ยอดเจ็บ-ตาย ผู้ใช้มอเตอร์ไซค์บนถนนเมืองไทย อันดับ 1 ของโลก

          ศปถ.-สสส.-กปถ.-ศวปถ. ผนึกภาคี เปิดเวทีถกระดับชาติ ลดเจ็บ-ตายบนถนน สถิติน่าตกใจ 6 ปี ประชากรกลุ่มเปราะบางตายมากสุด มอเตอร์ไซค์ 40,000 ราย คนเดินถนนครึ่งหมื่น นักปั่น 600 ราย สูงกว่าทั่วโลกเกือบ 2 เท่า ด้านสภาเด็กฯ ยื่นข้อเสนอรัฐบรรจุวาระความปลอดภัยทางถนนของเด็กในแผนกระทรวง

          ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ร่วมกับศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ตลอดจนภาคีเครือข่าย จัดสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 14 ภายใต้หัวข้อ "เดิน ขี่ ขับ ไปกลับ ปลอดภัย" (Play your part and share the road) ระหว่างวันที่ 7-8 ส.ค. 62  ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร 

 

          พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานเปิดงานกล่าวว่า โดยภาพรวมทุกประเทศทั่วโลก ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ คนเดินถนน และผู้ใช้จักรยาน เสียชีวิตเฉลี่ยร้อยละ 49 ซึ่งไทยมีสัดส่วนเสียชีวิตสูงกว่าทั่วโลกเกือบ 2 เท่า ถ้านับเฉพาะอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มรถจักรยานยนต์ จะสูงถึง 24.3 ต่อประชากรแสนคน มากเป็นอันดับ 1 ของโลก รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาอุบัติเหตุทางถนน เนื่องจากแต่ละปีคนไทยกว่า 20,000 คนต้องเสียชีวิต และมีผู้พิการรายใหม่อีกกว่า 6,000 ราย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี ที่ผ่านมารัฐบาลได้ร่วมขับเคลื่อนการแก้ปัญหาตามแนวทาง 5 เสาหลักที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดไว้ใน "ทศวรรษความปลอดภัยทางถนน" พ.ศ. 2554-2563 (Decade of Action for Road Safety 2011-2020) อีกทั้งยังนำเรื่องความปลอดภัยทางถนนมากำหนดเป็นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2573

 

          นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการ ศวปถ. กล่าวว่า  ตัวเลขจากการบูรณาการข้อมูลสถานการณ์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยระหว่างปี 2554-2560 พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 80-85 เป็นกลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนนที่มีความเปราะบาง ได้แก่ ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ เสียชีวิตมากที่สุดถึง 46,656 คน คนเดินเท้า 5,375 คน และผู้ใช้รถจักรยานอีกกว่า 659 คน สะท้อนให้เห็นว่า คนมีความเปราะบางและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน แต่ข้อเท็จจริงคือคนสามารถผิดพลาดได้ (human make error) แต่ไม่ควรมีใครต้องบาดเจ็บจนนำไปสู่การเสียชีวิต ประเทศไทยต้องการระบบความปลอดภัย (safe system approach) เพื่อป้องกันและลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น การจัดสัมมนาวิชาการระดับชาติเรื่องความปลอดภัยทางถนน      ช่วยเปิดโอกาสให้คณะทำงานทั้งส่วนกลางและพื้นที่ ได้นำความรู้ แนวทาง และรูปแบบการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ไปเผยแพร่และปฏิบัติให้เหมาะสมกับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง 

 

          ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. เข้ามาร่วมขบวนขับเคลื่อนงานป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนให้กับคนไทยมาเป็นเวลา 16 ปีแล้ว โดยร่วมสานภาคีเครือข่ายให้เกิดการขับเคลื่อนการจัดการระบบข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อนำมาเป็นฐานข้อมูล หาทิศทางการทำงานที่มีประสิทธิภาพตรงจุด ยกตัวอย่างความสำเร็จเช่นในช่วงเทศกาลปีใหม่-สงกรานต์ “7 วันอันตราย” มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยที่ 300-400 คน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าช่วงสัปดาห์ปกติบางสัปดาห์ด้วยซ้ำ ทั้งที่มีปริมาณรถที่เดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาก และเทียบกับเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วการตายช่วงเทศกาลจะอยู่ที่กว่า 800 คน ปัจจุบัน 300 กว่า ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่า การทำงานในช่วงเวลาดังกล่าวได้ผลไม่น้อยเลย หากทุกส่วนทำงานอย่างเข้มข้นตลอดทั้งปีจะสามารถลดการเสียชีวิตให้น้อยกว่าปกติได้ ก้าวต่อไปนั้น สสส. จะสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่มีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนมากที่สุด พร้อมกับสนับสนุนให้นำงานวิชาการมาปรับใช้ให้ได้จริง โดยส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวัตกรรมและนำเทคโนโลยีในการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมสร้างความท้าท้ายด้วยการเชิญชวนให้ชุมชนมีบทบาทร่วมทำงาน “ตำบลรวมพลัง” ตั้งเป้าลดตายจากอุบัติเหตุตำบลละ 1 คน หากทำได้ก็จะลดการตาย 7,000 คนต่อปี ซึ่งจะทำให้สถิติโลกที่เราครองอันดับต้นๆ อยู่ก็จะลดตามไปด้วย 

          ทั้งนี้ ในพิธีเปิดสัมมนาฯ สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย และสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย เผยข้อมูลอุบัติเหตุบนถนนเด็กไทยในปี 2560 พบเด็กและเยาวชนอายุ 15-19 ปี เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางถนน จำนวน 2,609 ราย เพิ่มขึ้นจาก 5 ปีที่แล้ว คิดเป็นร้อยละ 30 และเด็กที่มีอายุ 10-14 ปี เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางถนน จำนาน 727 ราย เพิ่มขึ้นจาก 5 ปีที่แล้ว คิดเป็นร้อยละ 38  จึงจัดทำข้อเสนอให้รัฐบาลบรรจุ "วาระเรื่องความปลอดภัยทางถนนของเด็กและเยาวชน" ไว้ในแผนงานของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1) จัดให้มีทางเลือกในการเดินทาง 2) จัดให้มีการเรียนรู้ความเสี่ยงและทักษะการขับขี่ตั้งแต่ปฐมวัย และ 3) จัดตั้งกลไกอนุกรรมการด้านความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน ในศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนนส่วนกลางและทุกจังหวัด โดยมีเครือข่ายสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยเป็นอนุกรรมการฯ