“หมอประกิต” ผนึกเครือข่ายสุขภาพ ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า

“หมอประกิต” จับมือเครือข่ายสุขภาพ ชื่นชม “รองนายกฯอนุทิน” แสดงจุดยืนไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า ให้กำลังใจวอนรัฐบาลจริงจังแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า

 

          ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ถึงเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าว่าเป็นภัยเงียบและมีอันตรายเช่นเดียวกับยาสูบ หลังจากพบผู้ป่วยปอดอักเสบที่มีสาเหตุจากบุหรี่ไฟฟ้ารายแรกของไทย พร้อมแสดงความเป็นห่วงเตือนให้ประชาชนเลิกบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าว่า ในฐานะคนที่ติดตามปัญหาเรื่องบุหรี่มาตลอดเกือบสี่สิบปี ขอขอบคุณ นายอนุทิน แทนคนไทย โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทย ที่ประกาศจุดยืนและแสดงความเป็นห่วงในประเด็นการสูบบุหรี่ไฟฟ้า และยังเคยประกาศตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่งว่า จะไม่แก้กฎหมายเพื่อให้เกิดการขายบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างเสรี โดยไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันจากฝ่ายธุรกิจ ซึ่งได้เคยประกาศว่า จะปลดล็อกบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งมาตรการห้ามบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้เยาวชนไทยจำนวนมาก เสี่ยงตกเป็นเหยื่อการเสพบุหรี่ไฟฟ้าลดลง เพราะพบว่าเมื่อเริ่มสูบบุหรี่แล้ว 7 ใน 10 คนเลิกสูบไม่ได้ตลอดชีวิต เพราะติดนิโคติน ซึ่งไม่ว่าจะบุหรี่ไฟฟ้าหรือบุหรี่แบบมวน ก็มีนิโคตินที่ทำให้เสพติดได้เช่นเดียวกัน

 

 

          ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า สถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบัน พบว่ามีการเผยแพร่ผลการวิจัย รายงานทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับผลกระทบและอันตรายด้านสุขภาพ อาทิ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด การเปลี่ยนแปลงของยีนของเซลล์เยื่อบุช่องปากในคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า เช่นเดียวกับคนที่สูบบุหรี่ธรรมดา หนูทดลองที่สูดควันบุหรี่ไฟฟ้า 1 ปี เป็นมะเร็งปอดได้ถึง 1 ใน 4 ของหนูที่นำมาทดลอง ก่อนที่ล่าสุด สหรัฐอเมริกา รายงานว่ามีผู้ป่วยปอดอักเสบรุนแรงจากบุหรี่ไฟฟ้าที่ผสมสารกัญชา 2,290 รายเสียชีวิต 47 ราย และพบรายงานในอีกหลายประเทศ จนเริ่มมีคำแนะนำให้หยุดสูบบุหรี่ไฟฟ้าเช่นเดียวกับบุหรี่มวน จึงเป็นเรื่องที่ดี ที่ผู้นำด้านสุขภาพจะคำนึงถึงเรื่องดังกล่าว

 

 

          ด้าน นายธนเดช  ใจสบาย  ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ ในฐานะที่พ่อป่วยด้วยมะเร็งกล่องเสียงระยะที่ 4 เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับรัฐบาล และท่านรองนายกรัฐมนตรี อนุทิน ที่เอาจริงกับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า และรู้สึกดีใจที่รัฐบาลอยากแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพราะวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา กำลังได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องว่า บุหรี่ไฟฟ้า เป็นทางเลือกใหม่ ทั้งที่มีรายการการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งหลายประเทศห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว

 

           “พ่อป่วยจากการสูบบุหรี่ เริ่มพบมะเร็งกล่องเสียงเมื่อปี 61 ส่วนผมก็แอบเอาก้นบุหรี่พ่อมาสูบเล่นจนตัวเองเริ่มสูบวันละ 1-2 ซอง เมื่ออยู่ในครอบครัวที่มีผู้ป่วยมะเร็ง ทั้งครอบครัวก็ป่วยกันหมด ต้องช่วยกันดูแล ลางานมาเฝ้า หมดค่ารักษาจำนวนมาก แม้ว่าจะมีบัตรทอง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายจำนวนมากเกิดขึ้น จึงรู้ว่าจำเป็นแค่ไหนที่ต้องหยุดผลกระทบที่เกิดจากบุหรี่ทุกชนิด” นายธนเดช กล่าว

 

 

          นายอธิวัฒน์  เนียมมีศรี  ผู้ประสานงานเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ถือว่าเป็นเรื่องดีที่นายอนุทิน มีจุดยืนที่ชัดเจน ไม่หลงกลภาคธุรกิจที่ใช้คนจำนวนมากสร้างความกดดันเพื่อสร้างผลประโยชน์ ซึ่งนอกจากกระทรวงสาธารณสุข อยากให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  ที่ดูแลสื่อสังคมออนไลน์ช่วยจัดการเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าให้จริงจัง โดยพบว่ากลุ่มวัยรุ่นจำนวนมาก มีความเข้าใจผิดจากแรงโฆษณาในโลกออนไลน์ และพบว่ากลุ่มวัยรุ่นสูบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมากทั้งที่มีกฎหมายห้าม แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ผิด และ การบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่เข้มข้นพอ ซึ่งรัฐบาลต้องทำงานเรื่องนี้อย่างจริงจัง