คลายข้อสงสัย รู้จัก “หน้ากากอนามัย” แต่ละแบบ

 

กรมวิทยาศาสตร์บริการ เผยแพร่ข้อมูล ข้อดีข้อเสียและความแตกต่างของ "หน้ากากอนามัย" แต่ละแบบ ผ่านเพจ "Doctor D" เป็นข้อมูลให้เลือกใช้ดูแลรักษาสุขภาพ ให้เหมาะสมตามสภาพแวดล้อม

 

 

 

 

          ตอนนี้ไปทางไหนเรื่องของ “หน้ากากอนามัย” กลายเป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปแล้ว หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า “หน้ากากอนามัย” แต่ละแบบมีประโยชน์อย่างไร มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไรบ้าง งานนี้ “กรมวิทยาศาสตร์บริการ” บอกเล่าข้อมูลผ่านเพจ “Dr.D” ให้เข้าใจกันง่ายๆ ดังนี้

 

          มีเพื่อนๆ สอบถาม Dr.D มาบ้างเรื่องการเลือกใช้หน้ากาก ซึ่งตอนนี้พากันขาดตลาดไปหมด 

 

          วิกฤตที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มีอยู่หลักๆ ด้วยกัน 2 เรื่อง คือ "ฝุ่น PM 2.5" และ "ไวรัสโคโรน่าอู่ฮั่น" ซึ่งการเลือกใช้หน้ากากก็ขึ้นอยู่กับว่า จะเลือกใช้หน้ากากเพื่อป้องกันอะไรนะครับ

  

          สำหรับไวรัสโคโรน่าอู่ฮั่น ซึ่งหลายๆ คนกำลังหวาดกลัวกันนั้น Dr.D ขอบอกว่า เป็นไวรัสที่ติดต่อได้จากสารคัดหลั่ง/ของเหลวจากร่างกาย เช่น น้ำลาย อุจจาระ ไม่ได้ล่อยลอยตัวเปล่าๆ อยู่ในอากาศหรือที่เรียกกันว่า Airbourne จะต้องมีสารคัดหลั่งพามาด้วยเสมอ ดังนั้นถึงหน้ากากจะขาดตลาดก็อย่าเพิ่งกังวลมากไปครับ เพราะการจะมีคนมาจามใส่หน้าใกล้ๆ พาละอองน้ำลายมาถึงหน้าย่อมไม่ใช่เรื่องปกติ -- สิ่งที่เหล่าแพทย์เน้นย้ำก็คือ จะต้องล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ อย่านำมือสกปรกไปจับหน้า ขยี้ตา ซึ่งจะทำให้เชื้อโรคที่ติดอยู่กับมือนั้น เข้าสู่ร่างกายได้ -- และสิ่งที่แพทย์กังวลอีกอย่างก็คือ คนที่ใส่หน้ากากแล้ว คิดว่าปลอดภัยแล้ว กลับเอามือสกปรกไปขยับหน้ากากบ่อยๆ จับไปจับมา มีเชื้อติดหน้ากากเข้าไปอีก ก็อันตรายเหมือนกันครับ

 

          ส่วนตัวของ Dr.D นั้น กลัวเรื่องฝุ่น PM 2.5 มากกว่าเพราะทำลายสุขภาพของเราในระยะยาว ซึ่งเมื่อสุขภาพของเราอ่อนแอ เราก็จะป่วยง่ายนะครับ

 

          ทีนี้มาพูดถึงการเลือกหน้ากากกันบ้าง

 

 

          * N95

          เป็นหน้ากากที่ใช้ป้องกันได้ทั้งฝุ่น PM 2.5 และไวรัสโคโรน่าครับ ข้อเสียคือ ใส่แล้วอึดอัด หายใจยาก อาจใส่ได้ไม่นาน -- ใครที่ใส่แล้วรู้สึกว่าหายใจโล่งสบาย แปลว่าอาจใส่ผิดนะครับ

 

          * หน้ากากทางการแพทย์ - Surgical Mask

          เป็นหน้ากากที่เหมาะสมสำหรับกันไวรัส เพราะมีการเคลือบสารกันซึมในด้านสีเขียว ซึ่งกันน้ำกันละอองได้ระดับหนึ่ง สามารถลดการรับเชื้อไวรัสที่มากับละอองน้ำลายจากการไอและจามได้ 

 

          * หน้ากากคาร์บอน

          จริงๆ แล้ว หน้ากากคาร์บอนมีคุณสมบัติเพิ่มเติมจากหน้ากากทั่วไปในการช่วยดับกลิ่นและดูดซับความชื้น กระทรวงสาธารณสุขเคยออกมากล่าวว่า หน้ากากคาร์บอนสามารถป้องกันเชื้อไวรัสที่มาจากการไอและจามได้เช่นเดียวกับหน้ากากทางการแพทย์

  

          ** ทั้งหน้ากากทางการแพทย์และหน้ากากคาร์บอน อาจไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก และการครอบหน้าไม่มิดชิดอาจมีฝุ่นหรือลมรั่วเข้ามาได้ แต่หากไม่มีหน้ากาก N95 ก็สามารถใช้ไปพลางก่อนได้

 

          * หน้ากากกันฝุ่น PM 2.5

          หน้ากากนี้สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ แต่ไวรัสที่มีขนาดเล็กกว่าฝุ่นล่ะ? -- เรื่องนี้มีข้อถกเถียงกันอยู่บ้าง หลายท่านบอกว่า เนื่องจากไวรัสไม่ได้อยู่เดี่ยวๆ จะอยู่ร่วมกับสารคัดหลั่ง ซึ่งสารคัดหลั่งมีขนาดใหญ่กว่า PM 2.5 ก็น่าจะกันได้ แต่หลายท่านก็บอกว่า กันไม่ได้

 

          อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงไกด์ไลน์คร่าวๆ เพื่อนๆ ควรดูสมบัติของหน้ากากแต่ละชนิดจากข้างกล่องนะครับ เพราะปัจจุบันหน้ากากมีความหลากหลายมาก วิธีการสวมหน้ากากก็สำคัญ หากสวมผิดก็จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงไปอีก นอกจากนั้นยังมีหน้ากากอื่นๆ อีกหลายแบบ แต่เนื่องจากมีข้อมูลน้อย Dr.D จึงขออนุญาตไม่กล่าวถึงนะครับ

 

          Dr.D ห่วงใย ขอให้เพื่อนๆ ปลอดภัยและมีสุขภาพดีครับ 

 

 

          #กรมวิทยาศาสตร์บริการ #กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม #DoctorD #ฝุ่น #ไวรัสโคโรน่า

 

CR : Facebook Doctor D