เตือนรับมือ ‘Weather Whiplash’ สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้ว !!
เตือนรับมือ ‘Weather Whiplash’ สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้ว !!
“เสรี ศุภราทิตย์” เตือน รับมือ “Weather Whiplash” สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้ว ระบุ มีแนวโน้ม มากขึ้น เร็วขึ้น รุนแรงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญคณะกรรมการระหว่างรัฐบาล ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) และประธานกรรมการบริหาร Futuretales LAB, MQDC ได้เผยแพร่ข้อความและรูปภาพ ให้ทำความรู้จักกับ “Weather Whiplash” สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้ว ที่มีแนวโน้ม มากขึ้น เร็วขึ้น และรุนแรงขึ้น โดยมีเนื้อหา ดังนี้
“#มารู้จัก ‘Weather Whiplash’ สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้ว
#สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้วมีแนวโน้มมากขึ้น เร็วขึ้น รุนแรงขึ้น ?
สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้ว หรือ Weather whiplash เป็นเหตุการณ์ที่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงจากร้อน แล้ง ไปสู่การมีฝนตกหนัก น้ำท่วมรุนแรง หรือเปลี่ยนแปลงในทางกลับกันจากเหตุการณ์ฝนตกหนัก น้ำท่วมรุนแรง ไปสู่ความแห้งแล้ง ในระยะเวลาจำกัด ซึ่งยากต่อการคาดการณ์ ดังนั้นเราจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมทุกปี ไม่ว่าจะเกิด หรือไม่เกิดสภาพอากาศแปรปรวนแบบ El Nino หรือ La Nina
ทั้งนี้ เนื่องจากอุณหภูมิโลกที่ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง (ปี 2566 สูงที่สุดตั้งแต่มีการจดบันทึก) ทำให้อัตราการระเหยมากขึ้น ความชื้นสูงขึ้นในชั้นบรรยากาศ (โดยทฤษฎี ทุก ๆ 1 oC ที่อุณหภูมิสูงขึ้น จะมีน้ำระเหยสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้น 7%) เมื่อโลกเสียสมดุลวัฏจักรน้ำ ย่อมเกิดเหตุการณ์วิกฤตตามมา ?
สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้วกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก (น้ำท่วมสเปน บริเวณภูมิภาคตะวันออกกลางหลายประเทศที่เป็นทะเลทราย และล่าสุดไฟป่าในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมทั้งความหนาวเย็นทั่วโลก) รวมทั้งประเทศไทยต้นปี 2566 เผชิญกับความร้อน แล้งส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมอย่างรุนแรง (GDP ภาคเกษตรกรรมติดลบ 6.4%) ต่อมาตั้งแต่ช่วงกลางปีจนถึงปลายปีกลับเกิดฝนตกหนักในรอบกว่า 100-1,000 ปี ในหลายพื้นที่ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งรุนแรง สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 50,000 ล้านบาท โดยมีผู้เสียชีวิตกว่า 90 คน ?
มีการประเมินสภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้วในอนาคตว่าจะเกิดบ่อยครั้งขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 170 % มีช่วงเวลาที่สั้นลง และมีความรุนแรงมากขึ้น (ดูรูปแนบ) โดยเฉพาะไทยเป็นหนึ่งในประเทศจะได้รับผลกระทบที่รุนแรง (เฉดสีแดงเข้ม) ดังนั้นการเตรียมความพร้อมทุกภาคส่วนจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
1) การประเมินความเสี่ยง และความรุนแรงจากสภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้วรายละเอียดเชิงพื้นที่
2) การสร้างความเข้าใจ และความตระหนักต่อความเสี่ยง และระดับความรุนแรงเชิงพื้นที่
3) การพัฒนาแผนงาน ฯ โครงการฯป้องกันลดผลกระทบ และการปรับตัว
4) การออกแบบ และประเมินราคาแผนงาน และโครงการฯ
5) การจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน และบรรจุแผนงานฯเพื่อขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล และหน่วยงานต่าง ๆ
และ 6) การติดตาม ประเมินสถานการณ์เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการจัดการ
โดยที่ทีมกู้วิกฤตน้ำ มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ โดยความร่วมมือภาคเอกชนหลายแห่ง กำลังดำเนินตามภารกิจเร่งด่วนในหลายพื้นที่ ชุมชน เทศบาล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดต้องการติดต่อ โปรดประสานได้ที่ คุณนพดล มากทอง โทร 099-0288333”
//................
//................