เปิดผนึกหัวใจ “ชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล” ผู้แปล “รถไฟขบวนสุดท้ายสู่อิสตันบูล”

ความรักต่างศาสนาที่สามารถยืนหยัดเหนือคำคัดค้านและการต่อต้านของครอบครัว ทั้งกล้าเผชิญหน้าภัยคุกคามของสงครามและความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ความรักนี้เป็นแบบไหนกัน คำตอบมีอยู่ใน “รถไฟขบวนสุดท้ายสู่อิสตันบูล”

          ต้อนรับเดือนกุมภาพันธ์ “วันแห่งความรัก” ด้วยบทสัมภาษณ์พิเศษของ “บางกอกไลฟ์นิวส์” กับ นักเขียน นักแปล นักการทูต “ชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล” หรือ “คุณกอล์ฟ” ซึ่งขณะนี้ประจำการอยู่ที่กรุงอังการา ประเทศตุรกี พร้อมลูกๆ และภรรยาที่น่ารัก “คุณต่าย - บังอร เสวิกุล”

 

 

          และนี่คือบทบันทึกความรู้สึกและประสบการณ์ของ “ชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล” จากการแปล “รถไฟขบวนสุดท้ายสู่อิสตันบูล” หรือ “Last train to Istanbul” ของ “Ayse Kulin” นวนิยายที่โด่งดังและมียอดขายมากที่สุดของตุรกี ถูกแปลแล้วถึง 24 ภาษา

 

 

          ครั้งแรกที่ผมได้รับการทาบทามจากคุณนิคม ชาวเรือ แห่งสำนักพิมพ์ Arrow เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ให้แปลนิยายเรื่อง “Last train to Istanbul” ของ “Ayse Kulin” ผมต้องยอมรับว่า ผมก็เป็นเหมือนนักอ่านชาวไทยส่วนใหญ่ ที่เมื่อพูดถึงนักเขียนตุรกี ก็จะนึกถึงคุณ Orhan Pamuk ก่อนเป็นคนแรก ๆ และผมก็ชื่นชอบผลงานเช่น “My name is Red” และ “The Museum of Innocent” ของคุณ Orhan Pamuk ไม่ต่างไปจากนักอ่านชาวไทยหลาย ๆ คน

          ผมจึงต้องขอสารภาพก่อนเลยว่า ผมไม่เคยอ่านงานของคุณ Ayse Kulin มาก่อน แม้ว่าท่านจะเป็นนักเขียนระดับแถวหน้าของวงการวรรณกรรมตุรกีที่ได้รับความชื่นชมและการยอมรับจากนักอ่านและนักเขียนทั้งในระดับประเทศและในต่างประเทศ ชนิดที่ว่า หากได้มีโอกาสพูดคุยกับคนตุรกี แล้วเอ่ยชื่อคุณ Ayse Kulin แทบทุกคนก็จะรู้จักท่านทั้งนั้น ทั้งในฐานะนักเขียนที่ได้รับรางวัลมากมาย หรือผู้เขียนบทละครโทรทัศน์และภาพยนตร์

 


          ในระหว่างที่หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นหนังสือยอดนิยมระดับเบสต์เซลเลอร์ของตุรกีและของต่างประเทศ ที่ได้รับการแปลมาแล้วกว่า 20 ภาษานั้น อีกทั้งคุณ Ayse Kulin ก็เป็นนักเขียนขวัญใจที่สุดคนหนึ่งของชาวตุรกีด้วย และเมื่อได้อ่านคำโปรยบนปกหลังและอ่านเรื่องย่อ กอรปกับเมื่อได้รับการสนับสนุนจากคุณนิคม ว่าอยากให้ผมแปลเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตุรกีซึ่งผมมีความผูกพันกับตุรกีพอสมควร ผมก็ยินดีตอบรับด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ได้รับมอบโอกาสนี้ และสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้ทางออนไลน์ในทันที

          เพียงไม่กี่วันหนังสือก็ถูกส่งมาถึงบ้าน ผมอ่าน “Last train to Istanbul” จบครั้งแรกภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ทั้งเพราะเนื้อหาและเพราะฝีมือการเขียนของคุณ Ayse Kulin ที่มีชั้นเชิง และสามารถผูกโยงเรื่องและสร้างปม อีกทั้งสร้างตัวละครและสถานการณ์ได้สมจริง จนทำให้ผมเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกที่คุณ Ayse Kulin ได้สร้างขึ้น และผมได้สัญญากับตัวเองว่า จะทำหน้าที่การแปลทุกบรรทัด ทุกย่อหน้า ทุกบท ทุกตอน อย่างสุดความสามารถเพื่อทำหน้าที่สะพานเชื่อมให้ผู้อ่านได้เข้าถึงผลงานของคุณ Ayse Kulin ในภาษาไทยอย่างดีที่สุด

 

 

          ผมก้มหน้าก้มตาพยายามถ่ายทอดเรื่องราวความรักต่างศาสนาของ “เซลวา” หญิงสาวผู้สวยงามและกล้าหาญที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด กับ “ราฟาเอล” ชายหนุ่มชาวยิวผู้สุภาพ และความสัมพันธ์อันซับซ้อนของ “เซลวา” กับ “ซาบิฮา” พี่สาวผู้มีปมในใจของเธอ รวมถึงความสัมพันธ์ที่เปราะบางจนแทบจะแตกสลายระหว่าง “เซลวา” กับบิดามารดาของเธอ เพียงเพราะเธอเลือกที่จะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ แต่นั่นก็ทำให้เธอต้องเป็นกบฏต่อประเพณีและธรรมเนียมปฏิบัติอันยาวนาน จนคู่รักหนุ่มสาวไม่อาจทนทานการคัดค้านและเสียงครหา จึงพากับหนีไปยังปารีส แต่กลับกลายเป็นว่า พวกเขาก็ต้องเผชิญกับภัยคุกคามของสงครามและความโหดร้ายของนาซีที่กำลังกวาดล้างชาวยิว และท่ามกลางสถานการณ์ที่ดูมืดมนแสนทรมานจนแทบสิ้นหวัง ก็ยังคงมีความหวังเมื่อนักการทูตตุรกีกลุ่มหนึ่งพยายามวางแผนเพื่อช่วยเหลือคู่รักและชาวยิวผู้บริสุทธิ์นับร้อยชีวิตเดินทางกลับไปยังตุรกี

          นิยายเรื่อง “Last train to Istanbul” นี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงนิยายรักในยุคสงครามที่บอกเล่าความรักของชายหนุ่มหญิงสาวต่างศาสนาเท่านั้น แต่ยังผูกโยงเข้ากับเหตุการณ์อันมืดมนของหน้าประวัติศาสตร์โลก และสะท้อนถึงความอดทนของมนุษย์ อีกทั้งบอกเล่าถึงความกล้าหาญของกลุ่มคนที่เสียสละและเสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อคนแปลกหน้า ซึ่งผสมผสานกลายเป็นเรื่องราวที่ตราตรึงใจ โดยคุณภาพของหนังสือเล่มนี้ ก็ประจักษ์ชัดอยู่แล้วจากรางวัลมากมายที่ได้รับทั้งในระดับประเทศและระดับต่างประเทศ

          ผมขลุกอยู่กับต้นฉบับภาษาไทยของนิยายเรื่องนี้เกือบ 3 เดือนกว่าที่จะส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์ โดยผมอ่านทวนไปทวนมา เทียบคำแปลภาษาไทยกับต้นฉบับหนังสือภาษาอังกฤษ และไปหาหนังสือเล่มนี้ภาษาตุรกีมาศึกษาเทียบเคียงด้วยอีกชั้นหนึ่ง เพื่อที่จะให้มั่นใจว่า ผมได้ถ่ายทอดมุมมอง อารมณ์ของตัวละคร และบรรยากาศต่าง ๆ ออกมาได้ตรงกับความตั้งใจของผู้เขียนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่า ในห้วงเวลานั้น ผมไม่ได้รู้สึกว่าการทำงานแปลและตรวจต้นฉบับ เป็นภาระที่หนักอึ้งที่น่ากังวลอีกต่อไป หากแต่เป็นภารกิจแห่งความภาคภูมิใจที่ผมจะได้มีส่วนในการถ่ายทอดเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของตุรกีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง รวมถึงวัฒนธรรมตุรกีในอีกรูปแบบหนึ่งออกสู่สายตาผู้อ่านชาวไทย

 

 

          ส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกว่า ตัวเองมีความผูกพันกับหนังสือเรื่องนี้ในหลายสถานะ โดยในสถานะนักอ่าน ผมได้รับทั้งความบันเทิงและสาระจากนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่ซาบซึ้งตรึงใจที่ตอกย้ำให้เห็นว่า แม้ในสถานการณ์ที่มืดมิดหรือชีวิตจะแลดูมืดมนขนาดไหน เราต้องไม่ยอมแพ้ เพราะยังมีแสงสว่างแห่งความหวังเสมอ ในขณะที่ในสถานะนักเขียน ผมได้เรียนรู้เทคนิคการเขียนอย่างมีชั้นเชิงที่สามารถดึงดูดผู้อ่านให้เข้าไปสู่ชีวิตของตัวละครได้อย่างนุ่มนวลละเมียดละไม

          ในสถานะนักแปล ผมได้เรียนรู้การใช้ความสามารถทั้งหมดในการพยายามถ่ายทอดบรรยากาศและบริบทต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัดให้ออกมาอย่างดีที่สุดเพื่อสร้างอรรถรสในการอ่านอย่างเต็มที่ และท้ายที่สุด ในฐานะนักการทูต ผมได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครที่เป็นนักการทูตที่อิงมาจากนักการทูตตุรกีที่มีชีวิตจริงที่มีอุดมการณ์และความกล้าหาญ และต้องเสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อปฏิบัติภารกิจที่ท้าทายและเต็มไปด้วยภัยอันตรายเพื่อช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์จากความอำมหิตของนาซี

          เมื่อผมแปลหนังสือเล่มนี้เสร็จ และได้รับแจ้งจากสำนักพิมพ์ว่า หนังสือกำลังจะออกในเดือนกุมภาพันธ์ ผมได้ตัดสินใจที่จะลองติดต่อคุณ Ayse Kulin เพื่อให้เกียรติเรียนให้ท่านทราบว่า ผมเป็นผู้แปลนิยายเรื่องนี้ในฉบับภาษาไทย และอาศัยอยู่ในตุรกีในขณะนี้ พร้อมขอโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะท่านด้วย ตอนที่ผมส่งอีเมลไปหาท่านครั้งแรงนั้น หัวใจผมเต้นแรงรัวด้วยกลัวเกรงและความเกร็ง เพราะไม่แน่ใจจริง ๆ ว่า ท่านจะว่าอย่างไรบ้าง แต่หัวใจผมเต้นแรงเป็นทวีคูณเมื่อท่านตอบอีเมลมา และกล่าวแสดงความตื่นเต้นและดีใจที่หนังสือได้รับการแปลเป็นภาษาไทย

 

          หลังจากนั้น พวกเราก็ได้คุยกันอีกเรื่อย ๆ โดยท่านให้ความเมตตาและความเป็นกันเองกับผมมาก ซึ่งยิ่งสะท้อนสถานะของท่านในการเป็นนักเขียนชั้นนำที่ให้โอกาสและให้ความกรุณากับนักเขียน / นักแปล รุ่นหลัง โดยในการสนทนาครั้งหนึ่ง คุณ Ayse Kulin ตั้งข้อสังเกตว่า นิยายเรื่องนี้มีตัวละครที่โดดเด่นเป็นนักการทูตตุรกี ซึ่ง คุณ John W. Baker ผู้แปลฉบับภาษาอังกฤษ ก็เป็นบุตรของนักการทูตที่เคยมาประจำการในตุรกีช่วงหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเข้ารับราชการและกลับมาทำงานในตุรกี ซึ่งก็เหมือนผมที่เคยมีโอกาสได้ติดตามคุณพ่อที่เป็นนักการทูต มาประจำการในตุรกี 4 ปีในช่วง ค.ศ. 1986 – 1990 ก่อนที่จะได้มีโอกาสมาประจำการที่ตุรกีในช่วงนี้ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่น่าประหลาดใจไม่น้อย

          อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงนี้ ทำให้ผมยังไม่สามารถไปเยี่ยมคารวะคุณ Ayse Kulin ตามที่ตั้งใจไว้ แต่เราได้นัดหมายกันแล้วว่า สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อใด เราจะได้มีโอกาสพบกันแน่นอน และผมหวังว่า เมื่อถึงตอนนั้น ก็จะได้มีโอกาสนำหนังสือเล่มนี้ไปมอบให้ท่านกับมือด้วย

 

 

          ผมหวังว่า ผลงานการแปลหนังสือเรื่อง “รถไฟขบวนสุดท้ายสู่อิสตันบูล” นอกจากจะสร้างความประทับใจให้กับผู้อ่าน เช่นเดียวกับที่สร้างความประทับใจให้กับผมแล้ว ยังจะพาท่านผู้อ่านชาวไทยไปรู้จักกับนักเขียนนามอุโฆษของตุรกีและผลงานอันโดดเด่นของท่าน อีกทั้งช่วยทำให้ผู้อ่านได้รู้จักตุรกีในมุมมองใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนของทั้งสองประเทศ และผมคงจะดีใจมากเป็นพิเศษ หากมีผู้อ่านท่านใดที่อ่านนิยายเรื่องนี้จบแล้วได้มีโอกาสเดินทางมาตุรกี  เพื่อไปท่องเที่ยวและเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของตุรกีที่มีอยู่มากมาย 

          ผมอยากให้ทุกท่านมีโอกาสไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นย่านเบย์โอก์ลู (Beyoglu) ที่คึกคัก ล่องเรือข้ามฟากช่องแคบบอสฟอรัสที่เพลิดเพลิน ไปเที่ยวเกาะพรินซ์ส (Princes’ Island) ไปเยี่ยมชมสถานีรถไฟเซอร์เคจิ (Sirkeci) หรือลิ้มลองรสชาติซิมิท (simit) – ขนมปังอบแห้งลักษณะเป็นวงแหวนโรยเคลือบด้วยงา – ตามรอย “เซลวา” กับ “ราฟาเอล” ไปด้วยกัน... สุขสันต์วันแห่งความรักครับ

 

 

          รถไฟขบวนสุดท้ายสู่อิสตันบูล  : Last Train to Istanbul

          อัยเช คุลิน : เขียน  ชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล : แปล

 

          หนังสือหนา  504 หน้า ราคา 430 บาท ราคาจองเหลือ 320 บาท/ส่งฟรี

          วันนี้ ถึง 24 กุมภาพันธ์ 64  เริ่มส่งหนังสือ 25 ก.พ. 64 เป็นต้นไป

          สั่งจองที่ไลน์แอด ได้เลย ID:@arrow11

          หรือทาง Facebook : สำนักพิมพ์แอร์โรว์