13 ก.พ. ‘วันรักนกเงือก’ : ล่า ‘นกเงือก’ 1 ตัว ครอบครัวอาจตายยกรัง

13 ก.พ. วันรักนกเงือก’: ล่า นกเงือก’1 ตัว ครอบครัวอาจตายยกรัง

 

เมื่อนกเงือกถูกล่าเพียงหนึ่งตัว อาจทำให้ครอบครัวต้องตายยกรัง

 

กล่าวกันว่า วันรักนกเงือกซึ่งตรงกับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่ถูกกำหนดมา เพื่อสร้างความตระหนักให้สาธารชน เห็นถึงความสำคัญของนกเงือก ที่มีส่วนช่วยให้ผืนป่ายังคงความอุดมสมบูรณ์

 

ด้วยความที่ นกเงือก มีปากที่กว้าง จึงสามารถกินผลไม้ได้หลากหลายขนาด และโดยพฤติกรรมที่มักเลือกเก็บกินเฉพาะผลไม้สุก เก็บตุนไว้คราวละมาก ๆ และมักจะขย้อนเมล็ดทิ้งโดยไม่ทำให้เมล็ดเสียหาย ซึ่งเมล็ดที่นกเงือกขย้อนทิ้ง จะสามารถงอกขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม นกเงือก จึงได้ชื่อว่า เป็นนักปลูกป่าที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม

 

และการเป็น ตัวแทนแห่งความรัก ของ นกเงือก ดังนั้น นกเงือก จึงเป็นสัตว์ที่รู้จักกันในวงกว้าง และมีกระแสการอนุรักษ์จากผู้คนอย่างล้นหลาม

 

กระนั้น นกเงือก ยังเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในตลาดค้าสัตว์ป่า ซึ่งข่าวการล่านกเงือก ยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งช่วงใกล้วันรักนกเงือก สร้างความคับแค้น และเจ็บปวดใจให้กับผู้คนเป็นอย่างยิ่ง

 

ในวันที่ 22 มกราคม 2564 มีรายงานการจับกุมพรานมือดีล่านกกก ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี และในอีก 8 วันต่อมา ก็มีข่าวการล่านกเงือกชนิดเดียวกันที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมจังหวัดกาญจนบุรี  และล่าสุดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 มีข่าวที่ถูกพูดถึงกันอย่างครึกโครม เมื่อทหารยศพันจ่าเอกคนหนึ่ง ได้เข้าไปล่าสัตว์ในอุทยานแห่งชาติไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โดยเจ้าหน้าที่พบซากนกแก๊ก 7 ซากเป็นของกลางมัดตัว

 

นี่เป็นเพียงสถานการณ์การล่าสัตว์ที่เกิดขึ้นใช่ช่วงต้นปีเท่านั้น ยังไม่รวมกับเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา และจะมีสักกี่คนทราบว่า การล่าของมนุษย์นั้น ส่งผลกระทบกับครอบครัวของนกเงือกอย่างไร

 

มีข้อมูลว่า นกเงือก ส่วนใหญ่เริ่มจับคู่ในช่วงปลายปี ผสมพันธุ์ และตัวเมียจะขังตัวเองอยู่ในโพรงไม้ เพื่อวางไข่และเลี้ยงลูกในช่วงเดือนมกราคม มิถุนายน ภายหลังจากตัวเมียขังตัวเองอยู่ในโพรงแล้ว นกเงือกตัวผู้จะกลับมาป้อนอาหารวันละ 1-3 ครั้ง

 

ซึ่งเมื่อย่างเข้าสัปดาห์ที่ 2-5 ตัวผู้จะทำหน้าที่ป้อนอาหารให้ตัวเมียมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่ตัวเมียผลัดขนและกำลังสร้างขนใหม่ นกเงือกตัวเมียจะผลัดขนปีกและขนหางทิ้งทั้งหมดในคราวเดียว หากนกเงือกตัวผู้ถูกล่าในระหว่างการหาอาหารเพื่อมาป้อนแม่นกที่โพรงรัง นั่นหมายความว่า อาจไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งชีวิตของนักปลูกป่าในธรรมชาติต้องหายไปจากระบบนิเวศเท่านั้น แต่อาจจะหมายถึงสามชีวิต ที่ต้องหายไป

 

จากข้อมูลข้างต้นคงเป็นการตอกย้ำถึงสิ่งที่ครอบครัวนกเงือกต้องสูญเสีย เพียงเพราะการกระทำที่ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งมีชีวิต ดังนั้น ผู้เขียนขอเป็นตัวแทนในการเรียกร้องสิทธิการมีชีวิตอย่างอิสระของนกเงือกและสัตว์ป่าทุกชนิด พร้อมเชิญชวนผู้อ่านทุกท่านช่วยกันเป็นหูเป็นตา และรักษาเผ่าพันธุ์นกเงือก ให้เขาได้ทำหน้าที่ของเขาในป่าใหญ่อย่างสง่างามต่อไป และตลอดไป

 

ทุกท่านสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์และปกป้องนกเงือกได้ที่ เลขบัญชี 026-2-75910-2 ชื่อบัญชีมูลนิธินกเงือกธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารามาธิบดี

 

ข้อมูล อรยุพา สังขะมาน หัวหน้าฝ่ายวิชาการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

ผู้เขียน ภูริช วรรธโนรมณ์ นักสื่อสารมวลชน ชอบวิพากษ์สังคมผ่านงานเขียน ยึดปากกาและวิชาชีพเป็นสรณะ

 

//......................

              CR : มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

//......................