาขอลิขสิทธิ์หนังสือพ่อไปพิมพ์อีก แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม” พี่สาวของแซมพูดเหมือนบ่น ซึ่งนั่นเป็นลักษณะประจำตัวของเธอ
“ก็น่าจะมีอยู่หรอก” แม่พูดสวนและแสยะยิ้ม
แม่ชอบทำลายบรรยากาศเสมอ แซมเกือบจะเผลอหัวเราะออกมา แต่ยังกลั้นใจขำเอาไว้ แต่พอนึกดูดี ๆ เขากลับรู้สึกเศร้า ส่วนพี่สาวของเขาวางช้อนกับส้อมในมือลง เธอลุกขึ้นอย่างหุนหันและเดินเข้าห้องนอนไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เธอยังโสด และเธอดูจะโกรธทุกอย่างได้ง่ายดายตลอดเวลา
สิ่งที่แซมสนใจอยู่บ้างเกี่ยวกับพ่อของเขาคือคำว่า นักเขียน ทำไมพ่อถึงเลือกเป็นนักเขียน เขายังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากทำอะไร บางครั้ง เขาแค่รู้สึกว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้ อาจเพราะไม่มีพ่อนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ และอาจเพราะรู้สึกว่าทุกอย่างหมุนรอบตัวของเขาเอง แต่ทำอะไรก็ได้หลายครั้งแทบไม่ต่างอะไรจากทำอะไรก็ไม่ได้
โรงเรียนมัธยมต้นที่เขาเรียนอยู่ ไม่ได้ห่างจากบ้านมากนัก แต่ที่นั่นเหมือนกับท่อระบายน้ำทิ้ง อะไรต่ออะไรจึงไหลมารวมกัน เพื่อนบางคนทำตัวแก่แดด ส่วนบางคนเหมือนเด็กแบเบาะจนน่าตลก ให้ตายเถอะ เขาคิดว่าตัวเองพยายามคัดกรองหาอะไรดี ๆ ในชีวิต เป็นในสิ่งที่เขาอยากจะเป็น แต่บางครั้งเขาพบว่าตัวเองก็แค่อยากไว้ผมยาว นอนดูสารคดีโลกทุกตอนของเนชั่นแนล จีโอกราฟิก หรือนอนเล่นบนสนามหญ้าในช่วงวันหยุด หรือเปิดสารานุกรมภาพสัตว์สูญพันธ์ที่ยืมมาจากห้องสมุดให้หมดวัน ฯลฯ
ในสายตาของทุกคน แซมรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่เด็กที่ผู้ใหญ่จะมาให้ความใส่ใจอะไรนัก
2
8F4 กับยานบินขนาดเล็กออกสำรวจพื้นที่มาแล้วสามสัปดาห์ เธอได้รับภารกิจนี้ ดาวเคราะห์สีฟ้าที่ชื่อ UW785-1456 คือเป้าหมายหลักของการสำรวจ
8F4 เป็นสิ่งมีชีวิตในเศษซากดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่ถูกดัดแปลง ภายหลังการเปลี่ยนผ่านของกาแล็กซี DDYK-8954 ครั้งหนึ่งเธอเคยมีร่างกายภายนอกคล้ายคลึงกับสิ่งมีชีวิตบนแผนที่สำรวจแห่งนี้ ซึ่งบริเวณแถบนั้นมีชื่อเรียกดั้งเดิมว่าโอเชียเนีย
อธิบายให้เห็นภาพมากกว่านั้นคือ เธอเคยมีเส้นผมสีทอง ดวงตาสีฟ้า จมูกโด่ง ผิวสีน้ำตาลไหม้ รูปร่างสันทัดและแข็งแรง เธอคิดว่านั่นคือสาเหตุของการได้รับภารกิจสำรวจครั้งนี้ แต่ความจริง 8F4 เป็นเพียงรหัสย่อของชุดข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับความเป็นมาของกายวิภาคเธอ รหัสทั้งสามตัวไม่ใช่ชื่อ แต่แค่ชุดตัวเลขแบบย่อที่สามารถนำกลับไปค้นหาลักษณะเฉพาะได้ย้อนหลังเท่านั้น
ส่วนสิ่งที่เรียกว่า การดัดแปลง - ภายหลังการเปลี่ยนผ่านของกาแล็กซี DDYK-8954 คือ การสวมใส่เครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุลงบนศีรษะ โดยออกแบบเครื่องให้เชื่อมต่อเข้ากับก้านสมองและจอประสาทตา ระบบสื่อสารของเครื่องรับส่งสัญญาณถูกปรับให้เข้ากับทุกย่านความถี่ต่ำและทุกความเข้มข้นของแนวคลื่นวิทยุในเอกภพ
8F4 จึงมีลักษณะของเครื่องรับส่งวิทยุกึ่งสิ่งมีชีวิต ทั้งหมดเพื่อควบคุมการทำงานกับฐานข้อมูลหลักของศูนย์อพยพที่ส่งเธอออกไป
ยานบินล่องลอยข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก เหนือหมู่เกาะร้างอันโดดเดี่ยว ก่อนเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายของทะเลทราย ตัวยานอาศัยแรงจากคลื่นโน้มถ่วง เงียบและปราศจากการรบกวนของสัญญาณดักจับ เธอใช้เวลาที่มีมองหาพื้นที่ตามแผนสำรวจ ลงเก็บข้อมูลในบางจุด ทั้งตัวอย่างพืช เนื้อเยื่อสัตว์ พังผืดหินปะการัง แร่ธาตุ บรรยายสภาพอากาศ สแกนและส่งข้อมูลที่วิเคราะห์แล้วเหล่านั้นเป็นรายงานคลื่นแบบเข้ารหัส
8F4 คือร่างกายของความว่างเปล่า เธอไร้อารมณ์ตกแต่งใด ๆ กายวิภาคของเธอทำงานตามฐานคำสั่งอันจำกัดที่ถูกติดตั้งให้จากเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ เพื่อปล่อยให้สารเคมีในสมองปรับเปลี่ยนสมดุลกล้ามเนื้อในตัวอย่างช้า ๆ ร่างกายของเธอต้องการการตอบสนองและอาศัยความจำเป็นเพียงแค่นั้น
ตอนนี้เนื้อเยื่อและไข่บางส่วนของเธอถูกวางครรภ์อยู่ในหลอดแก้วส่วนกลาง ณ ศูนย์อพยพมีทุกอย่างสำหรับการอพยพครั้งต่อไป หลังเสร็จสิ้นภารกิจนี้ กลับไปเธอจะเริ่มวางครรภ์อีกครั้ง นี่เป็นหน้าที่สำคัญของทุกรหัสดัดแปลง ทั้งหมดถูกเรียกว่าพันธะสัญญา
3
แซมเป็นส่วนหนึ่งของทีมฟุตบอลโรงเรียน ถึงแม้ตำแหน่งของเขาจะเป็นแค่ผู้เล่นในตำแหน่ง Right Back และถึงแม้ว่าเขาจะเคยนั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรองถึง 12 เกมใน 15 เกมหลังสุด
สามอาทิตย์ก่อน Right Back ตัวจริงมีอาการบาดเจ็บตรงข้อเท้า โค้ชสั่งให้เขาอบอุ่นร่างกายในทันที หลังจากนั้นแซมก็ถูกส่งตัวลงไป เขาทำหน้าที่ได้เยี่ยม เขาตามประกบฝั่งตรงข้ามได้ตามแผนของโค้ช แซมจึงกลายเป็นตัวจริงต่อเนื่องในสามเกมถัดมา ทีมของโค้ชเล่นในระบบ 4-4-2
ปัญหาของแซมเกิดขึ้นเมื่อโค้ชต้องการเปลี่ยนระบบการเล่นใหม่เป็น 3-5-2 เนื่องจากตัวผู้เล่นที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด เรื่องกวนใจแซมในวันนี้ก็คือ เขาพบว่าตัวเองยังไม่ดีพอสำหรับ Right Back ตัวจริงในระบบใหม่
ขยายความลงไปมากกว่านั้นคือ ในระบบ 4-4-2 เดิม ตำแหน่งของเขาเป็นเพียงการเล่นสนับสนุนตัวริมเส้นฝั่งขวาหรือพวก Right Midfield มีหน้าที่เติมเกมรุกแค่บางครั้ง แต่ในระบบ 3-5-2 ตำแหน่งของเขาจะต้องวิ่งหนักขึ้นทั้งเกมรับและเกมรุก เพื่อให้กลายเป็นตำแหน่งที่โค้ชเรียกว่า Right Wing-Back เขาจะต้องป้องกันการบุกและคอยผ่านบอลให้กองหน้าเพื่อสร้างโอกาส แต่ปัญหาจริง ๆ ยังไม่ใช่ตรงนี้ ปัญหาจริง ๆ ของแซมคือในตำแหน่งเดียวกันนั้น เมื่อเทียบกับพวกถนัดเท้าขวาทั้งหมดที่ทีมมีอยู่ เขาจะกลายเป็นเพียงตัวเลือกสุดท้าย
สรุปให้สั้นลงไปอีก แซมกำลังจะกลับไปเป็นตัวสำรองของทีมอีกครั้ง
แม่กับพี่สาว ไม่มีใครสนเกมการแข่งขันฟุตบอล เขานึกอยากจะปรึกษาใครสักคน ใครก็ได้ ผู้ชายโง่ ๆ สักคนที่เข้าใจว่า Right Back ในระบบ 4-4-2 กับ 3-5-2 ต่างกันอย่างไร อย่างน้อยฟุตบอลยังทำให้เขามีความสุข เขาอยากแข่งขัน อยากลงสนาม อยากเอาชนะได้บ้าง เขาอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ มีรายได้เป็นของตัวเอง เขาอย่างเก่งแบบ Thomas Rosicky หรือไม่ต้องฝันเลยเถิดขนาดนั้นก็ได้ ขอแค่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย ขอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่บางครั้งมันเริ่มเหนื่อยเกินไปสำหรับเด็กอย่างเขา เพราะอะไรก็ดูไม่ค่อยเป็นใจ มีคนบอกว่าเป็นไปได้ ถ้าเขาได้โควตานักกีฬามหาวิทยาลัย และทางเดียวที่จะทำได้คือเขาต้องได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ต้องมีผลงานที่เข้าตา ต้องโดดเด่นจนกระทั่งเรียนจบมัธยมปลาย
ให้ตายเถอะ เขาถอนใจ ไม่มีเรื่องอะไรง่ายดายเลยจริง ๆ แซมลุกขึ้นนั่งอิงกับโซฟา เท้าคางด้วยแขนข้างหนึ่ง ใบหน้าเหนื่อยล้านั้นเหม่อมองไปที่รองเท้าฟุตบอลบนพื้นพรม
ในบรรดาเรื่องเล่าปกิณกะทั้งหมดเกี่ยวกับพ่อ มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่แม่ของแซมมักจะใช้เท้าความถึงสามีตัวเองอยู่บ่อย ๆ เพื่อสอนลูก โดยเฉพาะที่โต๊ะกินข้าว พวกเขาทั้งคู่พบเจอกันและแต่งงานกันด้วยอายุที่ห่างกันมาก ราวยี่สิบปี ยี่สิบปีจึงเหมือนเวลาของการต้องคำสาปในครอบครัว
“พ่อแกบอกว่าตัวเองเป็นนักเขียน ทั้ง ๆ ที่ชีวิตไม่เห็นมีอะไรให้เขียน แม่เห็นแค่นั่งอยู่เฉย ๆ ในห้อง กับโต๊ะรก ๆ กินกาแฟกับขนมปังชืด ๆ ชีวิตของพ่อแกราบเรียบจะตาย เหมือนกับงูไร้พิษที่เลื้อยจากสนามหญ้าแห่งหนึ่งไปสนามหญ้าอีกแห่งหนึ่ง แค่นั้นเองนะที่แม่นึกออก”
แซมชอบความเปรียบนั้น บางครั้งแม่ของเขาก็คล้ายจะเป็นพวกกวีปากจัด แต่เรื่องที่เอ่ยข้างต้นยังไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่พ่อของแซมเป็นฝ่ายเล่าให้เธอฟังเอง แซมชอบฟังเรื่องนั้นมาก เขาคิดว่าพ่อเป็นคนที่ใช้ได้ ถึงแม้พี่สาวของเขากับแม่จะคิดว่าพ่อโง่ก็ตาม
“เชื่อไหม มีอยู่วันหนึ่ง เรานั่งกินข้าวกันแบบนี้แหละ มีพี่สาวแก มีพ่อแก มีแม่ ส่วนแก แกยังอยู่ในท้อง”
“ไม่ฟังได้ไหม” พี่สาวเริ่มโอดครวญเหมือนเคย
“น้องชายแกอยากฟัง”
“ครับ ผมอยากฟังอีก” แซมตอบ
“พ่อแกบอกว่าวันก่อน พ่อแกเอาเงินค่าอาหารตัวเองทั้งสองมื้อให้ชายโง่ ๆ คนหนึ่งที่เล่าเรื่องกุขึ้นมาให้ฟัง เซ่อจริง ๆ นะ พ่อของพวกแกเนี่ย”
“เขาเล่าว่าไงฮะ” แซมถาม ทั้ง ๆ ที่รู้จักเรื่องนี้ดี
“ก็ได้ ๆ พ่อแกบอกว่าเจอชายคนนั้นเดินอยู่บนทางเท้า ตอนแรกแค่เดินสวนกัน พ่อแกกำลังรีบ ก็รีบไปตอกบัตรเข้าทำงานนั่นแหละ ตอนนั้นพ่อของแกยอมแพ้กับการเป็นนักเขียน จริง ๆ ก็เข้า ๆ ออก ๆ โรงงานเดิมที่ทำอยู่ตลอดเวลา ก็แค่คนงานทั่วไปน่ะนะ ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมฝน ทั้ง ๆ ที่ฝนหยุดตกมาสักพักแล้ว แถมยังใส่รองเท้ายางครึ่งแข้ง เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยสัก ตัวอ้วนฉุ สภาพดูไม่ได้ เหมือนคนจรจัด-”
“-พี่ไปนั่งคุยโทรศัพท์ที่โซฟาได้ไหม ผมอยากฟังแม่”
“อะไรนะ, เอาเลยแซม... เอาที่สบายใจแล้วกัน”
“ต่อเลยครับ”
“รู้ไหม ทำไมพี่สาวแกถึงกลายเป็นคนแบบนั้น จะยังไงก็ช่าง--เขาเริ่มเล่า ชายคนนั้นน่ะ เขาขวางทางพ่อแก เอ่ยขอร้อง คงทำหน้าทำตาให้ดูน่าสงสาร แล้วพ่อของแกก็รอฟัง ไม่สะทกสะท้าน ทั้ง ๆ ที่รู้ตัวว่าต้องไปทำงานให้ทัน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่างานหายากมากแค่ไหน และทั้ง ๆ ที่รู้ว่าแม่กำลังท้องแกอยู่”
“ครับแม่ เขาเล่าว่าไงแล้วนะ”
“เขาเล่าว่าเดินเท้ามาจากบ้าน เดินมาตั้งแต่ฝนเริ่มตก ร้องไห้ จนตอนนี้ไม่มีน้ำตาเหลืออยู่อีกแล้ว เมียของชายคนนั้นมีชู้ นอนกันอยู่ในห้องนอนของเขา ลูกเข้าใจใช่ไหม และชู้คือเพื่อนของเขาเอง เพื่อนสนิท แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองและจากมา พ่อแกยังกล้าถามว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงครับ ถามแบบโง่ ๆ เลยล่ะ ชายคนนั้นจึงบอกว่าตัวเองเพิ่งพ้นคุก ติดอยู่นานตั้งสามปี ข้อหาพยายามฆ่า แกไม่โง่ใช่ไหม--แซม บอกแม่หน่อย บอกว่าแกคิดเหมือนแม่”
“ผมไม่แน่ใจครับ”
“มันกำลังขู่พ่อแก มันเป็นการพูดข่มขู่”
“คงจะอย่างนั้น”
“รู้ไหมว่าพ่อแกโง่ขนาดไหน อืม พ่อแกพูดปลอบใจชายคนนั้น ร้องขอให้เขาใจเย็น ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นจำเอาไว้นะแซม มันต้องการเล่าเรื่องน่าสมเพชเพื่อขอเงินเท่านั้นเอง โกหกอะไรก็ได้สักอย่าง แบบที่คนน่าสมเพชด้วยกันมองคนน่าสมเพชด้วยกันเห็น แล้วเรื่องนี้จบลงเพราะพ่อของแกดันให้เงินในกระเป๋าเป็นค่าเดินทางกับชายคนนั้นที่อ้างว่าต้องไปหาลูกชาย สิ้นคิดจริง ๆ”
“เขาไม่สมควรได้รับมันเหรอครับ”
“มันเป็นมิจฉาชีพ ลูกรัก มันแค่เล่าเรื่องแต่งขึ้นมาเรื่องหนึ่ง เรื่องนั้นจะจริงหรือไม่จริง ไม่สำคัญอะไรเลย อยู่ให้ห่างจากคนพวกนั้น ลูกจำไว้แค่นี้ก็พอ”
4
ยานบินตกลงเหนือเนินทราย ระบบสั่งการขัดข้องอย่างฉับพลัน ไม่มีสัญญาณเตือนหรือแจ้งเหตุฉุกเฉินล่วงหน้า แรงกระแทกทำให้พลังงานและแสงสว่างภายในยานหยุดทำงานโดยทันที แขนข้างหนึ่งของเธอหักพับไปด้านหลัง เครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุบนศีรษะกระแทกเข้ากับแผงควบคุม ตอนนี้ภายในยานเริ่มใช้โหมดป้องกันความเสี่ยง ประตูออกถูกล๊อกโดยอัตโนมัติ
หลังกลับมาใช้งานบางส่วนได้อีกครั้ง 8F4 พยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือกลับไปยังศูนย์อพยพ แต่ไร้การตอบกลับ บนดาวเคราะห์ดวงนี้ เธอไม่สามารถออกไปภายนอกด้วยสภาพไม่สมบูรณ์แบบนี้ได้ มีรายงานเกี่ยวกับความเสียหาย สาเหตุและตัวเลือกในการแก้ปัญหาขึ้นมาแสดงผ่านจอประสาทตา เธอเลือกเปิดคำสั่งแรกเป็นแบบควบคุมด้วยตนเอง เลือกประหยัดพลังงานเป็นคำสั่งถัดมา ปิดระบบบางส่วนที่ไม่จำเป็นลงชั่วคราว
เวลาผ่านไป 5 ชม. เธอแก้ไขบางส่วนได้แล้วด้วยมือข้างเดียว ภาพภายนอกยานกลายเป็นกลางคืน จากพิกัดที่แสดงให้เห็นบนจอ เธออยู่กลางทะเลทรายแสนเวิ้งว้าง ไกลจากพื้นที่ส่วนสุดท้ายในแผนสำรวจ
8F4 ไม่เคยมีความฝัน เธอไม่จำเป็นต้องนอน เธอคือร่างกายของความว่างเปล่า เวลาผ่านไปจนถึงตอนนี้คือ 76 ชม. ภายในยานบินไม่มีส่วนใดที่แก้ไขได้อีก ระบบบังคับยานถูกโจมตีด้วยสิ่งแทรกซ้อนจากภายในมากกว่าภายนอก มันเสียหายโดยตัวของมันเอง
สิ่งนี้ไม่เคยมีอยู่ในขั้นตอนหรือแผนรับมือ ไม่เคยอยู่ในการรับรู้ของ 8F4 เธอจึงทำได้แค่ลดพลังงานของตัวเองลงให้ยาวนานได้มากที่สุด
ในภาพของกล้องด้านนอก ทะเลทรายยังคงเวิ้งว้าง ไร้ชีวิต ดาวเคราะห์ดวงนี้ตายไปแล้วเป็นบางส่วน เธอยังบันทึกข้อมูลที่คิดว่ามีความจำเป็นสำหรับศูนย์อพยพ และถึงแม้จะเป็นพื้นที่นอกการสำรวจก็ตาม เธอไม่เคยรู้เลยว่าศูนย์ฯมีแผนสำหรับดาวดวงนี้อย่างไร เธอไม่รู้ว่าทุกสิ่งถูกกำหนดเอาไว้แบบนี้ ศูนย์อพยพต้องการปลดระวางยานบินและรหัสของเธอ แบบเดียวกับขยะอวกาศที่ลอยเคว้งคว้างอยู่เหนือชั้นบรรยากาศ ที่นี่เหมาะสำหรับทิ้งชิ้นส่วนที่ไม่มีความจำเป็นกับการทำงานอีกต่อไป เพื่อการเคลื่อนย้ายและลดภาระสำหรับการอพยพครั้งใหม่ ศูนย์อพยพได้ข้อมูลที่ดีและเพียงพอแล้วจากเธอ
ฟังดูเป็นเรื่องน่าเศร้า โชคดีที่ 8F4 ไม่มีความรู้สึกเศร้า
5
สิ่งที่แซมครุ่นคิดคือราคาของเรื่องเล่า ทั้งชายคนนั้นและพ่อของเขา - อาจไม่มีใครเป็นคนโง่ก็ได้ พวกเขาก็แค่แลกเปลี่ยนกัน สิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนกันนั้นคือเรื่องเล่าที่ดีและการรับฟัง
ชายคนนั้นคงต้องเล่าเรื่องราวด้วยความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด ตาของเขาคงแดงก่ำ มือไม้สั่น หายใจเข้าออกด้วยความโกรธและผิดหวัง ต้องเจ็บปวดอย่างที่สุด แม้อับอายที่จะเล่าต่อคนแปลกหน้า - แต่ก็หักห้ามใจเอาไว้ไม่ได้
ส่วนพ่อ พ่อต้องการฟัง สิ่งนั้นตรึงพ่อเอาไว้ อาจเป็นถ้อยคำและน้ำเสียงนั้น แต่คงไม่ใช่เพราะท่าทีหรือการข่มขู่ ก็มันเป็นเรื่องของคนหนึ่งคน เรื่องชีวิตทั้งชีวิต ทำไมพ่อจะไม่ลองรับฟังก่อนล่ะ แซมคิดอย่างเข้าข้าง ให้เขาเร่งรีบไปทำงานอย่างนั้นเหรอ ให้เร่งรีบขึ้นรถโดยสารให้ทัน เบียดเสียดเหมือนกับปลากระป๋องเพื่อตอกบัตร อยู่ในที่อันอึดอัด อยู่ในที่ที่ถูกไล่ออกได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เรื่องแบบนั้นจะไปมีความหมายอะไรกับชีวิต เพราะยังไงก็หนีมันไม่พ้น
สิ่งนี้แหละ ทำให้แซมคิดว่าพ่อของเขายังเคยเป็นคนที่ใช้ได้
ความคิดเรื่องโควตานักกีฬาดูเหมือนจะหลุดลอยไป บางทีเขาคงต้องเลือกหาทางอื่นเผื่อใจไว้ เป็นอะไรอย่างอื่นที่เหมาะกับเขามากกว่า สิ่งที่แซมคิดว่าตัวเองชอบมีอยู่ไม่กี่อย่าง นอกจากนักกีฬา บางทีเขาอาจเลือกเป็นนักสำรวจ หรือนักเขียน นักเขียนแบบที่พ่อของเขาเคยเป็น
แซมคิดว่าตัวเองมีเรื่องหลายเรื่องให้เขียน เรื่องพวกนั้นซุกซ่อนอยู่ในจินตนาการของเขา แค่ยังไม่ลองเปิดเผยออกมา บางเรื่องเกี่ยวกับโลก Sci-fi โลกอันแสนไกลโพ้น โลกที่มีมนุษย์กึ่งหุ่นยนต์ หรือมีสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ บางที เขาอาจจะลองวาดหรือเล่าให้ใครสักคนฟังดู ขอแค่ใครสักคนที่พร้อมรับฟังเขาจริง ๆ
ในบรรดาเรื่องราวทั้งหมดที่มี แซมพบว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขา หลายครั้งหลายครา แม้แต่ตอนซ้อมทีมหรือนั่งใจลอยอยู่ในชั้นเรียน เขาก็ยังเผลอนึกถึงมันอยู่บ่อย ๆ มันเป็นเรื่องประหลาดที่ค่อนข้างยืดยาวเกี่ยวกับการเดินทางออกสำรวจดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง และในเรื่องมีนักสำรวจผู้แสนซื่อสัตย์คนหนึ่งถูกปล่อยทิ้งหลังเสร็จสิ้นภารกิจ ต้องอยู่รอคอยความช่วยเหลืออย่างโดดเดี่ยวจากศูนย์อพยพ ถึงตอนนี้เธอยังคงรอใครสักคนอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนั้น
8F4 ไม่สามารถเชื่อมต่อภาพจากกล้องภายนอกยานได้อีก เธอเริ่มมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืดมิด ทรายจำนวนมากถูกกระแสลมพัดพาเข้ามา ถึงตอนนี้มันก่อตัวหนาและเริ่มฝังกลบยานทั้งลำ อีกเพียงไม่กี่อึดใจ จะไร้ร่องรอยว่ามีสิ่งใดเคยร่วงหล่น --
......................................................
Link ที่เกี่ยวข้อง
“บางกอกไลฟ์นิวส์” เปิดรับ “เรื่องสั้น” และ “บทกวี”