รักษาไมเกรนด้วยโบท็อกซ์ ทางเลือกอินเทรนด์

คนทั่วไปมักคิดว่าโบท็อกซ์นั้นช่วยเพียงเรื่องของปัญหาริ้วรอย และตีนกาเท่านั้น ทว่าในความเป็นจริง โบท็อกซ์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการรักษาไมเกรนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

          ไมเกรน (Migraine) เป็นอาการปวดหัวที่หลายคนประสบกับปัญหา บางคนมีอาการปวดชั่วคราว บางคนมีอาการปวดเรื้อรัง และคนจำนวนมากรักษาด้วยการกินยาหลายปีก็ไม่หาย เป็นอาการปวดที่สร้างความรำคาญใจให้ต่อเนื่องยาวนาน โดยไมเกรนเป็นโรคที่เกิดจากการบีบตัวและคลายตัวของหลอดเลือดแดงในสมองมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดหัวขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว บางคนอาจมีอาการดังกล่าวพร้อมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน รวมถึงมีอาการตาพร่ามัวร่วมด้วย

 

 

          ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป อาจเกิดจาก ภาวะความเครียด การอดนอน การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำงานมากเกินไป หรือบางคนแค่ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มบางชนิดก็เป็นไมเกรนได้ ซึ่งการปวดศีรษะจากไมเกรน โดยทั่วไปแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการกินพาราเซตามอลธรรมดา แต่ยาสามัญที่ได้ผลดีคือ พวกยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพริน (กินขณะปวดและข้อควรระวังคือไม่สามารถกินยาประเภทนี้ได้ขณะท้องว่าง) หรือหากใครมีอาการไมเกรนเรื้อรังนานหลายปี ก็ต้องไปพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อวางแผนการรักษาควบคู่ไปกับยาจำเพาะกลุ่มที่รักษาไมเกรนโดยฉพาะ

          ปัจจุบันนี้มีอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้ นั่นก็คืออาการไมเกรนเรื้อรังนั้นสามารถบรรเทาและแก้ได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ โดยคนทั่วไปมักคิดว่าโบท็อกซ์นั้นช่วยเพียงเรื่องของปัญหาริ้วรอย และตีนกาเท่านั้น ทว่าในความเป็นจริง โบท็อกซ์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการรักษาไมเกรนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเช่นกัน

 

          โบท็อกซ์ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ” (Botulinum toxin type A) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สกัดได้จากการสร้างของแบคทีเรีย “คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม” (Clostridium botulinum) เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ในระยะเริ่มต้นของวงการแพทย์นั้นได้นำสารโบท็อกซ์มาใช้ในการรักษาอาการตาเหล่ ตาเข หนังตาตก และได้พัฒนาต่อมาใช้ในวงการเสริมความงามที่แพร่หลายในปัจจุบัน

 

 

 

 

          นพ.กมลพรรธน์ เมฆวรวุฒิ ผู้อำนวยการประจำศูนย์การแพทย์ธนบุรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันคนเป็นไมเกรนกันเยอะมากขึ้น ปัจจัยหนึ่งของอาการไมเกรนเป็นผลพวงมาจากออฟฟิศซินโดรม อีกทั้งหลายคนยังรักษาอาการไมเกรนเรื้อรังด้วยยารับประทานและไม่หาย โบท็อกซ์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษา ช่วยในการลดและบรรเทาอาการปวดหัวและมึนศีรษะ (Tension Headache) ได้ดี โดยสามารถฉีดโบท็อกซ์ไปที่กล้ามเนื้อส่วนขมับ และสามารถไล่ฉีดลงไปถึงกล้ามเนื้อส่วน ไหล่ บ่า และคอส่วนหลัง หรือ “Trapezius muscles” ได้อีกด้วยสำหรับคนที่เป็นปัญหาออฟฟิศซินโดรม

          “ความถี่ของการฉีดโบท็อกซ์ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้ ระดับอาการของไมเกรน และการดูแลตัวเองของคนไข้ โดยส่วนใหญ่แล้วคนไข้จะกลับมาฉีดกับผมแค่ปีละ 2 ครั้งเท่านั้น หรือทุก 6 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่คนไข้ไม่ต้องเลือกรับประทานยา สามารถลดอาการปวดไมเกรน และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติครับ”