“ปฏิรูป ขสมก. – เปลี่ยนรถเมล์ใหม่” ของขวัญปีใหม่ มาช้ายังดีกว่าไม่มา

ประเด็นร้อนตอนท้ายปีจนล่วงเข้าสู่ปีใหม่ ที่ยังไม่จบสิ้น และเห็นแววว่าหนทางนี้ยังมีอีกยาวไกล หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่อง “แผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)” หรือ “แผนปฏิรูปรถเมล์” ที่จ่อจะเข้า ครม. อยู่รอมร่อก็ถูกดีดออกมาให้ทบทวนกันใหม่

          งานนี้เล่นเอาประชาชนคนใช้รถเมล์ที่ฝากความหวังว่าจะได้ “รถเมล์ใหม่” เป็น “ของขวัญปีใหม่” ก็ใจฝ่อ เพราะไม่รู้ต้องรอจนถึงเมื่อไหร่ ออกมาตั้งคำถามเพื่อขอความชัดเจนว่าตกลง “แผนปฏิรูปรถเมล์” จะสรุปได้เมื่อไหร่ อย่างไร เพราะถ้าย้อนความกันไปกระทรวงคมนาคมอนุมัติแผนฯ และเสนอ ครม. ไปตั้งแต่ตุลาคม 2563 รวมทั้งผ่านการพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) มาแล้ว 9 ครั้ง

 

            

           ขณะที่ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ "สภาพัฒน์" กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า แผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้หารือในรายละเอียดกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) อีกครั้งนั้น ไม่ได้ติดอยู่ที่สภาพัฒน์ และกระทรวงคมนาคมไม่จำเป็นต้องนำแผนฟื้นฟูฯ มาให้สภาพัฒน์พิจารณาก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่สิ่งที่กระทรวงคมนาคมต้องเสนอให้สภาพัฒน์พิจารณา คือ แผนการลงทุนในการจัดหารถโดยสารประจำทางใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในแผนฟื้นฟูฯ ถือเป็นกระบวนการปกติของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหากต้องจัดซื้อจัดจ้างต้องส่งมาให้สภาพัฒน์พิจารณาด้วย ไม่ได้เกี่ยวกับแผนฟื้นฟูฯ จากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

 

 

           ด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าว่า เมื่อ 22 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ส่งเรื่องแผนฟื้นฟู ขสมก. กลับมาให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเพิ่มเติม โดยให้จัดทำแผนลงทุนเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ “สภาพัฒน์” ซึ่ง นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้เสนอคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน 1 ชุด โดยมีปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน พร้อมด้วยรองปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้อำนวยการ ขสมก. อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เพื่อบูรณาการ และพิจารณาแผนฯ ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มอบการบ้านไว้ ซึ่งจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2564 จากนั้นหาก “สภาพัฒน์” จัดประชุมและพิจารณาแล้ว คาดหวังว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564

 

  

           ถึงตอนนี้ก็ต้องรอลุ้นว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของระยะเวลาที่วางกันไว้ไหม เพราะก่อนหน้านี้ใครได้ยินเป็นต้องขานรับสรรเสริญว่าทำเพื่อประชาชนโดยแท้ หลังมีรายละเอียดบอกกันมาว่า “แผนปฏิรูปรถเมล์” ที่ชาวบ้านเรียกกันนั้น จะมีทั้งการเปลี่ยนรถเมล์ใหม่ทั้งหมด ให้เป็นระบบพลังงานสะอาด เรียกง่ายๆ ว่ามีแต่รถก๊าซ NGV และและพลังงานไฟฟ้า EV เท่านั้น รวมทั้งจะปฏิรูปเส้นทางเดินรถใหม่ทั้งระบบ ลดการวิ่งในเส้นทางที่ซ้ำซ้อนกัน และที่สำคัญจะคิดค่าบริการเหมาจ่ายวันละ 30 บาทตลอดวัน ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว รวมถึงมีตั๋วแบบรายเที่ยวสำหรับคนใช้น้อย และตั๋วรายเดือนที่มีส่วนลดอีกด้วย

 

 

           ใครเคยมีประสบการณ์ใช้บริการรถเมล์ของต่างประเทศมาแล้วคงนึกออกว่า รถเมล์มาตรฐานแบบสากล สะอาด สะดวก มี GPS เช็คได้ว่ารถอยู่ตรงไหน ต้องรออีกกี่นาทีจะเข้าป้าย มีประตูทางขึ้นและพื้นที่เฉพาะให้ผู้โดยสารที่เป็นผู้พิการ แต่แค่เรื่องเปลี่ยนเป็นระบบพลังงานสะอาดนี่ก็นับว่าได้อานิสงส์มากโข เพราะเท่ากับได้เปลี่ยนรถเมล์ที่วิ่งด้วยเครื่องยนต์ดีเซลไปนับพันคัน โดยฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังกระหน่ำเมืองกรุงตอนนี้แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ส่วนหนึ่งก็มาจากเครื่องยนต์ดีเซล เพราะในไอเสียจากเครื่องยนต์ดีเซลนั้นมีส่วนประกอบของเขม่าควันดำจากไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5

           แค่ประเด็นนี้เรื่องเดียวถามใครต่อใครก็คงอยากให้ “แผนปฏิรูปรถเมล์” คลอดออกมาเร็วๆ ประชาชนที่เฝ้ารอใจจดจ่อจะได้มี “รถเมล์ใหม่” ใช้งาน รับ “ชีวิตวิถีใหม่” ไม่ต้องผจญกับสารพัดมลภาวะและคุณภาพชีวิตในการสัญจรแบบที่ผ่านมา ถือเป็น “ของขวัญปีใหม่” ที่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มาแน่นอน...