“อุดรธานี” จับมือ “สภาสตรีฯ” รณรงค์ใส่ผ้าไทย สร้างงาน เสริมแกร่งชุมชน


ผู้ว่าฯ อุดรธานี ลงนามความร่วมมือกับ สภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมรณรงค์ใส่ผ้าไทยปลุกเศรษฐกิจชุมชนสร้างงานสร้างอาชีพกว่า 9 พันล้าน นำร่องที่ จ.อุดรธานี



 

          นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้การต้อนรับ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน และ นางรชตพร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการจากสภาสตรีแห่งชาติ ฯ เพื่อร่วมพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือ “โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ณ โรงแรมเจริญโฮเต็ล จ.อุดรธานี

 

 

          การลงนามบึนทึกข้อตกลงในครั้งนี้ มีองค์กรสตรีใน จ.อุดรธานี ร่วมลงนาม ประกอบด้วย นางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิง จ.อุดรธานี ดร.ประกายแก้ว รัตนะนาคะ นายกสมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชน จ.อุดรธานี พญ.เฉลิมวรรณ ศศิประภา นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจหญิง และวิชาชีพแห่งประเทศไทย ดร.ยงฤดี พูลทรัพย์ นายกสมาคมสตรีอุดรธานี รศ.ดร.กฤตติกา แสนโภชน์ นายกสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติอุดรธานี นายอิทธพนธ์ ตรีวัฒนสุวรรณ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุดรธานี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และตัวแทนองค์กรสตรี จ.อุดรธานี จำนวน 250 คน เข้าร่วมงาน 

          ภายในงานยังมีการเสวนาเรื่องแนวทางส่งเสริมการใส่ผ้าไทยให้เป็นชีวิตประจำวัน โดย ดร.วันดี กล่าวว่า สตรีไทยโชคดีกว่าสตรีชาติใดในโลก เพราะเรามีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงฟื้นฟูผ้าไทยให้สตรีไทยได้มีอาชีพเสริมจากการทำไร่ ทำนา จนในปัจจุบันพัฒนาเป็นอาชีพหลัก ทั้งนี้การประสานความร่วมมือ “โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” เริ่มนำร่อง ที่ จ.อุดรธานี โดยหลังจากนี้จะรณรงค์ ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป 

 

 

          นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า จ.อุดรธานีเป็นเมืองแห่งการใช้ผ้าไทย ข้าราชการใส่ผ้าไทย 6 วันต่ออาทิตย์ และมีการสนับสนุนให้ประชาชนร่วมกันใส่ผ้าไทยตักบาตรในทุกวันพระ 

          ขณะที่ นางประดิษฐ์ ครูทอผ้า กล่าวว่า การศึกษาจบระดับ ป.4 แต่เรียนรู้การทอผ้าจากภูมิปัญญาของพ่อแม่ จึงทำอาชีพทอผ้ามากว่า 30 ปี ตั้งแต่ขายได้ในราคาผืนละ 900 จนถึงปัจจุบันบางผืนมีราคาเป็น 100,000 บาท และยึดอาชีพทอผ้าเป็นอาชีพหลัก รายได้จากการขายผ้าที่ทอได้ สามารถส่งเสียบุตรเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี ยกระดับคุณภาพชีวิตในครอบครัว

 

 

          ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือ โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ร่วมกันสภาสตรีแห่งชาติฯ ซึ่งมีองค์กรสมาชิก จำนวน 212 องค์กร กระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการใช้ผ้าไทย

 

          ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยการอนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทยศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงคงอยู่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ให้ชาวโลกได้ชื่นชม อีกทั้งเพื่อเชิดชูอัตลักษณ์คุณค่าผ้าท้องถิ่นให้เกิดกระแสความนิยมการแต่งกายผ้าไทยแก่ประชาชนทั่วไปทั่วประเทศ และยังสนับสนุนส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพและเสริมสร้างรายได้ให้กับกลุ่มสตรีในท้องถิ่นสภาสตรีแห่งชาติฯจึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นมา

 

 

          ดร.วันดี กล่าวว่า หากคนไทยทั้งประเทศพร้อมใจกันสวมใส่ผ้าไทยในทุกวันทั้งประเทศ จะช่วยเป็นการส่งเสริมการทอผ้าในชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ ลดปัญหาการว่างงาน ลดปัญหาการย้ายถิ่นฐาน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ ถ้าคนไทยร่วมมือร่วมใจกันใส่ผ้าไทย เพียง 30 ล้านคน จะมีความต้องการใช้ผ้าไทยถึง 300 ล้านเมตร/ปี เฉลี่ยราคาเมตรละ 300 บาทจะมีมูลค่ากว่าปีละ 9,000 ล้านบาท" ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ กล่าวเชิญชวน

 

 

          นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เพื่อรณรงค์ให้คนไทยทั้งประเทศร่วมมือร่วมใจกันใส่ผ้าทอไทย ไม่ว่าจะเป็นผ้าฝ้าย ผ้าไหม เพื่อช่วยกันสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำกระจายรายได้ให้แก่ชุมชน รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่น

          ทั้งนี้ การใส่ผ้าทอไทยทุกผืน ก่อให้เกิดรายได้กระจายไปยังชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสตรีกว่า 90% รายได้ที่เกิดจากการทอผ้าออกจำหน่ายจะสามารถช่วยสตรียกระดับคุณภาพชีวิต ส่งบุตรหลานให้มีโอกาสเล่าเรียน ดูแลครอบครัวได้เมื่อยามเจ็บป่วย สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง