‘หยุดปวดชีวิตเปลี่ยน’ : ‘ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกระดูก’
‘หยุดปวดชีวิตเปลี่ยน’ : ‘ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกระดูก’
ไม่มีใครปฏิเสธว่า กระดูกเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ในร่างกายของคนเรานั้น มีกระดูกกี่ชิ้น ?
คำตอบคือ “206 ชิ้น” สำหรับ “ผู้ใหญ่”
แล้วเด็กล่ะ มีจำนวนกระดูกมากหรือน้อยกว่าผู้ใหญ่
คำตอบคือ เด็กมีกระดูกมากกว่าผู้ใหญ่ “144 ชิ้น”
นั่นก็หมายความว่า เด็กมีกระดูก 350 ชิ้น ขณะที่ผู้ใหญ่มีกระดูก 206 ชิ้น
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เหตุที่เด็กมีกระดูกมากกว่าผู้ใหญ่ก็เพราะว่า เด็กกำลังอยู่ในช่วงวัยของการเจริญเติบโต จึงมีความจำเป็นต้องใช้กระดูกหลายชิ้นในการเชื่อมต่อร่างกาย
และเมื่อเด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ กระดูกสองหรือสามชิ้นก็จะค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นชิ้นเดียว
เด็ก ซึ่งตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็จะมีกระดูก 206 ชิ้น
เหมือนและเท่ากันกับทุก ๆ คน
กระดูกนั้นสำคัญไฉน
ทำไมกระดูกจึงเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย
นั่นก็เพราะว่า
-กระดูก ช่วยรองรับอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ให้ทรงตัวและตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ควรอยู่
-กระดูก ป้องกันอันตรายให้แก่อวัยวะที่สำคัญ เช่น สมอง ไขสันหลัง หัวใจ ปอด ตับ
-กระดูก เป็นที่ยึดของกล้ามเนื้อ และความจริงก็คือ การที่เราเคลื่อนไหวได้ ก็เกิดมาจากการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อที่ยึดติดกับกระดูกนั่นเอง
-กระดูก ทำให้ร่างกายคงรูปได้
-ภายในกระดูกมีไขกระดูก ซึ่งทำหน้าที่ในการผลิตเม็ดเลือด (Blood cell)
นอกจากนี้ กระดูกยังเป็นที่เก็บแร่ธาตุ Calcium ในร่างกาย
และที่สำคัญ กระดูก ช่วยป้องกันเส้นประสาทและหลอดเลือดที่ทอดอยู่ตามแนวของกระดูกนั้น
กระดูกจึงสำคัญฉะนี้
รู้จักกระดูก ให้ถูกทาง
ในกระดูก 206 ชิ้น สำหรับคนที่เจริญเติบโตเต็มที่หรือคนที่เป็นผู้ใหญ่นั้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ตามตำแหน่งที่อยู่ของกระดูก นั่นคือ
1.กระดูกแกน axial skeleton
เป็นกระดูกที่อยู่บริเวณกลางลำตัว มีทั้งหมด 80 ชิ้น ทำหน้าที่ค้ำจุนพยุงร่างกาย ประกอบด้วย
-กระดูกกะโหลกศีรษะ 29 ชิ้น ไม่รวมฟัน
-กระดูกสันหลัง 26 ชิ้น
-กระดูกซี่โครง 24 ชิ้น
-กระดูกหน้าอก 1 ชิ้น
2.กระดูกรยางค์ appendicular skeleton
เป็นกระดูกที่ยื่นจากกระดูกแกนออกไป มีทั้งหมด 126 ชิ้น ทำหน้าที่ค้ำจุนพยุงร่างกาย และป้องกันอวัยวะภายใน ได้แก่
-กระดูกแขนข้างละ 30 ชิ้น รวม 60 ชิ้น
-กระดูกขาข้างละ 30 ชิ้น รวม 60 ชิ้น
กระดูกสะบักข้างละ 1 ชิ้น รวม 2 ชิ้น
-กระดูกเชิงกรานข้างละ 1 ชิ้น รวม 2 ชิ้น
-กระดูกไหปลาร้าข้างละ 1 ชิ้น รวม 2 ชิ้น
ความเชื่อ & ความจริง
คนเรามักจะเชื่อว่า กระดูกจะเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น
แต่ความจริงก็คือ แคลเซียมในกระดูกจะมีการสร้างและสลายตัวตลอดเวลา
และที่สำคัญก็คือ หลังอายุ 30 ปีไปแล้ว แคลเซียมในร่างกายจะสลายตัวมากกว่าสร้างใหม่
ข้อที่ควรระวังก็คือ
ถ้ากระดูกไม่แข็งแรง จะเกิดปัญหาโรคกระดูกเปราะบางหรือกระดูกพรุน ซึ่งนั่นจะทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับข้อกระดูกต่าง ๆ เช่น ข้ออักเสบ ข้อเสื่อม มีอาการปวดหลัง ร่างกายจะเคลื่อนไหวได้ลำบาก
อาหารบำรุงกระดูก
อาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก เป็นอาหารจำพวกที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่
-นมสด
-ไข่แดง
-ผักใบเขียว
-ผลไม้
-อาหารที่มีวิตามินดี เช่น น้ำมันตับปลา
-ผักสด
นอกจากนี้ การออกกำลังกายเป็นประจำ ก็มีส่วนช่วยพัฒนากระดูกให้เจริญอย่างเต็มที่และแข็งแรงด้วย แต่ข้อระวังก็คือ อย่าให้น้ำหนักตัวมากเกินไปเพราะอาจทำให้ข้อต่อชำรุดเสื่อมสภาพเร็ว
โรคเกี่ยวกับกระดูก
มีที่มาจากหลายสาเหตุ ทั้งจากสภาพแวดล้อมและการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิเช่น
-จากพันธุกรรม
-จากเชื้อโรค
-จากสิ่งแวดล้อม
-จากวัยหรืออายุที่เพิ่มขึ้น
โครงสร้างกระดูกสันหลัง
กระดูกสันหลัง ประกอบด้วยกระดูกและกล้ามเนื้อ ซึ่งอยู่ที่บริเวณด้านหลังของลำตัว มีหน้าที่ในการรับน้ำหนัก และเชื่อมโยงเส้นประสาทจากสมองถึงเชิงกราน
ภายในกระดูกสันหลัง จะมีส่วนที่เรียกว่า “ไขสันหลัง” ซึ่งมีหน้าที่นำคำสั่งจากสมองไปสู่อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
“กระดูกสันหลัง” ซึ่งอยู่ด้านนอก จึงมีหน้าที่คอยป้องกัน “ไขกระดูกสันหลัง” ซึ่งอยู่ภายใน “โพรงกระดูกสันหลัง” อีกชั้นหนึ่งด้วย
ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อ จะมี “หมอนรองกระดูก” คั่นกลางอยู่
ลักษณะของ “หมอนรองกระดูก” นี้ ประกอบด้วย 2 ส่วน กล่าวคือ
1.หมอนรองกระดูกชั้นใน มีลักษณะคล้ายเยลลี่ หรือนิวเคลียสพอลโพซัส
2.หมอนรองกระดูกนอก มีลักษณะเหมือนถุงห่อหุ้ม เรียกว่าอนุลัสไฟโบรซัส
ความสำคัญของ “หมอนรองกระดูก” ก็คือ มีหน้าที่รับน้ำหนัก ใช้ในการขยับหลัง เพื่อ ก้ม หรือ แอ่น
ระหว่าง “กระดูกสันหลัง” แต่ละข้อ จะมี “เส้นประสาท” อยู่ภายใน
รู้เรื่องกระดูกใช้ชีวิตถูกวิธี
กระดูกสันหลัง มี 4 ส่วน
ส่วนคอ มี 7 ชิ้น
ช่วงอก มี 12 ชิ้น
ช่วงเอว มี 5 ชิ้น
และช่วงเชิงกราน มี 1 ชิ้น
เมื่ออายุมากขึ้น มีสาเหตุ ที่ทำให้เกิดอาการ “ปวดหลัง” ได้
เช่น มีการฉีกขาด ของ “หมอนรองกระดูกชั้นนอก”
“หมอนรองกระดูกชั้นใน” มีน้ำน้อยลง ทำให้มีคุณสมบัติในการรับน้ำหนักได้น้อยลง
“ข้อต่อด้านหลังเสื่อม” ทำให้หลวม มีการขยับมีกระดูกสันหลังมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดได้
“หมอนรองกระดูก” ที่เสื่อมและเคลื่อนไปทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดร้าวลงขาได้
และ “หินปูน” ที่ “กระดูกสันหลัง” สามารถงอกและยืดไปกดทับเส้นประสาทได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของการปวดอีกอย่างหนึ่งด้วย
น.พ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล
//.........................
หมายเหตุ: ‘หยุดปวดชีวิตเปลี่ยน’: ‘ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกระดูก’: “น.พ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอส โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและระบบประสาท
เพจ S spine and nerve hospital-โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและระบบประสาท
https://web.facebook.com/sspinehospital/
//.........................