‘อ่านปั้นฝัน’ ช่วยเด็กเข้าถึงการเรียนรู้ ร่วมทำบุญจัดซื้อนิทานให้เด็ก

อ่านปั้นฝันช่วยเด็กเข้าถึงการเรียนรู้ ร่วมทำบุญจัดซื้อนิทานให้เด็ก

 

         โครงการ “อ่านปั้นฝัน” ช่วยเด็กเข้าถึงการเรียนรู้ ชวนร่วมทำบุญบริจาคเงิน จัดซื้อนิทานจำนวน 100 เล่ม ให้กับ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” 50 แห่ง

 

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ “Leeway การเรียนรู้ผ่านการเล่น” ได้เผยแพร่ข้อความและรูปภาพ เชิญชวนให้ร่วมทำบุญบริจาคเงิน เพื่อจัดซื้อนิทานให้กับ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” 50 แห่ง ผ่านโครงการ “อ่านปั้นฝัน” เพื่อช่วยเด็กเข้าถึงการเรียนรู้ โดยมีเนื้อหา ดังนี้

 

“เด็กที่อ่านหนังสือนิทาน 1 เล่มต่อวันร่วมกับพ่อเเม่ จะได้เรียนรู้จำนวน คำพูด มากกว่าเด็กที่ไม่ได้อ่านถึง 290,000 คำ เมื่อเขาอายุ 5 ขวบ

 

เคยรู้ไหมว่าใยประสาทของเด็กเล็กเชื่อมต่อกัน มากกว่า 1 ล้านการเชื่อมต่อวินาที

 

แน่นอนว่า การเล่น คือหนึ่งในกิจกรรมที่สนับสนุนพัฒนาการของเด็กเล็กได้ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด เเต่รู้ไหมว่า การอ่านหนังสือ (นิทาน) ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ส่งผลดีต่อพัฒนาการในระยะยาวเช่นเดียวกัน

 

จากบทความ ‘The Importance of Reading to Kids Daily’ ของมหาวิทยาลัย Ohio State เผยว่า เด็กที่อ่านหนังสือนิทาน 1 เล่มต่อวันร่วมกับพ่อเเม่ หรือผู้ดูแลจะได้ยินคำพูดในจำนวนมากกว่าเด็กที่ไม่ได้อ่านหนังสือเลยถึง 290,000 คำ เมื่อพวกเขาอายุ 5 ขวบ

 

อีกทั้ง Ohio State’s Crane Center for Early Childhood Research and Policy พบว่า เด็กที่ได้ยินคำพูดจำนวนมากจะมีความพร้อมในการเข้าเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้นมากกว่าเด็กคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด

 

สิ่งนี้สอดคล้องกับงานวิจัย  ‘Million Word Gap’ ของ Betty Hart & Todd R. Risley ที่ตั้งคำถามว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เด็กอายุ 3-4 ขวบเรียนรู้ภาษาได้ช้าเร็วต่างกัน ทั้งสองคนเลยจึงได้ติดตามครอบครัวจำนวน 42 ครอบครัวที่มีลูกเล็กตั้งเเต่เเรกเกิดถึง 3 ขวบ โดยครอบครัวที่ทั้งคู่ศึกษาเเบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่

 

1. กลุ่มผู้มีฐานะดี (Professional)

2. กลุ่มชนชั้นแรงงาน (Working Class)

3. กลุ่มที่ต้องอาศัยสวัสดิการของรัฐ (Families on Welfare)

 

ซึ่งวิธีการศึกษาคือการบันทึกเสียงสนทนาระหว่างพ่อแม่และลูกในชีวิตประจำวัน เเละนำกลับมาฟังว่าพ่อเเม่คุยอะไร ใช้คำพูดอะไรกับลูกบ้าง

 

ผลที่ได้คือคำพูดที่กลุ่มเด็กผู้มีฐานะดี (Professional) กับกลุ่มเด็กที่ต้องอาศัยสวัสดิการของรัฐ (Families on Welfare) นั้นมีจำนวนต่างกันถึง 4 เท่า และยิ่งไปกว่านั้น หากนับจำนวนคำพูดที่เด็กได้ยินตั้งเเต่ยังเล็กไปจนถึง 4 ขวบ (48 เดือน) พบว่าเด็กกลุ่มที่ต้องอาศัยสวัสดิการของรัฐ จะรู้น้อยกว่าเด็กกลุ่มผู้มีฐานะดีถึง ‘30 ล้าน คำเลยทีเดียว

 

พอหันกลับมาดูสถานการณ์ในไทย สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงหนังสือนิทานที่มีคุณภาพของเด็กเล็กทั่วประเทศ

 

หากได้มีโอกาสได้เข้าร้านหนังสือ จะสังเกตเห็นเลยว่านิทานที่ขายในท้องตลาดปัจจุบันมีราคาสูงมาก (150 บาทต่อเล่มเป็นอย่างต่ำ) จึงมีกลุ่มคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงหนังสือนิทานที่หลากหลายเเละมีคุณภาพได้ เเต่หากเรามีห้องสมุดหรือศูนย์เด็กเล็กที่มีหนังสือนิทานดี ๆ ที่เด็กสามารถเข้าไปยืมหรืออ่านได้ก็คงดี จริงไหม ?

 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากมูลนิธิคณะก้าวหน้า เผยว่าประเทศไทยมีศูนย์เด็กเล็กกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศ เเต่งบประมาณในการดูแลเด็กที่เเต่ละศูนย์ฯ ได้รับ เฉลี่ยรวมต่อศูนย์ฯ ปีละประมาณ 28,230 บาท ซึ่งประกอบไปด้วย

 

- เงินอุดหนุนค่าจัดการเรียนการสอน

- ค่าอุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน

- ค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

- เงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนโรงเรียนขนาดเล็ก

 

ดังนั้น จึงไม่สามารถเปลี่ยนหมวดค่าใช้จ่ายที่ถูกกำหนดไว้แล้วให้เป็นการจัดซื้อสื่อการเรียนการสอน เช่น หนังสือนิทานได้ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจำนวนมากจึงไม่สามารถจัดหาหนังสือนิทานที่เหมาะสม มีคุณภาพและเพียงพอต่อจำนวนเด็ก

 

ทางมูลนิธิคณะก้าวหน้า นำโดย ครูจุ๊ย กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ จึงก่อตั้งโครงการ อ่านปั้นฝัน ที่มีจุดประสงค์ช่วยคนที่เข้าไม่ถึงนิทาน รับบริจาคเงินจัดซื้อนิทานจำนวน 100 เล่มให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (ศพด.) 50 แห่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของเทศบาลก้าวหน้า เพื่อที่จะให้กลุ่มเด็กในชุมชนได้เข้าถึงหนังสือนิทานที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับเด็กกลุ่มอื่น ๆ นั่นเอง

 

หากใครสนใจอยากร่วมบริจาคเงินสำหรับซื้อหนังสือนิทานเข้าโครงการ สามารถบริจาคได้ที่...

 

เลขบัญชี 4931085736 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ชื่อบัญชี มูลนิธิคณะก้าวหน้า

 

อ้างอิง

 

https://bit.ly/37kg6kl

 

https://bit.ly/3I1gbGk

 

#Read #นิทาน #play #leeway #parents #parentswayoflearning

 

//.................

              CR : Leeway การเรียนรู้ผ่านการเล่น

//.................