ธุรกิจน้ำเมาตลาดเอเซียพุ่ง 34 % WHO ตื่นเร่งคุม ชูปลอดเหล้า 100 %

ที่ประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลก ผวาธุรกิจน้ำเมาข้ามชาติรุกตลาดเอเชียพุ่ง 34 % วอน WHO เพิ่มมาตรการคุมระดับประเทศ พร้อมวางแผนพัฒนานโยบายร่วมระดับโลกแสดงสปิริตประกาศนโยบายปลอดเหล้า 100 %

 

          วันที่ 8 ก.ค. นายแพทย์วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร ที่ปรึกษางานต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งที่72ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีการรายงานสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งถือเป็น 1 ใน5 ปัจจัยเสี่ยงหลักของการเกิดโรคไม่ติดต่อที่กำลังเป็นวาระระดับโลกขององค์การสหประชาชาติโดยประเทศสมาชิกมีการอภิปรายถึงสถานการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผลกระทบอย่างเข้มข้นและเรียกร้องให้ยกระดับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับโลกซึ่งประเทศไทยได้เป็นผู้แทนภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออก (WHO-SEARO) รวม 11 ประเทศ ได้แสดงความกังวลถึงปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงอย่างมากในภูมิภาคเอเชียโดยเพิ่มขึ้น34% ในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2553-2560 จากอัตราการบริโภค 3.5 เป็น 4.7 ลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ต่อคนต่อปีส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายการลงทุนของธุรกิจแอลกอฮอล์ข้ามชาติที่มุ่งเป้าขยายฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และทำการตลาดผ่านโลกออนไลน์อย่างหนัก

 

          “การศึกษาพยากรณ์แนวโน้มการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในโลกและภูมิภาคเอเชีย จะเพิ่มสูงขึ้นอีกมากในอีก 10 ปีข้างหน้าแต่สุราเป็นสิ่งเสพติดเพียงประเภทเดียวที่ไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศควบคุม มีเพียงยุทธศาสตร์โลกว่าด้วยการจัดการปัญหาแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นเครื่องมือวิชาการที่พัฒนามานานกว่า 10 ปีแล้ว แม้การจัดการปัญหาที่ผ่านมาจะมีความก้าวหน้าแต่ยังไม่เพียงพอกับการลดปัญหาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งด้านสุขภาพและสังคมการควบคุมปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คือวาระสำคัญ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานหลายภาคส่วนในทุกระดับ ทั้งระดับประเทศและนานาชาติ” นายแพทย์วิโรจน์กล่าว

 

          นายแพทย์วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ประเทศสมาชิกได้เรียกร้องให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ทบทวนการทำงานในระดับประเทศ และมาตรการต่างๆ อย่างจริงจังว่า มาตรการที่มีอยู่นั้นเพียงพอต่อการแก้ปัญหาในสถานการณ์นี้หรือไม่ โดยในระหว่างการประชุมมีประเทศสมาชิกอีก 25 ประเทศแสดงท่าทีสนับสนุนข้อเรียกร้องนี้ อาทิ ปานามา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม และประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก นอกจากนี้ ไทยยังได้เรียกร้องให้ WHO ซึ่งเป็นองค์กรผู้นำด้านสุขภาพ ให้เป็นตัวอย่างแก่ประชาคมโลก โดยกำหนดการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่อาคารของ WHO ทุกแห่งทั่วโลก รวมทั้งการห้ามมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานเลี้ยงที่ WHO เป็นผู้สนับสนุน โดยทีมเลขาของ WHO รับทราบข้อเรียกร้องเรื่องนโยบายปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 100% และจะเร่งดำเนินการทบทวนปัญหาและดำเนินการโดยเร็ว

 

          ด้านนายแพทย์เทโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Dr.TedrosAdhanomGhebreyesus) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวในที่ประชุมว่า วาระการจัดการปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหน้าที่ของทุกคนทุกฝ่ายองค์การอนามัยโลกจะดำเนินการทบทวนและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินมาตรการต่างๆ ตามยุทธศาสตร์ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับโลก โดยจะปรึกษาหารือกับประเทศสมาชิกอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับการประเมินผลการำเนินงานตามมาตรการต่างๆ และจะนำผลการศึกษามารายงานต่อที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งที่ 73 ในปี 2563 พร้อมข้อเสนอแนะสำหรับการดำเนินการในอนาคตต่อไป

 
//..........................