พช. จับมือ สภาสตรีฯ เดินหน้ารณรงค์ใช้ผ้าไทยในจังหวัดแพร่


อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนจับมือประธานสภาสตรี รณรงค์สตรีแพร่ ใส่ผ้าไทย ช่วยสร้างเศรษฐกิจไทยให้มั่นคง ตามโครงการ “สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” โชว์ผ้าไทยประยุกต์แบรนด์ดังระดับสากล 

 

 

          นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และ นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ขับเคลื่อนโครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน กับจังหวัดแพร่ นำโดย นางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ณ ห้องประชุมสักทอง 1 - 3 โรงแรมแม่ยมพาเลส อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ โดยก่อนการลงนามได้มีการแสดงโชว์อัตลักษณ์ผ้าไทยของจังหวัดแพร่ ด้วยการเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไทย ผ้าไทยประยุกต์ จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับสากลที่ออกแบบและผลิตโดยคนแพร่ จำนวน 14 แบรนด์ อาทิ อัญชิ กฤษณะ เลอโซเลย์ เป็นต้น ทำให้เห็นถึงความสวยงาม น่าสวมใส่ และใส่ได้ทุกวัน ทุกโอกาส

 

 

          ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ กล่าวว่า ภารกิจของสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์กิจกรรมหลักจะเป็นเรื่องของสตรี มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพอาชีพสืบสานโครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวงเมื่อได้ทำโครงการอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทยดำรงไว้ในแผ่นดิน ทำให้เข้าใจถึงกรรมวิธีการผลิตการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นงานทรงคุณค่าและเป็นงานภูมิปัญญาที่สืบทอดสู่รุ่นหลานดังนั้นหาก 35 ล้านคน หันมาใส่ผ้าไทยก็จะสร้างรายได้กลับสู่ชุมชนเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากสู่ความมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืน สืบสานภูมิปัญญาในวันนี้จังหวัดแพร่ได้จัดงาน 1191 ปี คือสิ่งที่สืบทอดจากบรรพบุรุษที่ต้องรักษาไว้อย่างยิ่ง

 

 

          การลงนามบันทึกข้อตกลงความความร่วมมือ ตามโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน จังหวัดแพร่” ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยการอนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทยอันมีอัตลักษณ์และทรงคุณค่า ศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงอยู่ปรากฏเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย และให้ทั่วโลกได้ชื่นชม อีกทั้งช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เกิดกระแสความนิยมการแต่งกายด้วยผ้าไทย โดยเน้นในกลุ่มข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างหน่วยงานของรัฐให้ใช้ผ้าไทยอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งทุกคนได้มีส่วนร่วมสืบสาน อนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดิน และที่สำคัญเพื่อเป็นสนับสนุน ส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ และเสริมสร้างรายได้ให้กลุ่มสตรีในท้องถิ่นอีกด้วย

 

 

          นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวง ที่ทรงฟื้นฟูการทอผ้าไทยมาตั้งแต่ พ.ศ.2514 ทรงให้ชาวบ้านทอผ้าเพื่อไปตัดชุดฉลองพระองค์และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นค่าผ้าและส่งเสริมพัฒนาฝีมือและจัดประกวดการทอผ้าทำให้ได้ทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และทำให้ตระหนักถึงความเป็นตัวตนของผู้คนผ่านการทอผ้า เช่น การสวมใส่ผ้าหม้อห้อมของคนแพร่ ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนดังนั้นจึงต้องร่วมมือกันในการเชิญชวนภาคีเครือข่ายในจังหวัดร่วมถึงส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนในการร่วมกันสวมใส่ผ้าไทย หากคนไทย 35 ล้านคนใส่ผ้าไทยเพิ่มขึ้นคนละ 10 เมตร เมตรละ 300 บาท จะสร้างรายได้ 105,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวนั้นจะกระจายถึงคนในชุมชนและอีกหลายชีวิต จะทำให้เศรษฐกิจของชาติเกิดการหมุนเวียนเกิดความมั่นคงด้านเครื่องนุ่งห่มรวมทั้งแสดงถึงการมีวัฒนธรรมที่ดีงาม

 

          “จังหวัดแพร่มีศิลปินแห่งชาติ สาขาประณีตศิลป์-ศิลปะการทอผ้า คนสำคัญ คือ แม่ประนอม ทาแปง ท่านมีส่วนช่วยทำให้งบประมาณของกรมการพัฒนาชุมชน ได้รับงบประมาณในการพัฒนางบโอทอป ในปี 2563 อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จังหวัดแพร่มีผ้าหม้อห้อม อันเป็นสีเดียวกับกรมการพัฒนาชุมชน ผมคงต้องสั่งซื้อผ้าหม้อห้อมแล้วใส่ตรากรมการพัฒนาชุมชนให้เจ้าหน้าที่ใส่ทำงานสัก 1 วัน โดยจะคัดเลือกร้านที่มีกำลังการผลิตและจะคัดเลือกแบบอีกครั้งหนึ่ง” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าว

 

 

 

 

          ขณะที่ นางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่าจังหวัดแพร่มีความยินดี ที่ได้รับเกียรติจากสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และกรมการพัฒนาชุมชนที่ให้เกียรติมาเยี่ยมจังหวัดแพร่ และจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU โครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ทั้งนี้ จังหวัดแพร่มีทรัพยากรไม้สักทองที่สวยที่สุด มีวิถีชีวิตที่เป็นอัตลักษณ์ และมีผ้าหม้อห้อมที่สืบทอดมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นซึ่งขณะนี้ได้มีการพัฒนาให้กว้างไกลไปสู่ความเป็นสากล ขอขอบคุณกรมการพัฒนาชุมชนและสภาสตรีแห่งชาติฯ ที่ให้การสนับสนุนการอนุรักษ์ผ้าถิ่นไทย จนเกิดโครงการสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดินครั้งนี้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดประโยชน์แก่คนไทยอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่ในจังหวัดแพร่เท่านั้น