เจาะ ‘เซลล์มะเร็ง’ หาสาเหตุ ‘มะเร็ง’ ช่วยรักษาตรงจุด !!

เจาะ ‘เซลล์มะเร็ง’ หาสาเหตุ ‘มะเร็ง’ ช่วยรักษาตรงจุด !!

 

              “มะเร็ง” เกิดจากหลากหลายปัจจัย แนะ วิเคราะห์หาสาเหตุของการเกิดมะเร็ง ในระดับ “รหัสพันธุกรรม” ของ “เซลล์มะเร็ง” ช่วยวางแผนการรักษาที่ตรงจุด

 

              Precision Cancer Medicine วิเคราะห์หาสาเหตุการเกิดมะเร็งจากเซลล์มะเร็ง เพื่อวางแผนการรักษาที่ตรงจุด

 

              สาเหตุของการเกิดมะเร็งมีได้หลากหลายปัจจัย หากเลือกวิธีการรักษาที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้อาการแย่ลง หรือมีผลข้างเคียงอื่นเกิดขึ้นตามมา การตรวจหาสาเหตุของการเกิดมะเร็ง เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม จะเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด

 

              นพ.วิกรม เจนเนติสิน อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยาและเคมีบำบัด ศูนย์เมต้าเวิร์ส (มะเร็งและโรคเลือด) โรงพยาบาลนวเวช ได้อธิบายถึงการรักษาแบบ Precision Cancer Medicine ที่จะช่วยวิเคราะห์หาสาเหตุของการเกิดมะเร็งถึงระดับรหัสพันธุกรรมของเซลล์มะเร็ง เพื่อนำมาใช้วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ทำให้การรักษานั้น ตอบโจทย์คนไข้แต่ละคนและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 


นพ.วิกรม เจนเนติสิน 

 

              ทั้งนี้ จากข้อมูลสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่า จำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ในปี 2564 มีมากถึง 139,206 คนต่อปี และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 84,073 คนต่อปี โดยโรคมะเร็งที่พบมาก 5 อันดับในคนไทย ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการรักษามะเร็งในปัจจุบันมีวิวัฒนาการที่ดีขึ้น ทั้งเรื่องของเทคโลยีการคัดกรอง การให้ยาเคมีบำบัดที่สามารถลดผลข้างเคียง และได้รับการรักษาที่เฉพาะเจาะจงกับคนไข้แต่ละบุคคลมากขึ้น

 

              การรักษามะเร็งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การค้นหาสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งของแต่ละบุคคลว่า เกิดจากสาเหตุใด ซึ่งการค้นหาสามารถทำได้ โดยการตรวจเซลล์มะเร็งของคนไข้ว่า เซลล์ที่ผิดปกติจนทำให้เกิดเป็นมะเร็งเกิดขึ้นจากกลไกใด และยาชนิดใด ที่จะสามารถยับยั้งกลไกที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ เราจะได้เลือกใช้ยาให้ถูกต้อง เป็นแบบเฉพาะบุคคลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเราจะเรียกการรักษาแบบนี้ว่า Precision Cancer Medicine เพราะมะเร็งที่อวัยวะเดียวกัน อาจจะเกิดจากเซลล์มะเร็งที่มีกลไกการเกิดโรคคนละแบบได้

 

              Precision Cancer Medicine คือการตรวจวิเคราะห์เซลล์มะเร็งที่จะได้ข้อมูลมากกว่า ชนิด ระยะ หรือหน้าตาของมะเร็ง แต่จะเป็นการตรวจแบบเจาะจงลงไปในระดับรหัสพันธุกรรมมะเร็ง ซึ่งแพทย์จะใช้ชิ้นเนื้อมะเร็งของผู้ป่วย และหรือการเจาะเลือด (ตรวจหารหัสพันธุกรรมของเซลล์มะเร็งในกระแสเลือด) นำไปตรวจวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการ และนำไปวิเคราะห์บนฐานข้อมูลกลาง ที่เราเรียกว่า Big DATA ซึ่งจะสามารถบ่งชี้ถึงกลไกการเกิดโรค ที่มีความแตกต่างกันของแต่ละบุคคล ทำให้แพทย์สามารถเลือกใช้ยารักษามะเร็งที่เหมาะสม ลดหรือหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น ทำให้สามารถลดและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่มีโอกาสเกิดขึ้นตั้งแต่แรกได้

 

 

 

              “การรักษาแบบ Precision Cancer Medicine เราจะต้องนำข้อมูลรหัสพันธุกรรมของเซลล์มะเร็งของคนไข้แต่ละราย ที่ได้จากชิ้นเนื้อหรือเลือด ไปวิเคราะห์ผ่านเครื่องวิเคราะห์ยีน เพื่อดูข้อมูลความผิดปกติ และ การกลายพันธุ์ของยีน อย่างละเอียด แล้วนำข้อมูลไปวิเคราะห์เปรียบเทียบบนฐานข้อมูลกลาง ที่เราเรียกว่า Big DATA ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่า คนไข้มีความผิดปกติที่เซลล์มะเร็งแบบไหน และเราจะสามารถให้การรักษาด้วยวิธีไหน จึงจะดีและเห็นผลมากที่สุด”

 

              ทั้งนี้ การรักษาจะต้องวิเคราะห์รวมไปถึงโรคประจำตัว ความกังวล และข้อกำหนดของคนไข้ด้วยว่ามีอะไรบ้าง เช่น บางคนอาจจะกลัวผมร่วง เราจะมีวิธีการรักษาแบบไหนที่ตอบโจทย์ และได้ผลกับคนไข้รายนี้ ดังนั้น การรักษาแบบ Precision Cancer Medicine จึงเป็นการออกแบบมาเพื่อการรักษาแบบเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง

 

 

 

              อย่างไรก็ตาม เมื่อแพทย์ได้ทราบถึงสาเหตุที่สำคัญของการเกิดมะเร็งจากการตรวจ Precision Cancer Medicine แล้ว การวางแผนให้ยาในการรักษามะเร็งก็จะเป็นแบบเฉพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยวิธีการรักษา จะมีตั้งแต่

 

              1.การให้ยาต้านฮอร์โมน (Hormonal Therapy) เป็นยาที่เข้าไปยับยั้งการทำงานและหรือการสร้างฮอร์โมนเพศ ซึ่งจะสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งที่ถูกกระตุ้นจากฮอร์โมนเพศได้ เป็นตัวอย่างของ Precision Cancer Medicine ที่ใช้กันมานาน เพราะเป็นการใช้ยาที่ตรงกับสาเหตุของการเกิดโรคจริง ๆ ปัจจุบันใช้อย่างแพร่หลายในมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย และมะเร็งเต้านมในผู้หญิง เป็นต้น

 

              2.การใช้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) หลักการใช้ยาเคมีบำบัดใน Precision Cancer Medicine คือเราจะพยายามเลือกยาเคมีบำบัดที่เหมาะสมที่สุดกับโรคมะเร็งของคนไข้แต่ละคน โดยอาศัยข้อมูลทางรหัสพันธุกรรมมะเร็ง รวมถึงการตรวจวัดการตอบสนองของเซลล์มะเร็งต่อยาเคมีบำบัดแต่ละชนิดในห้องทดลอง (Cancer Avatar) ก่อนจะนำไปใช้กับผู้ป่วยจริง

 

              และหลักการสำคัญคือ เลือกใช้ยาเคมีบำบัดกับคนไข้ ที่จะได้ประโยชน์จากการให้ยาเคมีบำบัดจริง ๆ เท่านั้น ส่วนคนไข้ที่ไม่จำเป็นต้องได้รับยาเคมีบำบัด เนื่องจากไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ก็สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ยาเคมีบำบัดได้ ช่วยลดผลข้างเคียงที่ไม่จำเป็น โดยที่ประสิทธิภาพการรักษาไม่ได้ลดลง

 

              3.การใช้ยาพุ่งเป้า (Targeted Therapy) จากผลการวิเคราะห์กลไกการเกิดโรคมะเร็งของคนไข้แต่ละคน ทำให้เราทราบว่า กลไกหรือการเปลี่ยนแปลงของรหัสพันธุกรรมมะเร็งใด ที่ทำให้เซลล์ปกติเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง เราก็จะเลือกใช้ยาที่ไปยับยั้งโดยตรงแบบจำเพาะที่กลไกนั้น ๆ ทำให้รักษามะเร็งได้อย่างตรงจุด โดยไม่มีผลกับเซลล์ปกติ (หรือมีน้อยมาก) เพราะยาไปออกฤทธิ์เฉพาะที่ เฉพาะเซลล์มะเร็งที่มีรหัสพันธุกรรมที่ผิดปกติที่เป็นเป้าหมาย ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพสูง และลดผลข้างเคียงจากการรักษาได้มาก

 

              4.การรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) กลไกสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตหรือลุกลาม คือกลไกการหลีกเลี่ยงการตรวจจับของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ การรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด หลักการคือตัวยาจะทำหน้าที่ไปเปิดสวิตซ์ให้ระบบภูมิคุ้มกันเข้าไปกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

              แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า คนไข้คนไหนควรใช้การรักษาแบบนี้ คนไข้คนไหนจะตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีนี้ได้ดี Precision Cancer Medicine จึงเข้ามามีบทบาทในการคัดเลือกคนไข้ที่เหมาะสม โดยการตรวจหาตัวบ่งชี้สำคัญในเซลล์มะเร็งและเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อคาดคะเนการตอบสนองล่วงหน้าได้ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดให้คนไข้ได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพสูง คุ้มค่า และไม่เสียโอกาสในการรักษา 

 

              5.การรักษาด้วยเซลล์บำบัด (Cell Therapy) ในปัจจุบันเราสามารถเสริมเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดเซลล์มะเร็งเสริมให้ผู้ป่วยได้ โดยเลือกเสริมให้เหมาะกับสภาพร่างกายของคนไข้แต่ละคนจริง ๆ บางคนบกพร่องด้านจำนวน บางคนบกพร่องด้านคุณภาพ ซึ่งมีแนวทางการรักษาแตกต่างกัน อีกทั้งต้องเลือกเสริมเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันที่จำเพาะกับโรคมะเร็งของคนไข้แต่ละคน และแต่ละระยะอีกด้วย

 

              6.การรักษาโดยวัคซีนมะเร็ง (Cancer Vaccine) เป็นนวัตกรรมใหม่ในการรักษามะเร็งที่เกิดขึ้นแล้ว โดยวัคซีนมะเร็งจะมีความจำเพาะกับเซลล์มะเร็งของคนไข้แต่ละคน เนื่องจากสกัดออกมาจากเซลล์มะเร็งของคนไข้แต่ละคนจริง ๆ เพื่อช่วยให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของคนไข้คนนั้น ๆ สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น  ทำให้ช่วยชะลอหรือหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ทำให้ลดขนาดของก้อนมะเร็ง ป้องกันการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง หรือ กำจัดเซลล์มะเร็งที่ไม่ถูกฆ่าโดยการรักษาวิธีอื่น เช่น การผ่าตัด ฉายแสง หรือให้ยาเคมีบำบัด

 

 

 

              การรักษาด้วยวิธี Precision Cancer Medicine เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็ง เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ตรงจุดและเฉพาะบุคคลมากขึ้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และช่วยลดการเกิดผลข้างเคียงได้มากอีกด้วย

 

              ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์เมต้าเวิร์ส (มะเร็งและโรคเลือด) โรงพยาบาลนวเวช โทร. 02 483 9999 I https://www.navavej.com/

 

//...................