นายกฯ เชิญชวนอุดหนุน “ผ้าไทย” สวมใส่ทุกสัปดาห์ สร้างงาน สร้างรายได้ สู่ชุมชน

กระทรวงมหาดไทยจัดแสดงนิทรรศการผ้าไทยให้คณะรัฐมนตรีได้ชื่นชมความงดงามของภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษก่อนประชุม ครม. นายกรัฐมนตรีทึ่งความงามอุดหนุนผ้าคลุมไหล่แพรวาจาก จ.กาฬสินธุ์ กระเป๋าจักสานจากเตยปาหนันของ จ.ตรัง และกระเป๋าใส่เอกสารทำจากผ้าขาวม้า จ.อำนาจเจริญ พร้อมเชิญชวนคนไทยสวมใส่ผ้าไทยทุกสัปดาห์

          พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) และ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้นำคณะจัดแสดงนิทรรศการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย และผลการดำเนินโครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ชมก่อนการประชุม ครม. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อม ครม. ให้ความสนใจผ้าไทยจำนวนมาก ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้อุดหนุนผ้าคลุมไหล่แพรวาจาก จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 2 ผืน กระเป๋าจักสานจากเตยปาหนันของ จ.ตรัง จำนวน 2 ใบ และกระเป๋าใส่เอกสารทำจากผ้าขาวม้าของ จ.อำนาจเจริญ 2 ใบ

 

 

          นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผ้าไทย และผลการดำเนินงานโครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยนายกรัฐมนตรี ขอเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ให้ใช้และสวมใส่ชุดผ้าไทยเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละสองวัน นอกจากจะเป็นการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทย ยังเป็นการสนับสนุนการสร้างอาชีพสร้างงาน สร้างรายได้ ให้เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการในชุมชน อันเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้ ทำให้เกิดการหมุนเวียนในห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจระดับประเทศต่อไป

 

 

          พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ที่สะท้อนให้เห็นบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ ด้วยการถ่ายทอดหัตถกรรมผ่านผ้าทอจากบรรพชนสู่คนรุ่นปัจจุบัน ด้วยการส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าพื้นถิ่นไทยให้ดำรงคงอยู่ปรากฏเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติ ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการใช้ชีวิตของประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อรายได้ของผู้ประกอบการผ้าในท้องถิ่นชุมชนซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ดังนั้น การรณรงค์กระตุ้นให้เกิดค่านิยมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้าทอพื้นเมืองซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทยจะก่อให้เกิดรายได้กระจายสู่ชุมชนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง

 

 

          พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้ประมาณการว่า หากมีคนไทยแต่งกายด้วยผ้าไทยเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 วัน จำนวน 35 ล้านคน จะทำให้มีการซื้อผ้าและใช้ผ้าคนละ 10 เมตร ราคาเมตรละประมาณ 300 บาท จะทำให้เกิดความต้องการผ้าไทย จำนวน 350 ล้านเมตร คิดเป็นมูลค่า 105,000 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินนี้จะกลับคืนสู่ชุมชนก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน ช่วยให้หลุดพันจากความยากจน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น