พช. ยึดหลัก “บวร” สร้างสังคมแห่งความสุขอย่างยั่งยืน

 

พช. ยึดหลัก บวร “บ้าน-วัด-ราชการ” ขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนสร้างสังคมแห่งความสุข พร้อมอาราธนานิมนต์พระสงฆ์เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนให้ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรม

 

 

          นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย บรรยายพิเศษเรื่อง "บทบาทพระสงฆ์กับการพัฒนาชุมชน" ในโอกาสที่เจ้าคณะจังหวัดคณะธรรมยุตประชุมสัญจรกับคณะอนุกรรมการคณะธรรมยุต ครั้งที่ 1/2562 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 ธันวาคม 2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าคณะจังหวัดคณะธรรมยุต ได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคณะอนุกรรมการคณะธรรมยุต ในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น รวมทั้งรับทราบระเบียบวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสมร่วมกัน และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ศาสนกิจของวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยในการประชุมได้เชิญภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมบรรยายถึงบทบาทหน้าที่ของพระสงฆ์ในการจรรโลงสังคม แสดงถึงการทำงานร่วมกันของผู้นำในทุกมิติ อาทิ ปลัดกระทรวงมหาดไทย บรรยายในหัวข้อ พระพุทธศาสนากับการปกครองของประเทศไทย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ บรรยายในหัวข้อ บทบาทสงฆ์กับการศึกษาของชาติไทย และอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน บรรยายในหัวข้อ บทบาทพระสงฆ์กับการพัฒนาชุมชน อันแสดงให้เห็นถึงการทำงานแบบบูรณาการทุกภาคส่วน ณ วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

 

 

          นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้กล่าวระหว่างการบรรยายเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของพระสงฆ์ที่มีต่อการดำเนินงานของกรมการพัฒนาชุมชน โดยเป็นส่วนเติมเต็มสำคัญที่กรมการพัฒนาชุมชนได้ยึดเป็นหลักของการดำเนินงานมาโดยตลอด นั่นคือ หลัก "บวร" อันประกอบด้วย บ้าน วัด ราชการทุกภาคส่วน ซึ่ง 3 ส่วนนี้เป็นเสาหลักในการพัฒนาชุมชน ที่จะนำมาซึ่งความเจริญของประเทศชาติต่อไป โดยในปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในสมัยของโลกยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เกิดวิกฤตต่าง ๆ มากมาย ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ สภาวะโลกร้อน ปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาต่างๆ เหล่านี้ เป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกัน ทุกภาคส่วนต้องมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนอย่างมีจิตอาสา น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้น้อมนำศาสตร์พระราชามาสู่การปฏิบัติด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้หมู่บ้าน ตำบลมีความเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

 

 

         อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวเพิ่มเติมว่า ใน ปี 2563 กรมการพัฒนาชุมชนมีแนวทางในการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชน สู่ตำบลเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง และยังยืน แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับครัวเรือน เป็นขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาให้ทุกครัวเรือนมีความพอมีพอกิน พออยู่ พอใช้ พอร่มเย็น เช่น การปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน โดยใช้ “โก่งธนูโมเดล” เป็นต้นแบบ และ ระดับชุมชน เป็นขั้นก้าวหน้า เป็นการพัฒนา เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ มีการรวมกลุ่ม ด้วยการประกอบสัมมาชีพ ในเบื้องต้นได้ ใช้ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน ทั้ง 11 แห่ง ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ตาม รูปแบบ "โคก หนอง นาโมเดล” โดยใช้ภาคประชาชนที่เป็นแกนนำในพื้นที่ดำเนินการพัฒนา เป็น "ปราชญ์" ชุมชน เพื่อเป็นต้นแบบของการสร้างอาชีพของตนเอง ทั้งนี้การขับเคลื่อนทั้ง 2 ระดับ กรมการพัฒนาชุมชน ได้มอบหมายให้ “พัฒนากร” เป็นแกนหลัก บูรณาการการทำงานร่วมกับภาคีการพัฒนา และผู้นำชุมชนในพื้นที่ พัฒนาสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ ตำบลเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

 

          ทั้งนี้ในช่วงท้ายของการบรรยาย อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้กล่าวอาราธนานิมนต์พระสงฆ์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน ในฐานะที่พระสงฆ์เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวบ้านเพื่อให้งานพัฒนาชุมชนประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรม สร้างสังคมแห่งความสุขอย่างยั่งยืน