‘ธรณ์’ แจงยิบ ‘ไมโครพลาสติก’ ย้ำ ‘ขยะทะเล’ สู่ยุค ‘พินาศ-น่าหวาดหวั่น’ !

ธรณ์แจงยิบ ไมโครพลาสติกย้ำ ขยะทะเลสู่ยุค พินาศ-น่าหวาดหวั่น’!

 

“ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์แจงยิบไมโครพลาสติกระบุ เรากำลังเข้าสู่ยุคของความ “น่าหวาดหวั่น” และ “ความพินาศ” กำลังมาเยี่ยมเยือน เพราะ “ขยะทะเล” ที่สะสมใน “ทะเลไทย” กำลังย้อนกลับมาทำร้ายเราอย่างสาหัส ย้ำ ทางแก้เดียวคือ ต้อง “ลดขยะทะเล” ให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิด “เม็ดโฟม” และ “ไมโครพลาสติก” มากไปกว่านี้

 

 

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพประกอบ ผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว “Thon Thamrongnawasawat” โดยอธิบายถึงเรื่องของ “ไมโครพลาสติก” และผลกระทบจาก “ขยะทะเล” ที่มีปริมาณมหาศาล ดังนี้

 

“เรื่อง “ไมโครพลาสติก” กำลังเป็นกระแส จึงนำผลกระทบของ “ขยะทะเล” มาให้ เพื่อนธรณ์ ดู สมัยก่อนเราไปเกาะ เจอแต่เปลือกหอยและเศษปะการัง สมัยนี้ หาดเต็มไปด้วย “เม็ดโฟม” และ “เศษพลาสติก”

 

เรากำลังเข้าสู่ยุคของความน่าหวาดหวั่น เพราะขยะที่สะสมในทะเลไทย กำลังกลับมาทำร้ายเราอย่างสาหัส เมื่อ “โฟม” และ “พลาสติก” เหล่านี้ แตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ คำถามคือ เราจะเก็บมันได้อย่างไร ?

 

ยิ่งถ้าแตกตัวเล็กลงไปเรื่อย ๆ เราจะร่อนทรายยังไง จะกรองน้ำทั้งทะเล เพื่อเอา “ไมโครพลาสติก” ออกไปได้อย่างไร ?

 

ที่ผ่านมา เรากลัวขยะชิ้นใหญ่ทำร้ายสัตว์ทะเล จากนี้ต่อไป เราจะเจอของจริง เมื่อ “เม็ดโฟม” และ “ไมโครพลาสติก” กลับมาทำร้ายเรา

 

 

ตั้งแต่เช้า ผมให้สัมภาษณ์หลายสื่อ ส่วนใหญ่จะถามว่า แก้อย่างไร ? หลีกเลี่ยงอย่างไร ?

 

คำตอบคือ ไม่รู้จะเลี่ยงอีท่าไหน ไม่กินสัตว์น้ำ ก็ต้องกินเกลือ เมื่อ “ไมโครพลาสติก” แตกตัวถึงขั้น “นาโนพลาสติก” ยังไงซะมันก็ต้องปนเปื้อน

 

ถ้ามันเลี่ยงได้จริง มันคงไม่เป็นปัญหาระดับโลก คงไม่มีคำว่า ไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติกส่งผลต่อสุขภาพมนุษย์ ปรากฏอยู่ใน “ปฏิญญากรุงเทพ” ที่เพิ่งเซ็นกันไป ในการ “ประชุมผู้นำอาเซียน”

 

สำหรับทางแก้ มีอยู่ทางเดียวครับ นั่นคือ “ลดขยะทะเล” ให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิด “เม็ดโฟม” และ “ไมโครพลาสติก” มากไปกว่านี้

 

นั่นคือเหตุผลที่พยายามบอกครั้งแล้วครั้งเล่า ประเทศนั้นนี้โน้น เขาแบนแล้วนะ ฯลฯ

 

เขาทำเพราะเขารู้ดีว่า เมื่อไม่ทำให้เด็ดขาดเช่นนั้น จะเกิดอะไร ?

 

จะเกิดสิ่งที่ไม่มีทางแก้ได้ ไม่มีทางเลี่ยงได้

 

ถ้าปัญหาขยะทะเลมันง่าย มันแก้ได้ด้วยจิตสำนึกเพียงอย่างเดียว ผมคงไม่ต้องมาพูดถึงทุกวัน

 

ที่พูดก็เพื่อพยายามบอกว่า มันแย่แล้วนะ มันแก้ไม่ได้นะ มันถึงเวลาเอาจริงแล้วนะ

 

จะทำอะไรก็ทำเถิด จะรณรงค์ จะลด จะแบน ก็กรุณารีบทำ เพราะเวลาเราเหลือน้อย

 

หวังว่า ภาพจากชายหาดแห่งหนึ่งในอุทยานแห่งชาติของไทย จะสามารถสื่อถึงสถานการณ์ ที่ผมอยากบอก เพื่อนธรณ์ ได้

 

ก๊อกๆๆ เปิดประตูหน่อยจ้ะ

 

ความพินาศกำลังจะมาเยี่ยมเยือน”

 

                ก่อนหน้านี้ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพประกอบ อธิบายเรื่องของ “ไมโครพลาสติก” อย่างละเอียด ดังนี้

 

“สัญญากับ เพื่อนธรณ์ ไว้ จะมาเล่าเรื่องการศึกษา “ไมโครพลาสติก” ให้ฟัง เป็นแบบบรรยายสนุกๆ ประกอบภาพเพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ เผื่อจะนำไปใช้สอนหรือบอกต่อ เป็นงานสด ๆ ร้อน ๆ ชนิดพิมพ์ไปมือยังเปียกน้ำเลยฮะ

 

อันดับแรก ขอเกริ่นนำแบบสั้น ๆ

 

การศึกษา “ไมโครพลาสติก” ใน “ทะเล” แบ่งเป็น 2 แบบ อย่างแรกคือดูใน “สิ่งแวดล้อม” อีกอย่างคือดูใน “สัตว์น้ำ”

 

การดูใน “สัตว์น้ำ” เริ่มทำกันมา 2-3 ปีในไทย ผลก็บอกว่า พบแทบทุกครั้ง มากน้อยแตกต่างกันไป

 

ในแง่การรณรงค์ “ลดขยะทะเล” และอื่น ๆ ข้อมูลใน “สัตว์น้ำ” พวกนี้มีประโยชน์

 

แต่ในแง่ “ฐานข้อมูล” เพื่อใช้ติดตามความเปลี่ยนแปลงของทะเล ตลอดจนวัดผลมาตรการต่าง ๆ ที่ใช้ “ลดขยะทะเล” เรายังต้องการข้อมูล “ไมโครพลาสติก” ใน “สิ่งแวดล้อม”

 

หากไม่มีข้อมูลแบบนี้ คงเป็นการยากที่จะวัดได้ว่า ที่เราทำ ๆ กันไป ได้ผลแค่ไหน ?

 

หากเป็นเด็กนักเรียนก็เหมือนผลสอบ หากเป็นบริษัท ก็เหมือนผลประกอบการ

 

เป็นงานที่ยาก แต่จำเป็นต้องมีนะ

 

ต่อจากนี้ คือ งานที่ “คณะประมง ม.เกษตร” ทำ โดยใช้ทุนสนับสนุน จาก เพื่อนธรณ์ ผู้กรุณาซื้อเสื้อ ขอบคุณมากครับ

 

อ่านบรรยายใต้ภาพไล่ไปได้เลยครับ

 

 

ทีมงานมุ่งหน้าออกทะเล ความจริงมีคนเยอะกว่านี้ แต่ใครไม่ได้ใส่เสื้อทีม เพื่อนธรณ์ ห้ามเสนอหน้า จึงเห็นอยู่แค่นี้ ทุกคนเป็นลูกศิษย์ผมที่คณะประมง ตอนนี้หลายคนจบเป็น ดร. บางคนเงินเดือนค่อนแสนแล้ว ก็ยังมาช่วยกัน น่ารักเนอะ

 

 

เริ่มบรีฟงานโดยอาจารย์สุดหล่อ ภาพนี้มี 3 ขั้นตอนง่าย ๆ

 

1. เก็บ “ไมโครพลาสติก” โดยใช้ถุงลากจากมวลน้ำ ตัวเลข 330 หมายถึงขนาดถุง 330 ไมครอน ที่ปรกติใช้ลากแพลงก์ตอนสัตว์ เราจะลาก 15 นาที

 

2. ลากเสร็จแล้วก็นำมาส่องด้วยกล้องสองตา เพื่อวิเคราะห์ในขั้นต้น

 

3. อันนี้เจ๋งฮะ เพราะเป็นเครื่องใช้วิเคราะห์โดยละเอียด ที่คณะประมงมีแลปต่อต้านขยะทะเล บ.GC กรุณาให้เครื่องมา ผมนำเงินส่วนอื่น ๆ มาเสริม เช่น เงินค่าเสื้อเต่ามะเฟือง มีตัวเลข 5 ล้านเพื่อแสดงมูลค่าแลปที่กว่าจะทำเสร็จ ธรณ์ หอบแฮ่กครับ

 

 

เมื่อถึงพื้นที่ เราใช้โดรนตรวจสอบเพื่อดูกิจกรรมในพื้นที่ จะได้ไอเดียหาที่มาของพลาสติก รวมถึงลักษณะภูมิประเทศ/สภาพแวดล้อม ก่อนกำหนดเส้นทางที่จะเก็บตัวอย่าง

 

อ้อ โดรนที่ใช้ก็เป็นของส่วนตัว ซื้อเองอีกจ้ะ ของ ธรณ์ ส่วนใหญ่ ตังค์ ธรณ์ ทั้งนั้น ไม่ใช่ของหลวงฮะ เพราะฉะนั้น เวลา ธรณ์ ขายอะไร ก็ช่วยกันซื้อหน่อยนะจ๊ะ

 

 

คราวนี้ ถึงเวลาประกอบอุปกรณ์ เครื่องนี้ราคาเกือบ 6 หมื่น ลำพังถุงไม่เท่าไหร่ ที่แพงคือ flow meter ใช้วัดปริมาตรน้ำที่ผ่านถุง ไม่มีตัวนี้ เราไม่สามารถคิดจำนวนไมโครพลาสติก/ปริมาตรน้ำได้

 

 

นี่แหละฮะตัวแพง แฮนด์เมดจากญี่ปุ่น เฉียดแสน อันที่จริง ผมขอแค่ของเยอรมัน เป็นแบบเจ็ตเลย ตัวละ 35,000 บาท เดี๋ยวขายเสื้ออีกดีกว่า แฮ่ม

 

 

จากนั้นก็ปล่อยถุงลงไปลาก ในระดับต่ำกว่าผิวน้ำไม่เกิน 1 เมตร ลากด้วยความเร็ว 2 นอต เป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที (ขึ้นกับสภาพน้ำ หากไกลฝั่งน้ำใสอาจนานกว่านี้เพื่อรวบรวมให้พอ) แต่เรามี flow meter คอยวัด เพราะฉะนั้น ไงๆ เราก็คำนวนหาค่าเฉลี่ยได้อยู่ดี

 

ตอนลากต้องระวังนะครับ หลุดไปก็เตรียมใจทิ้งเงินแสนลงทะเล

 

 

ลากเสร็จแล้วนำขึ้นมา ใช้น้ำล้างให้เศษที่ติดตามถุง ลงไปอยู่ในขวดให้หมด

 

 

จากนั้นก็ปล่อยน้ำใส่ขวดตัวอย่างที่เตรียมไว้ บางหนต้องใช้เวลาพอควร อย่างเช่นหนนี้ได้หวีวุ้นมา 1 ตัว มันอุดรูตลอด ฮึ่ม

 

 

เสร็จแล้วก็เก็กหน้าให้หล่อ ก่อนชี้ “ไมโครพลาสติก” ที่ก้นขวดให้ เพื่อนธรณ์ ดู แม้ตัวจะดำเพราะตากแดดตลอด แต่มันก็ดูเท่สไตล์ผู้ชายทำงาน

 

 

ในขณะเดียวกัน ทีมงานดำน้ำก็ลงไปเก็บขยะจากแนวปะการัง เรานำขยะมาแยก ผมเจอถุงแบบนี้เพียบเลย สามารถอธิบายการแตกตัวของ “ไมโครพลาสติก” ได้เป็นอย่างดี

 

 

จากนั้น ก็นำตัวอย่างมาส่องกล้อง เราบอกได้นิดหน่อย เช่น รูปร่างและสี จำนวนชิ้น แต่ฟันธงไม่ได้ว่าคืออะไร ส่วนใหญ่งานวิจัยจะจบอยู่แค่นี้

 

เมื่อจบแค่นี้ ก็ไปต่อไม่ได้ เพราะเราบอกไม่ได้ว่า “ไมโครพลาสติก” มาจากอะไร ถุงก๊อบแก๊บ ถุงร้อน พลาสติกอื่นๆ อีกมหาศาล

 

เมื่อไม่รู้ต้นตอชัดเจน เราก็บอกสัดส่วน “ไมโครพลาสติก” ตามแหล่งที่มาไม่ได้ ออกมาตรการใด ๆ ก็ชี้วัดลำบาก

 

นั่นคือเหตุผลที่ผมใช้เวลาสองปี เพื่อสร้างแลปต่อต้านขยะทะเล โดยมีบริษัท GC เป็นผู้สนับสนุนหลัก เพราะขืนรองบหลวง ผมคงเดี้ยงก่อน

 

 

นี่คือแลปที่ว่า อย่างเจ๋งครับ อุปกรณ์แต่ละอย่างแพงทั้งนั้น เฉพาะตาชั่งละเอียดก็ห้าแสนเศษ ไม่งั้นเราชั่งน้ำหนัก “ไมโครพลาสติก” ไม่ได้ บอกได้แค่จำนวนชิ้น มันไม่พอ

 

เห็นแลปแล้วอยากร้องไห้ กว่าจะสำเร็จ ปาดน้ำตาแพร้บ ขอบคุณบริษัท GC ครับ

 

 

เด็ดสุดของแลปคือ FTIR ใช้การสะท้อนแสงของ “ไมโครพลาสติก” นำมาเทียบกับรูปแบบการสะท้อนที่มีในฐานข้อมูลกว่า 36,000 แบบ รู้เลยว่าเป็นพลาสติกแบบไหน และต้นตอคือผลิตภัณฑ์อะไร (เฉพาะเครื่องนี้ 4.5 ล้านจ้ะ)

 

 

นี่ไงครับ ตัวอย่างการวิเคราะห์ กราฟสะท้อนแสง จะบ่งบอกที่มาได้

 

จากนั้น ก็นำข้อมูลอื่น ๆ มาประกอบ เช่น โมเดลกระแสน้ำ บ่งบอกว่าจุดที่ทำในเขตอ่าวไทยตอนใน พลาสติกต้นตอมาจากประเทศไทยนี่แหละ ไม่ได้ลอยมาจากเพื่อนบ้าน (สังเกตลูกศรกระแสน้ำได้ครับ)

 

          

เรายังเก็บ “ขยะทะเล” ในบริเวณนั้นเท่าที่ทำได้ ชั่งน้ำหนักและแยกชนิด เพื่อดูว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “ไมโครพลาสติก” ที่พบหรือไม่

 

สรุปคือ งาน “ไมโครพลาสติก” ใน “ทะเล” ของ “บ้านเรา” เพิ่งเริ่มไม่นาน แต่ความต้องการข้อมูลมีสูงมาก เราก็อยากก้าวหน้าไปไว ๆ แต่มันยากและต้องอาศัยอะไรอีกหลายอย่าง นอกเหนือไปจากแรงใจเพียงอย่างเดียว

 

เอาไว้วิเคราะห์เสร็จ จะนำมารายงาน เพื่อนธรณ์ อีกครั้ง ตอนนี้ขอไปพักก่อน โอย...ตัวดำ อูย...เมาคลื่น อยากได้คนโอ๋จัง

 

 

สุดท้าย ขอบคุณลูกศิษย์ทุกราย ทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง เรียกปุ๊บ มาปั๊บ ไม่ว่าแยกย้ายไปหนไหน กตัญญูกับอาจารย์จริง ๆ และจงกตัญญูเช่นนี้ต่อไปทั้งชีวิตละกัน

 

ขอบคุณ “คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์” และเพื่อนๆ ผู้กรุณาสนับสนุนเสื้ออีกครั้ง เห็นแล้วนะครับว่า ตังค์ที่ผมได้เอาไปทำอะไร ขายรุ่นใหม่ก็อย่าพลาดอีกนะจ๊ะ

 

//........................

          CR : Facebook Thon Thamrongnawasawat

//........................