‘โรคหัวใจ’ ป้องกันและรักษาได้ !! หมั่นดูแลใส่ใจ ‘สุขภาพหัวใจ’

‘โรคหัวใจ’ ป้องกันและรักษาได้ !! หมั่นดูแลใส่ใจ ‘สุขภาพหัวใจ’

 

              “หัวใจ” เป็นเรื่องภายในที่ต้องได้รับการใส่ใจดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้หัวใจสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี เราจึงต้องหมั่นตรวจสุขภาพหัวใจอยู่เป็นประจำ

 

              ทั้งนี้ แม้ว่า โรคหัวใจจะครองสถิติการเสียชีวิตเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยและของโลก แต่ถ้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โรคหัวใจก็สามารถป้องกันและรักษาได้

 

              พญ.ณหทัย ฉัตรสิงห์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ ศูนย์โรคหัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลนวเวช ได้นำข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่อง “หัวใจ” มาอธิบายให้เข้าใจง่าย โดยเน้นไปที่ความสำคัญของการตรวจสุขภาพหัวใจ รูปแบบการตรวจ รวมไปถึงแนวทางในการป้องกันและดูแลเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ

 


พญ.ณหทัย ฉัตรสิงห์ 

 

              การตรวจสุขภาพหัวใจมีความสำคัญอย่างไร

 

              หัวใจเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งหัวใจเป็นอวัยวะที่ต้องทำงานตลอดเวลา เมื่อเวลาผ่านไปการทำงานของหัวใจก็จะเริ่มเสื่อมลง ซึ่งอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจนับเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมาโดยตลอด ดังนั้น การตรวจสุขภาพหัวใจจึงมีความจำเป็น เพื่อค้นพบปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและรักษาก่อนที่จะมีอาการรุนแรง

 

 

 

              การตรวจสุขภาพหัวใจมีกี่ประเภท

 

              1.การตรวจสุขภาพหัวใจ เครื่องมือแรก คือ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiography: EKG, ECG) เป็นการตรวจคัดกรองที่ง่าย ไม่มีความเจ็บปวด สะดวกรวดเร็ว ใช้เวลาประมาณ 5 นาที โดยใช้วิธีการติดแผ่น Electrode ที่หน้าอก เพื่อจับสัญญาณไฟฟ้าที่ออกจากหัวใจ ผลของการตรวจจะบันทึกออกมาในรูปแบบของกราฟแสดงคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจชนิดนี้สามารถบอกภาวะหัวใจที่เต้นผิดจังหวะบางชนิด บอกลักษณะเส้นเลือดหัวใจที่ตีบ หรือลักษณะโครงสร้างหัวใจที่ผิดปกติได้

 

              2.การเดินสายพาน หรือเรียกย่อ ๆ ว่า EST (Exercise Stress Test)  เป็นวิธีการตรวจที่ให้ผู้ตรวจออกกำลังกาย พร้อมทั้งติดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยจะสามารถประเมินสมรรถภาพของหัวใจ ความแข็งแรงของร่างกาย คัดกรองเส้นเลือดหัวใจตีบ และโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะระหว่างการออกกำลังกาย หรือดูความดันโลหิตสูงระหว่างการออกกำลังกายที่อาจจะเป็นข้อห้ามของการออกกำลังกายได้

 

              3.การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ หรืออัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiogram) เป็นการตรวจโดยใช้คลื่นเสียง เพื่อดูการทำงานของหัวใจ จะเห็นลักษณะหัวใจ ขนาดหัวใจ การบีบตัว การคลายตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ และเยื่อหุ้มหัวใจ โดยการตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจใช้เวลาสั้น ๆ ประมาณ 15-30 นาที ไม่มีอันตราย และไม่มีความเจ็บปวด

 

              4.การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อหาแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Calcium Scan ; CAC) เพื่อดูแคลเซียมในผนังของเส้นเลือดหัวใจ เป็นการตรวจวิธีใหม่ ซึ่งการตรวจทำได้ง่ายใช้เวลาประมาณ 15 นาที ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องเจาะเลือด ไม่ต้องฉีดสารทึบรังสี หลักการคือ ถ้าเส้นเลือดหัวใจเริ่มมีความเสื่อมจะเกิดการอักเสบและเกิดลักษณะคล้ายแผลเป็นที่เรียกว่า “แคลเซียม” ดังนั้น ถ้ายังไม่พบแคลเซียมในเส้นเลือดหัวใจโอกาสเสียชีวิตจากโรคหัวใจน้อยกว่า 1 % ใน 10 ปี ซึ่งถือว่าต่ำมาก ดังนั้น การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์จะใช้ตรวจในคนที่มีความเสี่ยงกับการเกิดโรคหัวใจที่ต้องการดูว่าจำเป็นที่ต้องรักษา หรือป้องกันการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจ

 

 

 

              ควรป้องกัน และดูแลรักษาไม่ให้เกิดโรคหัวใจอย่างไร

 

              “โรคหัวใจ” เป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้ โดยการป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ต้องเริ่มจากการดูแลสุขภาพ ตั้งแต่การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ลดการสูบบุหรี่ และพยายามควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต และไขมันในเลือดสูง ทั้งนี้ โรคหัวใจรักษาได้ ถ้ามาตรวจคัดกรองสุขภาพหัวใจ ก่อนที่จะมีอาการรุนแรง และสามารถช่วยดูแลหัวใจ ให้แข็งแรงไปนาน ๆ

 

              หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์โรคหัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลนวเวช โทร. 02 483 9999 I https://www.navavej.com/

 

//................