การดูแล ‘ทันตกรรม’ ใน ‘ผู้สูงอายุ’

การดูแล ‘ทันตกรรม’ ใน ‘ผู้สูงอายุ’

 

              สุขภาพช่องปากเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุ เนื่องจากปัญหาสุขภาพในช่องปากส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต ประกอบกับผู้สูงอายุส่วนใหญ่ประสบปัญหาสุขภาพร่างกาย มีโรคประจำตัว ทำให้มีความเปราะบางและซับซ้อนต่อการทำทันตกรรม ดังนั้น ‘ทันตกรรมในผู้สูงอายุ’ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์เฉพาะทาง

 

              ทพญ.รัฐนันท์ โล่ศุภกาญจน์ ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมผู้สูงอายุ ศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลนวเวช รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทันตกรรมในผู้สูงอายุ พร้อมอธิบายถึงเหตุปัจจัยที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ เมื่อผู้สูงอายุต้องเข้ารับการทำทันตกรรมภายในช่องปาก ทั้งนี้ เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุ การเปลี่ยนแปลงในช่องปากของผู้สูงอายุ รวมไปถึงการดูแลสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

 


ทพญ.รัฐนันท์ โล่ศุภกาญจน์

 

              เมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะทุกอย่างก็เสื่อมลง จากผลการศึกษาพบว่าผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 50 มีโรคเรื้อรังอย่างน้อยหนึ่งโรค และมีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่มีโรคเรื้อรังหลายโรค ดังนั้น การดูแลทางทันตกรรมในผู้ป่วยสูงอายุนอกจากจะต้องคำนึงถึงสุขภาพช่องปากที่มีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติแล้ว ยังต้องคำนึงถึงภาวะแทรกซ้อนจากยาและการรักษาอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งทันตแพทย์จะต้องประเมินสุขภาพผู้สูงอายุแบบองค์รวม และควรมีการปรึกษาร่วมกันระหว่างทันตแพทย์กับแพทย์ผู้ทำการรักษาโรคประจำตัวของผู้สูงอายุ

 

              การซักประวัตินอกเหนือจากประวัติทางทันตกรรมแล้ว หากทราบชื่อโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ด้วยก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ผู้สูงอายุและญาติควรเตรียมประวัติทางการแพทย์ รายชื่อยาที่ได้รับทั้งแบบรับประทานและยาฉีด รวมถึงขนาดยาและความถี่ที่ได้รับ เพื่อแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

 

              ปัญหาสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุ

 

              ปัญหาสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุที่พบได้บ่อย ได้แก่ โรคฟันผุ ฟันสึก โรคเหงือก ปัญหาการสูญเสียฟัน ภาวะปากแห้งน้ำลายน้อย รวมถึงรอยโรคในช่องปากและมะเร็งช่องปาก ซึ่งปัญหาสุขภาพช่องปากหลายอย่างมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และยังสัมพันธ์กับสุขภาพร่างกายทั่วไปด้วย เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคปอดอักเสบจากการสำลัก ภาวะทุพโภชนาการ เป็นต้น

 

              นอกจากนี้ ปัญหาสุขภาพช่องปากยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การพูด การรับประทานอาหาร การนอน ตลอดจนความสวยงาม การยิ้ม การหัวเราะ และความมั่นใจในการดำเนินชีวิตอีกด้วย

 

 

 

              การเปลี่ยนแปลงในช่องปากของผู้สูงอายุ

 

              การเปลี่ยนแปลงในช่องปากของผู้สูงอายุ เป็นผลเนื่องมาจากความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ เป็นต้นว่า เยื่อบุผิวบางลง ความยืดหยุ่นลดลง ต่อมน้ำลายเสื่อม ระบบภูมิคุ้มกันทำงานลดลง ติดเชื้อง่าย แผลหายช้า เป็นต้น หนึ่งในปัญหาสุขภาพช่องปากที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุคือ ภาวะปากแห้งน้ำลายน้อย

 

              ภาวะปากแห้งน้ำลายน้อย

             

              สาเหตุของภาวะปากแห้งน้ำลายน้อย นอกจากต่อมน้ำลายเสื่อมตามอายุขัยแล้ว พบว่าส่วนใหญ่มาจากการรับประทานยารักษาโรคประจำตัวต่าง ๆ ของผู้สูงอายุ เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาแก้เครียด ยาแก้แพ้ เป็นต้น

 

              นอกจากนี้ การรักษาโรคมะเร็งบริเวณศีรษะ และลำคอ ก็นับว่า เป็นสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งของภาวะปากแห้งน้ำลายน้อย ซึ่งภาวะนี้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต เช่น การรับประทานอาหารลำบากและไม่อร่อย ปัญหาการกลืนลำบาก เกิดความเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร ทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ และยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคฟันผุและโรคปริทันต์เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากน้ำลายเป็นตัวชะล้างตามธรรมชาติ 

 

              ทั้งนี้ เมื่อปากแห้ง เนื้อเยื่อขาดความชุ่มชื้น ก็จะเกิดแผลในปากได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเกิดการเสียดสีกับสิ่งต่าง ๆ เช่น อาหารหรือแม้กระทั่งฟันปลอม และเมื่อน้ำลายหลั่งน้อย สารโปรตีนต่าง ๆ ที่มีอยู่ในน้ำลายที่ทำหน้าที่ต้านจุลชีพก็จะหลั่งออกมาน้อยด้วย จึงมีโอกาสติดเชื้อต่าง ๆ ได้มากขึ้น เช่น เชื้อราในช่องปาก ดังนั้น การดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุจึงต้องคำนึงถึงการจัดการ การเกิดภาวะปากแห้งน้ำลายน้อยด้วย เพื่อช่วยลดความรุนแรงของโรคเหงือกและฟัน

 

 

              การดูแลสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุ

 

              การดูแลสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากได้ โดยผู้สูงอายุควรแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละสองครั้ง ร่วมกับการใช้อุปกรณ์เสริมในการทำความสะอาดบริเวณซอกฟัน เช่น ไหมขัดฟัน หรือ แปรงซอกฟัน และดูแลทำความสะอาดฟันเทียมหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อลดการสะสมของเศษอาหารและเชื้อจุลินทรีย์

 

              ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถดูแลทำความสะอาดช่องปากได้เอง ก็จำเป็นต้องมีผู้ดูแลคอยช่วยเหลือด้านการทำความสะอาดช่องปาก

 

              นอกจากนี้ ผู้สูงอายุควรได้รับการส่งเสริมสุขภาพในด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น การเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือร้อนจัด เลือกบริโภคน้ำตาลในปริมาณจำกัด ลดการรับประทานของหวานระหว่างมื้อ เพื่อป้องกันโรคฟันผุ ในกรณีที่น้ำลายน้อยมากอาจแนะนำให้จิบน้ำบ่อย ๆ

 

              ผู้สูงอายุควรได้รับการดูแลสุขภาพในช่องปากจากทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ อาจจะปีละ 2-4 ครั้ง เพื่อรับการตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ รับบริการทันตกรรมป้องกัน เช่น การทำความสะอาดฟัน การเคลือบฟลูออไรด์ เพื่อป้องกันโรคฟันผุและโรคปริทันต์ และรับบริการทันตกรรมรักษาที่จำเป็นก่อนที่โรคในช่องปากจะรุนแรงมากขึ้น

 

              ทั้งนี้ เมื่อผู้สูงอายุและญาติมีความเข้าใจ และสามารถดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างดีแล้ว ก็จะสามารถมีสุขภาพช่องปากที่ดีได้เหมือนที่เคยเป็นในครั้งวัยหนุ่มสาว ซึ่งจะเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ

 

              หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์ทันตกรรม โทร. 02 483 9999 I https://navavej.com/

 

//......................