ไม่มี 'มาเรียม' ไม่มีวันนี้ !! 3 ปี ต่อยอด 'อนุรักษ์' ยั่งยืน !!
ไม่มี 'มาเรียม' ไม่มีวันนี้ !! 3 ปี ต่อยอด 'อนุรักษ์' ยั่งยืน !!
“ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์” ระบุ “น้องมาเรียม” คือ “หัวใจ” ของการ “อนุรักษ์พะยูนไทย” ชัดเจนจากผลสำเร็จใน 3 ปีนี้ ไม่เฉพาะแค่ “พะยูน” แต่ยังส่งต่อถึงสัตว์หายากอื่น ๆ ย้ำ ต้องเดินหน้าต่อไป
“ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์” รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เผยแพร่ข้อความและรูปภาพ ผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว “Thon Thamrongnawasawat” ระบุถึงความสำเร็จใน 3 ปีที่คงไม่มีหากขาด “น้องมาเรียม” โดยมีเนื้อหา ดังนี้
“มาเรียม จากไป เกิดกระแสฮือฮาครั้งใหญ่ จากนั้นก็เงียบไปตามสไตล์เมืองไทยใช่ไหมล่ะ ?
คำตอบคือไม่ใช่ครับ วันนี้ อาจารย์ธรณ์ จึงอยากเล่าเรื่องความสำเร็จใน 3 ปีที่คงไม่มีหากขาดน้องมาเรียม
ขอเริ่มจากน้องมาเรียมเมื่อ 3 ปีก่อน คนทั้งประเทศรู้จักและสนใจ แต่กระแสย่อมจางหายไป หากเราไม่คิดต่อยอดทำอะไรจากกระแส
ผู้เกี่ยวข้องในตอนนั้น จึงช่วยกันทำให้เกิดแผนพะยูนแห่งชาติ ระยะที่ 1 (2563-65)
อ่านผ่าน ๆ อาจเห็นว่าไม่สำคัญ แต่แท้จริง มาเรียม คือ หัวใจของการอนุรักษ์พะยูนไทย เพราะไม่มีมาเรียม ย่อมไม่มีแผนนี้
เราไม่มีแผน “แห่งชาติ” สำหรับสัตว์หายากอื่น ๆ ทั้งหลายทั้งปวง แนวปะการังที่ว่าสำคัญหนักหนาก็ยังไม่มี
ความสำคัญของ “แห่งชาติ” ยกระดับในทุกมิติ การประชุม งบประมาณ ฯลฯ ทำให้การอนุรักษ์พะยูนโดดเด่นขึ้นมา
ต้องขอบคุณท่านรัฐมนตรีวราวุธที่สนับสนุนแผนนี้
ในแผนระยะแรก เราตั้งเป้าไว้ 280 ตัว
ด้วยข้อจำกัดด้านต่าง ๆ แม้เป็นแห่งชาติก็ไม่ใช่ได้งบเต็มจำนวน ยิ่งเมืองไทยยุคนี้ไม่ค่อยมีตังค์สำหรับงานธรรมชาติ งบโดนตัดครึ่งค่อนเป็นเรื่องปรกติ
จึงอยากปรบมือให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง เพราะแม้โดนหั่นงบ แต่ผลที่เกิดขึ้น 3 ปีไม่ได้ขี้เหร่เลย
เดิมทีเรามีพะยูน 250 ตัว (2563) ข้อมูลสุดจากการสำรวจในปี 2565 เรามีพะยูน 272 ตัว
แม้จะต่ำกว่าเป้าไป 8 ตัว (280) แต่ได้เงินแค่นี้ ทำได้ถึงเท่านี้
ซึ่งนั่นก็โยงกลับมาที่ มาเรียม ทำให้คนรู้จักพะยูน พูดถึงพะยูน ลุงป้าน้าอาตามชายฝั่งทะเลที่มีพะยูนก็ยิ่งอยากช่วย
ผลสำเร็จที่เกิดขึ้น เอาตัวเลขมาบอกกันตรง ๆ ได้เลย เช่น
- เราทำ 48 กิจกรรมในช่วง 3 ปี
- อัตราตายของพะยูนจากเครื่องมือประมง จากร้อยละ 89 เหลือแค่ไม่เกินร้อยละ 14
- การช่วยพะยูนเกยตื้นให้รอด จากร้อยละ 62 กลายเป็นร้อยละ 75-100
- ศูนย์ช่วยชีวิตจากเดิมไม่มี ตอนนี้มีแล้ว 3 แห่ง (ภูเก็ตเสร็จแล้ว ระยองกำลังสร้าง ตรังอยู่ในแผน)
- อบรมแบบต่าง ๆ 700 คน ซึ่งมีความหมายในการดูแลและช่วยชีวิตอย่างมาก
- ประกาศ 17 สิงหาคม เป็นวันพะยูนแห่งชาติ (หากจำกันได้ อาจารย์รูปหล่อคนหนึ่งเป็นผู้เสนอ)
ยังรวมถึงมาตรการต่าง ๆ ที่ผ่านไปด้วยดี เช่น พื้นที่อนุรักษ์ทะเลจังหวัดตรัง ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อพะยูนโดยเฉพาะ
การประชุมกรรมการพะยูนชาติเมื่อเช้านี้ หลังจากร้องไชโย เราสรุปชัดเจนว่าเราจะไปต่อระยะ 2 (2566-68) โดยมติเป็นเอกฉันท์
ผมเสนอกับที่ประชุมว่า มี 1 ประเด็นสำคัญสุด
นั่นคือตั้งเป้าหมายให้ชัด พื้นที่ใดควรมี พะยูน เท่าใด
เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะ พะยูน กิน หญ้าทะเล จำนวน พะยูน กับ แหล่งหญ้า จึงสัมพันธ์กัน
แต่ละพื้นที่ ปริมาณ พะยูน ต้องเหมาะสมกับ แหล่งหญ้าทะเล มิฉะนั้นอาจมีปัญหาในที่สุด
กรณีสัตว์ป่าบางชนิดที่มีป่าไม่พออยู่ คงเป็นตัวอย่างที่ดี
ในแผน 2 เราหวังว่าจะได้ตัวเลขเป๊ะ ๆ ว่าแหล่งหญ้าตรงนี้ ควรมี พะยูน กี่ตัว บางพื้นที่อาจมี พะยูน พอแล้ว บางที่อาจยังน้อยเกินไป
นั่นคือเป้าหมายรวมที่จะนำไปกำหนดแผนสำรวจ/อนุรักษ์ ฯลฯ ให้สอดคล้องกับพื้นที่
เรายังมี 19 ข้อเสนอแนะจากการประชุมพะยูนแห่งชาติในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งคงไม่ลงรายละเอียด แต่บอกได้ว่าครอบคลุมเกือบทุกเรื่อง
ข้อดีคือสัปดาห์หน้า มีการประชุมผู้เชี่ยวชาญเรื่อง โลมาอิรวดี ใน ทะเลสาบสงขลา ข้อเสนอจาก พะยูน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
ว่าง่าย ๆ คือ น้องมาเรียม เผื่อแผ่ถึงเพื่อนร่วมโลกด้วยนะ
ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมา โชคชะตาของผมผูกพันกับสัตว์ทะเลหายากเป็นพิเศษ นับนิ้วเล่น ๆ ทั้งเดือนนี้น่าจะประชุม 15 ครั้ง
หลับตาทีไร โลมา พะยูน เต่ามะเฟือง ลอยวนอยู่ในฝัน
น้อง ๆ คนไหนอยากโตมาทำงานช่วยสัตว์ทะเลหายาก บอกเลยว่างานเพียบ
สุดท้าย อยากบอก เพื่อนธรณ์ว่า กระแสอาจหมด แต่คำสัญญาไม่หมดตามกระแส
สัญญาอะไรกับตัวเองไว้ จำได้ดี
และจะทำต่อไป พร้อมกับเพื่อน ๆ ทุกคนที่ช่วยกันผลักดันและทำจนแผนพะยูนแห่งชาติมาได้จนถึงตรงนี้
250 สู่ 272
ยิ่งต้องขอบคุณทุกท่านที่พยายามในเส้นทางของตัวเอง เพื่อรักษา พะยูน ไว้ให้อยู่ต่อไปในบ้านเรา
รวมถึง เพื่อนธรณ์ ผู้ยังคงลดขยะ/ท่องเที่ยวอย่างน่ารักอยู่ใช่ไหมครับ
ภาพ - ช่างกล้องสุดหล่อชื่อชินนี่ เป็นภาพที่ผมอยากบอกว่าส่งผลต่อการอนุรักษ์ทะเลมากที่สุดในรอบทศวรรษ”
//............
//............