พช. เตรียมเปิดตัว “ชุมชนต้องเที่ยว” พร้อมแรงหนุนจากแพลตฟอร์มระดับโลก

 

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เตรียมเปิดตัว “ชุมชนต้องเที่ยว (Community Tourism : Creative Experience)” 100 ชุมชนนำร่อง เน้นกลุ่มเป้าหมายหลัก “ชุมชนท่องเที่ยวดาวเด่น” (A) จากชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี มี Airbnb แพลตฟอร์มยักษ์ด้านที่พักและท่องเที่ยวร่วมหนุน

 

 

          นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ชุมชนต้องเที่ยว” (Community Tourism : Creative Experience) ระหว่างวันที่ 21 - 23 ธันวาคม 2562 กลุ่มเป้าหมาย คือ ชุมชนท่องเที่ยวดาวเด่น (A) ที่มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว จำนวน 100 ชุมชน โดยมี นางมิช โกห์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Airbnb และคณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมเปิดการประชุมฯ ณ ห้องจูปิเตอร์ 11-13 อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็คเมืองทองธานี

 

 

 

          นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน ได้รับมอบหมายจากกระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินการส่งเสริมหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว มาตั้งแต่ปี 2549 และดำเนินโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เมื่อปี 2561 ส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวนพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน ที่กรมฯ ดำเนินการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 3,573 ชุมชน แบ่งประเภทชุมชนท่องเที่ยว ออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ 1) ชุมชนท่องเที่ยวดาวเด่น (A) จำนวน 211 ชุมชน 2) ชุมชนท่องเที่ยวดาวรุ่ง (B) จำนวน 730 ชุมชน 3) ชุมชนโดดเด่นเฉพาะด้าน  (C) จำนวน 1,472 ชุมชน และ 4) ชุมชนสินค้า OTOP (D) จำนวน 1,160 ชุมชน

 

 

          ดังนั้น เพื่อเป็นการเสริมพลังชุมชนท่องเที่ยวให้มีความพร้อมในทุกด้าน กรมฯ จึงได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ“ชุมชนต้องเที่ยว” (Community Tourism : Creative Experience) ครั้งนี้ขึ้น วัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจแนวทางการพัฒนาศักยภาพชุมชนท่องเที่ยว การวางแผนกำหนดทิศทางการส่งเสริมชุมชนท่องเที่ยว การประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการตลาด รวมถึงการเชื่อมโยงธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย กล่าวคือ ชุมชนท่องเที่ยวดาวเด่น (A) ที่มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 100 ชุมชน  ซึ่งแต่ละชุมชนมีผู้เข้าร่วมประชุม 3 คน ประกอบด้วย นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พัฒนากร และผู้นำชุมชนท่องเที่ยว จาก 63 จังหวัด รวม 300 คน โดยมีภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ บริษัท Airbnb นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของการท่องเที่ยวโดยชุมชน การใช้เทคโนโลยี การใช้สื่อออนไลน์ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เพื่อการเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในครั้งนี้ด้วย

 

 

          ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวสอดรับกับแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศของรัฐบาล ที่มีรูปแบบการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน คือ “เอกชนนำ ประชาชนลงมือทำ และรัฐสนับสนุน” ในส่วนของการส่งเสริมชุมชนท่องเที่ยวที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ภาคเอกชนเข้ามาร่วมทำงาน อาทิ เจ้าของแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ คือ Airbnb ที่เป็นเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น ให้บริการที่พักและกิจกรรมเชิงประสบการณ์ การประสานความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อเชื่อมโยงเชิงธุรกิจกับบริษัทนำเที่ยว และเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ ในส่วนของภาครัฐ นอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยตรงแล้ว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเป็นส่วนสำคัญในการร่วมประสานกำลังในพื้นที่ เพื่อสร้างระบบการบริหารจัดการเพื่อรองรับการท่องเที่ยว ทั้งความสะดวก สะอาด และความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว

 

 

          นายสุทธิพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของ “พัฒนากร” บุคลากรที่สำคัญของกรมการพัฒนาชุมชน คือ ผู้ร่วมทำงานกับประชาชนในพื้นที่ ทำหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน และประสานงาน สร้างกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ให้ร่วมกันสร้างกลไกและระบบบริหารจัดการชุมชนท่องเที่ยวให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน และที่ขาดไม่ได้ คือ ผู้นำชุมชนท่องเที่ยว “ผู้ลงมือทำ” ผู้ที่ทำหน้าที่ในการสร้างสรรค์รูปแบบการท่องเที่ยวโดยชุมชน จากอัตลักษณ์และทุนของชุมชน รวมถึงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

 

 

          “การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสและจุดเริ่มต้นที่ดีของความร่วมมือในการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการขยายผลความสำเร็จสู่ชุมชนท่องเที่ยวที่มีศักยภาพทั่วประเทศ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมช่องการตลาดสร้างการรับรู้จะเข้าถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เชื่อมโยงจากแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง กระจายรายได้สู่แหล่งท่องเที่ยวในชุมชนต่อไป”  อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าวทิ้งท้าย