ประกาศแล้ว “ศิลปินแห่งชาติ” 2564

กวช. แถลงผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ 2564 “ปิยะพร ศักดิ์เกษม” และ “ประชาคม ลุนาชัย” สาขาวรรณศิลป์ ขณะที่สาขาศิลปะการแสดง ยกย่อง “สลา  คุณวุฒิ” และ  “นพพล  โกมารชุน”

          นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รองประธานกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ แถลงผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2564 ผ่าน Facebook Live Fan Page กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2565 ซึ่งมีนายวิษณุ  เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นประธานฯ ผ่านระบบซูม

 

 

          นายอิทธิพล เปิดเผยว่า ผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ 2564 มีบุคคลที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ จำนวน 12 คน รวม 3 สาขา ประกอบด้วย สาขาทัศนศิลป์ จำนวน 4 คน ได้แก่ นางวรรณี  ชัชวาลทิพากร (ภาพถ่าย) ศาสตราจารย์ถาวร  โกอุดมวิทย์ (ภาพพิมพ์) ศาสตราจารย์เกียรติคุณอรศิริ  ปาณินท์ (สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น) และนายมีชัย  แต้สุจริยา (ทอผ้า)

 

 

          ขณะที่ สาขาวรรณศิลป์ มีจำนวน 2 คน ได้แก่ นางนันทพร  ศานติเกษม (นามปากกา ปิยะพร ศักดิ์เกษม) และนายวิชชา  ลุนาชัย (นามปากกา ประชาคม ลุนาชัย) ส่วนสาขาศิลปะการแสดง มีจำนวน 6 คน ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์ (โนรา) นายกำปั่น  นิธิวรไพบูลย์ (เพลงโคราช) นายไพฑูรย์  เข้มแข็ง (นาฏศิลป์ไทย - โขน ละคร) ศาสตราจารย์ณรงค์ฤทธิ์  ธรรมบุตร (ดนตรีสากล - ประพันธ์เพลงคลาสสิก) นายสลา  คุณวุฒิ (ดนตรีไทยสากล - ประพันธ์เพลงไทยลูกทุ่ง) และนายนพพล  โกมารชุน (ภาพยนตร์และละคร)

 

 

          นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า ผู้ที่ได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ จะได้รับสวัสดิการประกอบด้วย ค่าตอบแทนรายเดือนๆ ละ 25,000 บาท (สองหมื่นห้าพันบาทถ้วน) ตลอดระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่ ค่ารักษาพยาบาลตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลโดยอนุโลม เว้นแต่มีสิทธิเบิกจากหน่วยงานอื่น ให้เบิกจากหน่วยงานนั้นก่อน ถ้าเบิกจากหน่วยงานนั้นได้ต่ำกว่าสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ให้มีสิทธิเบิกในส่วนที่ยังขาดอยู่ได้อีกภายในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท ต่อปีงบประมาณ  เงินช่วยเหลือเมื่อประสบสาธารณภัย รายละไม่เกิน 50,000 บาท ต่อครั้ง ค่าของเยี่ยมในยามเจ็บป่วยหรือในโอกาสสำคัญเท่าที่จ่ายจริง รายละไม่เกิน 3,000 บาท ต่อครั้ง และกรณีเสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือบำเพ็ญกุศลศพ รายละ 20,000 บาท และเงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริง รายละไม่เกิน 150,000 บาท  เป็นต้น

 

 

          ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จะทำหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสนำศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2564 ทั้ง 12 คน เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานโล่และเข็มเชิดชูเกียรติ ในวัน เวลา ตามแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ 

 

 

          นายอิทธิพล คุณปลื้ม ยังได้เปิดเผยถึงเกณฑ์การคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ ประกอบด้วย 3 หลักเกณฑ์ใหญ่ คือ

          เกณฑ์ที่ 1. คุณสมบัติของศิลปินแห่งชาติ  ได้แก่ เป็นผู้มีสัญชาติไทยและยังมีชีวิตอยู่ในวันประกาศยกย่อง  เป็นผู้มีคุณธรรม มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ และมีผลงานดีเด่นเป็นที่ยอมรับของวงการศิลปะในสาขานั้น  เป็นผู้สร้างสรรค์และพัฒนาศิลปะในสาขาที่ได้รับการประกาศยกย่อง  เป็นผู้ผดุง ถ่ายทอด เผยแพร่ หรือเป็นต้นแบบศิลปะในสาขาที่ได้รับการประกาศยกย่อง  เป็นผู้ทุ่มเทอุทิศตนเพื่องานศิลปะ และมีผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม  ไม่มีความประพฤติเสื่อมเสีย และไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือ ความผิดลหุโทษ

          เกณฑ์ที่ 2. คุณค่ามาตรฐานผลงานศิลปะของศิลปินแห่งชาติ  ผลงานต้องสื่อให้เห็นถึงคุณค่าในความดี ความจริง ความงาม อารมณ์ และคุณค่าทางจิตวิญญาณ แสดงออกถึงแนวคิด สร้างพลังความรู้และพัฒนาสติปัญญาแก่มนุษยชาติ ก่อให้เกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ และส่งเสริมจินตนาการ และเป็นผลงานสร้างสรรค์มีเอกลักษณ์ มีทักษะสูงส่ง มีกลวิธีเชิงสร้างสรรค์ ไม่แสดงเจตนาหรือจงใจคัดลอกหรือเลียนแบบผลงานของผู้อื่นทั้งเปิดเผยและแอบแฝง

          เกณฑ์ที่ 3. การเผยแพร่และการยอมรับคุณค่าผลงานของศิลปินแห่งชาติ ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นศิลปินแห่งชาติ จะต้องมีการเผยแพร่ผลงานและได้รับการยอมรับ คุณค่าในผลงาน ดังนี้ เป็นผลงานที่ได้รับการจัดแสดง ถ่ายทอดหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง มีหลักฐาน อ้างอิง โดยเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงแนวคิด พัฒนาการทางงานศิลปะอย่างเด่นชัด และเป็นผลงานได้รับรางวัล หรือเกียรติคุณระดับภูมิภาค ระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ ซึ่งมีกระบวนการพิจารณาที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ

          อนึ่ง การคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ จะทำการคัดเลือกใน 3 สาขา ได้แก่

          1. สาขาทัศนศิลป์ หมายถึง ศิลปะที่มองเห็นได้ด้วยตา แบ่งเป็น วิจิตรศิลป์ ประยุกต์ศิลป์ การออกแบบและประณีตศิลป์ วิจิตรศิลป์ ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ สื่อผสม ภาพถ่าย ประยุกต์ศิลป์ ได้แก่ สถาปัตยกรรมไทย - ร่วมสมัย ภูมิสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมผังเมือง มัณฑนศิลป์ ส่วนศิลปะการออกแบบและประณีตศิลป์ ได้แก่ ออกแบบแฟชั่น ออกแบบอุตสาหกรรม หัตถศิลป์ ช่างสิบหมู่ หัตถกรรมพื้นบ้าน เป็นต้น

          2. สาขาวรรณศิลป์ หมายถึง บทประพันธ์ที่แต่งอย่างมีศิลปะทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง มีองค์ประกอบที่สำคัญคือ ความรู้สึกสะเทือนใจ ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการและกลวิธีเสนออย่างมีชั้นเชิง

          3. สาขาศิลปะการแสดง หมายถึง ศิลปะที่สื่อสารผ่านการแสดงเพื่อสร้างความบันเทิงและจรรโลงใจให้ผู้คนและสังคม ทั่งแบบไทยประเพณี ประยุกต์ สากล และแบบพื้นบ้าน ประกอบด้วย 1.ดนตรีไทย นาฏศิลป์ไทยและศิลปะการแสดงพื้นบ้าน 2.ดนตรีสากลและนาฏศิลป์สากล 3.ภาพยนตร์และละคร 

          นับตั้งแต่เริ่มโครงการศิลปินแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ.2527 มีศิลปินแห่งชาติ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ ตั้งแต่ พ.ศ. 2528 - 2563 แล้วจำนวน 331คน และในปี พ.ศ. 2564 จำนวน 12 คน รวมทั้งสิ้น 343 คน  ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว 169 คน โดยยังมีชีวิตอยู่ 174 คน  

          สำหรับเยาวชนและประชาชนผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับประวัติและผลงานของศิลปินแห่งชาติเพิ่มเติมได้ที่ www.culture.go.th หรือ www.facebook.com/DCP.culture และ line@วัฒนธรรม