‘ทะเลน้อย’ เวิ้งกว้างแห่งชีวิตอันงดงาม

ทะเลน้อยเวิ้งกว้างแห่งชีวิตอันงดงาม

 

เมืองหนังโนรา อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน

 

ใครก็ไม่รู้เคยท่องคำขวัญประจำจังหวัด พัทลุงให้ฟัง แล้วเราก็จดจำมาจนทุกวันนี้

 

แหล่งนกน้ำ ในคำขวัญประจำจังหวัดพัทลุง หมายถึง อุทยานนกน้ำทะเลน้อย และก็เป็นเป้าหมายในการเดินทางของเราครั้งนี้ด้วย

 

แล้วรถยนต์ส่วนตัวคันเดิม ก็พาเราจากเมืองหลวง

 

ไล่ไปตามเส้นทางสายใต้ จนผ่าน อ.ระโนด จ.สงขลา

 

เพื่อข้ามสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา สู่ ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง

 

สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นสะพานที่มีความยาว 5.450 กม. ถือว่า เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

 


ภาพชีวิตประมงพื้นบ้าน

 

ที่จุดจอดรถกลางสะพาน จะเห็นได้ชัดเจนว่า มีการแบ่งส่วนภาพ

 

ระหว่างทะเลสาบสงขลา ที่ชาวบ้านเรียกว่า ทะเลหลวง กับของ ทะเลน้อย โดยเชื่อมต่อด้วย คลองนางเรียมซึ่งมีความยาวประมาณ 2 กม.

 

ตรงจุดนี้เอง เราได้สัมผัสกับภาพที่ได้ยินคำร่ำลือมาโดยตลอด ซึ่งแทบจะกลายเป็นสัญญลักษณ์ของ ทะเลน้อยไปแล้ว

 

ภาพที่ว่านี้คือ ฝูงควายที่หากินอยู่กลางน้ำ

 

และภาพที่ว่านี้ ก็ทำให้เพื่อนเราหลายคนตื่นเต้นกันยกใหญ่ เมื่อเห็นควายบางตัวกำลังกินหญ้าบนดอนกลางน้ำ ขณะที่บางตัว ก็กำลังพอกโคลนอย่างสบายอารมณ์

 


ฝูงควายไล่ทุ่ง

 

ฝูงควายเหล่านี้ได้รับสมญาว่า ฝูงควายไล่ทุ่ง แห่งท้องน้ำ ทะเลน้อย เจ้าของควายเหล่านี้จะเป็นใครก็ไม่รู้ แต่เราคิดเอาเองว่า ฝูงควายไล่ทุ่งแห่งท้องน้ำทะเลน้อยนี้ คงมีเจ้าของหลายคนอยู่

 

เพราะเท่าที่สังเกตเห็น ก็พบว่า มีอยู่มากมายหลายฝูงเลยทีเดียว

 

เราเพลิดเพลินกับทัศนียภาพสบายตา ก่อนจะมาถึงอาหารมื้อเย็นในวันนั้น ที่เราได้ลิ้มรสอาหารปักษ์ใต้แท้ ๆ กับรสชาติจัดจ้านสะใจ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ปลาดุกร้า อาหารขึ้นชื่อของทะเลน้อย

 

คืนนั้น เราพักที่ ทวีสุข เรือนพักเล็ก ๆ แต่สะอาด อบอุ่น ริม ทะเลน้อย โดยมีเจ้าของเรือนที่เปี่ยมด้วยอัธยาศัยคอยดูแล แน่นอนว่า เราหลับอย่างเต็มอิ่ม ก่อนจะตื่นขึ้นมายามเช้า เพื่อท่องทะเลน้อย

 

ตี 5 ของเช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น และเมื่อลงมาข้างล่างเรือนพัก เราก็พบว่า ผู้ดูแลได้จัดเตรียมกาแฟ พร้อมปาท่องโก๋ และขนมพื้นบ้านหลากชนิด ให้ได้เรารับประทานกันอย่างเต็มอิ่ม

 

6 โมงเช้า ฟ้าเริ่มสว่างมองเห็นได้รอบทิศ เราจึงข้ามไปลง เรือหางยาว ณ ฝั่งตรงข้ามเรือนพักทวีสุข

 

ตั้งแต่ออกเรือจากฝั่ง เราก็ได้พบกับภาพชีวิตของ วิถีประมงพื้นบ้าน ซึ่งหากินอยู่กับแหล่งปลาน้ำจืดที่ชุกชุมแห่งหนึ่งในภาคใต้

 

พร้อมกับพืชน้ำหลากชนิด ทั้ง บัว ผักตบชวา จอกหูหนู สาหร่าย สลับกับพงหญ้าหนาแน่นกลางลำน้ำ

 


บัวแดง แทงดอก ระดาษดื่น

 

และภาพที่นักท่องเที่ยวทุกคนตั้งใจมาชม คือ ภาพของ นกน้ำนานาชนิด

 

ที่ออกมาหากินในยามเช้า ทั้งนกเป็ดน้ำ นกกาบบัว นกยางขาว นกเหยี่ยว และนกอื่น ๆ อีกหลายชนิด ที่มีให้ชมตลอดเส้นทางเดินเรือ

 

นั่งเรือมาได้พักหนึ่ง เราก็พบกับเรือน ศาลากลางน้ำ

 

คนขับเรือ บอกกับเราว่า ศาลาแห่งนี้ มีชื่อว่า ศาลานางเรียม

 

เมื่อก่อนจะมีเรือยนต์ข้ามฟาก ระหว่างทะเลน้อย กับฝั่งอ.ระโนด จ.สงขลา ศาลานางเรียม ก็คือจุดแวะระหว่างทาง

 

เสียงคนขับเรือบอกเล่าเรื่องราวด้วยสำเนียงคนใต้ ให้เราได้รับฟัง ขณะที่เรือมาถึง ศาลานางเรียม

 

ก่อนจะแวะจอดเรือ ให้ทั้งคณะขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศอันร่มรื่น และรับลมเย็นสบายบนนั้น

 


ศาลานางเรียม เงียบสงบ

 

เราใช้เวลาอย่างรื่นรมย์ กับทัศนียภาพละลานตา ขณะที่บางคนก็ใช้เวลาในการจัดการธุระส่วนตัว ในห้องน้ำที่มีให้บริการ บน ศาลานางเรียม

 

เราถือโอกาสชื่นชมบัวหลวงสีชมพู และสีขาว รอบ ๆ ศาลานางเรียม สลับกับต้นเตยน้ำหลายต้น ที่ขึ้นรวมกลุ่มเป็นดงใหญ่อยู่อีกด้าน ซึ่งก็ว่ากันว่า เป็นแหล่งอาศัยของนกน้ำยามค่ำคืน

 

เล่ากันว่า ในอดีตบริเวณ ศาลานางเรียม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากคลองนางเรียมแห่งนี้ คือ แหล่งจระเข้น้ำจืดที่มีอยู่อย่างชุกชุม แต่ปัจจุบันคงเหลือแค่ตำนาน เพื่อบอกเล่าให้คนรุ่นหลังได้รับฟัง

 

เพราะวันนี้ แทบไม่มีวี่แววเรื่องราวที่เล่าขานแสดงให้เห็นว่า พื้นที่บริเวณนี้ จะมีคนเจอจระเข้เลย

 

หลังจากผ่าน ศาลานางเรียม ซึ่งเป็นต้นปากคลองนางเรียม เรือก็แล่นผ่านคลองนางเรียม ลอดใต้สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งสองฝั่งคลองนางเรียม ก็คือ ที่ดอนกลางน้ำที่มีการเลี้ยงควายไล่ทุ่ง

 

ช่วงเช้าอย่างนี้ เจ้าของควายเริ่มปล่อยฝูงควาย ให้ออกมาหากินแบบบุฟเฟ่ต์ตามอัธยาศัย

 

ภาพที่เห็นจึงเป็นภาพฝูงควาย ที่บางคนนึกสนุกปาก เรียกว่า ควายน้ำ หรือไม่ก็ ควายทะเล ที่ออกมาหากินยามเช้า บนที่ดอนกลางน้ำอย่างมีความสุข

 

แล้วเรือก็พาเรามาจนถึงบริเวณที่เรียกว่า ทะเลหลวง อันกว้างใหญ่

 

เราใช้เวลาที่นี่ ดูรอยต่อของทั้งสองภาพอยู่นานพอสมควร ก่อนที่เรือลำเดิมจะหันหัว นำเรากลับเข้าสู่ทะเลน้อยอีกครั้ง โดยใช้อีกเส้นทางหนึ่ง นำเรากลับไปสู่ท่าที่เราลงเรือ ขณะที่แสงแดดก็เริ่มแผดร้อนขึ้นเรื่อย ๆ

 


ปลาดุกร้า อาหารขึ้นชื่อ

 

แสงแดดสีทองสาดส่องไปทั่ว ทะเลน้อย และไอแดดก็ลามเลียผิวกายจนร้อนผ่าว

 

ทว่า ! น่าแปลก ที่แดดอันร้อนแรง ไม่ได้ลดทอนความสุข จากทัศนียภาพแสนงามที่เราได้พบเห็น

 

มีก็แต่ความสุข และความประทับใจ ที่ยังคงอยู่ และเชื่อว่าจะอยู่อีกยาวนาน

 

นี่เป็นครั้งหนึ่ง กับการล่องเรือชมความงาม ของ ทะเลน้อย และเป็นอีกครั้งหนึ่ง ของความประทับใจ เช่นเดียวกับมิตรภาพอันงดงาม จากผู้คนแห่ง ทะเลน้อย

 

ทะเลน้อยทวีนามทวีสุข

ข้ามทะเลทุกข์อันไพศาล

แท้แท้ย่อมแท้และทนทาน

แท้ในตำนานทะเลน้อย

 


ตื่นตานกน้ำทะเลน้อย

 

ลาก่อน ทะเลน้อย ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ แห่งลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ที่งดงามด้วย วิถีชีวิต

 

แล้วเราจะกลับมาเยือน ทะเลน้อย อีกครั้งในเร็ว ๆ วันนี้อย่างแน่นอน...

 

 

//............................

หมายเหตุ : ทะเลน้อยเวิ้งกว้างแห่งชีวิตอันงดงาม : คอลัมน์ ลมหายใจเดินทางโดย จตุระคน” (ออนอาร์ต) : บางกอกไลฟ์นิวส์

//........................