รับมืออย่างไร ? เมื่อสงสัย ‘ฮีท-สโตรก’ (ฉบับประชาชน)
รับมืออย่างไร ? เมื่อสงสัย ‘ฮีท-สโตรก’ (ฉบับประชาชน)
เป็นประเด็นร้อน ที่เกิดจากความร้อนจริง ในบ้านเรา... ทำความเข้าใจ กลไก อาการ การรับมือ กันค่ะ
จากเคสนักวิ่งเทรลชาวสวิสที่มาเกิดเรื่องในบ้านเราไม่กี่วันนี้ ก่อให้เกิดความตระหนักรู้มากยิ่งขึ้น เกี่ยวกับภาวะ Heat stroke
จริง ๆ ประเด็นนี้ ในทางกีฬา และวงการแพทย์เอง ก็มีการออกเตือนอยู่หลายครั้ง แต่เชื่อว่าบางท่านอาจยังไม่เห็นภาพ ถึงพิษภัยของความเสี่ยง ถ้าต้องพบเจอสภาวะนี้... แอดจึงขอนำมาขยายเพื่อความตระหนักที่มากขึ้นของทุกคน รวมไปถึงการรับมือนะคะ
“ความร้อน ทำร้ายมนุษย์ได้ถึงชีวิต”
-“Heat Stroke” ... ไม่ใช่คำเรียกเท่ ๆ แต่เป็นการแสดงถึง ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ! ที่หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ก็อาจเสี่ยงถึงชีวิต
-ฮีท-สโตรก แปลตรงตัวคือ การเกิดอาการทางระบบประสาทเฉียบพลัน อันมีสาเหตุจากการเผชิญความร้อน
สภาวะแบบนี้ จะเกิดเมื่อมีความประจวบเหมาะของปัจจัยต่างๆ มาร่วมกัน...
1. อากาศ หรือ ความร้อน อันเป็นสาเหตุหลัก
2. ผู้มีความเสี่ยง เด็ก ผู้สูงวัย มีโรคประจำตัว หรือ ผู้ไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศมาก่อน (เปลี่ยนสถานที่อาศัย)
3. เผชิญอากาศร้อนเป็นเวลานาน
ไม่แปลกเลยที่กีฬาหลายประเภท โดยเฉพาะ Endurance sport ที่มักกินเวลายาวนานกว่า 1 ชม. นักกีฬา ควรมีความรู้ และใส่ใจกับภาวะนี้เป็นพิเศษ
ความร้อน มันไปก่อเรื่องยังไง กับระบบประสาท ? ขออธิบายเชิงวิทยาศาสตร์พอสังเขป
- การเผชิญ “ความร้อน” “ยาวนาน” ยิ่งร่วมกับ “ความชื้นสัมพัทธ์สูง” (อากาศร้อนอบอ้าว) ส่งผลให้การระบายความร้อนจากร่างกาย ทำได้ยากลำบาก
- ร่างกายตอบสนองอัตโนมัติ (จากการควบคุมของระบบประสาท Hypothalamus) ส่งกลไกไปกระตุ้นให้
- หลอดเลือดผิวหนังขยายตัวมากขึ้น (vasodilation)
- สูญเสียเหงื่อมากขึ้น (sweating)
- สารน้ำในระบบแกนกลาง ที่ไหลเวียนไปยังหัวใจลดลง (venous return ลด cardiac output ลด) --> หน้ามืด เป็นลม แบบนี้เรียกว่า "Heat syncope" หรือไทย ๆ เรียกกันว่า “เป็นลมแดด”
- การสูญเสียน้ำ (ภาวะ dehydration) เสียสมดุลของเกลือแร่ (electrolyte imbalance) เป็นผลให้การทำงานของกล้ามเนื้อแย่ลง ผลเป็นตะคริว (muscle cramp) , เพลียแดด (heat exhaustion)
- หากร่างกายยังเผชิญปัจจัยเหล่านี้ต่อเนื่อง อุณหภูมิแกนกลางที่สูงต่อเนื่อง ส่งผลให้ระบบการทำงานภายในล้มเหลว , ระบบกล้ามเนื้อ ทำงานลดลง และเกิดภาวะสลาย (rhabdomyolysis) ปลดปล่อยสารพิษเข้าสู่กระแสโลหิต
- ภาวะของเสียที่เข้าสู่กระแสโลหิต จึงส่งผลต่อการทำงานของไต มีภาวะไตวายเฉียบพลัน (renal failure)
- ระบบหลอดเลือดที่สูญเสียการควบคุม และคั่งไปด้วยสารพิษ เกิดภาวะการอักเสบแบบวงกว้าง (inflammatory response)
- ก่อเกิดลิ่มเลือดอุดตัน แบบประปราย กระจายตัว ตามจุดต่าง ๆ (disseminated intravascular coagulation, DIC) โดยเฉพาะหลอดเลือดจุดที่เปราะบางจะแสดงอาการก่อน เช่น ภายในสมอง
- อาการทางสมอง ที่แสดงออกมา เช่น หมดสติ ชักเกร็ง
- ท้ายที่สุด อวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว (multiple organ failures) และ อาจเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
จะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย
ในทุกปีที่ผ่านมา วงการกีฬา และแพทย์หลายท่านได้ออกเตือน แนะนำการออกกำลังกายในสภาวะอากาศร้อน โดยเฉพาะบ้านเรา ที่อยู่ในพื้นที่ร้อนจัด
แน่นอนสิ่งสำคัญที่ห้ามละเลย
-รู้ตนว่าเสี่ยงหรือไม่ (ปัจจัยด้านบน)
-เตรียมตัวรับมือให้พร้อม ในเรื่องเสื้อผ้า อุปกรณ์ การดื่มน้ำ และเกลือแร่ ทดแทน (มากกว่าปริมาณปกติ 1.5-2 เท่า)
-รู้สัญญาณเตือน และหยุดโดยทันที
ทริคเล็กน้อย ที่กลุ่มนักกีฬามือโปร (pro-athlete) ได้แนะนำไว้ คือ
- ดูพยากรณ์อากาศเสมอ และบวกลบ การเตรียมตัว ที่อุณหภูมิ +/- 9-10 องศาไว้ (15 fahrenheit)
- ทำความคุ้นชินกับสภาพอากาศนั้น ๆ ให้เพียงพอ ก่อน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งต้องอาศัยการปรับตัวก่อนลงสนามจริง
(กรณีแบบนี้ พบเจอในเรซเทรล หรือกีฬาตามพื้นที่ธรรมชาติ ที่มีการผันผวนของอากาศ ที่เหนือกว่าการควบคุมโดยมนุษย์)
สัญญาณเตือน มีอะไรบ้าง
จริง ๆ ก่อนจะเกิด Heat stroke บุคคลทั่วไปอาจมีภาวะ Heat exhaustion หรือเพลียแดด นำมาก่อน อาการคือ
- หน้ามืด
- เหงื่อออกมาก
- อัตราการเต้นของหัวใจสูง เบา เร็ว (rapid HR , weak pulse)
- ตะคริว
หากอาการเลยเถิด ไม่ได้รับการดูแลเบื้องต้นให้ดี นำมาซึ่งอาการที่หนักขึ้น เป็น “Heat stroke”
- นิยาม คือ อุณหภูมิแกนกลาง มากกว่า 40 องศาเซลเซียส ร่วมกับมีอาการทางระบบประสาท
- อาทิ ปวดศีรษะ หมดสติ สับสน ชักเกร็ง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เหงื่อหยุดออก ตัวแห้ง
- ผิวแดง ร้อน
- เป็นอาการแสดงของการสูญเสียระบบการควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย
ผู้อยู่ใกล้ชิดสามารถช่วยผู้มีอาการ หรือปฐมพยาบาลเบื้องต้น
- วิธีต่าง ๆ เพื่อลดอุณหภูมิกายของผู้นั้นลง ! เช่น การแช่ตัวผู้ป่วยในถังน้ำแข็ง , การประคบน้ำแข็งตามข้อพับแขนขา รักแร้ ต้นคอ (การแช่ถังน้ำแข็ง บางรายงานแนะนำให้หลีกเลี่ยงในผู้สูงอายุ หรือมีโรคเรื้อรัง ใช้เพียงการประคบตามข้อพับ)
- ติดต่อหมายเลขฉุกเฉินโดยเร็ว และนำตัวส่งโรงพยาบาล
สำหรับท่านที่อยากศึกษาเพิ่ม แอดแนะนำอ่านบทความของ อาจารย์หมอกนกศักดิ์ ตรงนี้ค่ะ ยาวหน่อย แต่เรื่องนี้สำคัญจริงๆ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10221767822930394&id=1400978631”
//...............
CR : Doctor Runner - วิ่งดิหมอ
//...............