ประธานสภาสตรีฯ ขึ้นเวที UN ชวนลดโลกร้อนเริ่มที่บ้าน

 

ดร.วันดี ประธานสภาสตรีฯ ขึ้นเวที UN ในงานประชุม Asia Pacific Climate Week ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาวะโลกร้อน (United Nation Framework Convention on Climate Change -UNFCCC) เชิญชวนช่วยลดโลกร้อนเริ่มที่การคัดแยกขยะในครัวเรือน

 

 

 

           ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ขึ้นเวที UN ประเทศไทย ร่วมกับ Ms.Donna Lagdameo Senior Advisor to Red Cross Red Crescent Climate Center Mr.Ovais Samard Deputy Executive Secretary UN Climate Change ในงานประชุม Asia Pacific Climate Week ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาวะโลกร้อน (United Nation Framework Convention on Climate Change -UNFCCC) ที่สำนักงานสหประชาชาติ ประเทศไทย เพื่อให้แนวคิดการช่วยการลดสภาวะโลกร้อนให้เป็นรูปธรรม จากแนวคิด A RACE WE CAN WIN โดยได้เสนอแนวทางปฏิบัติ 3 ประการคือ 1. Enhancing Ambitions 2.Low Carbon and Climate Resillent Development และ 3.Access to Finance

 

 

           ดร.วันดี กล่าวว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นปัญหาที่มนุษย์โลกต้องร่วมกัน มีความมุ่งมั่นในการที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อลดการเปลี่ยนแปลงสภาวะโลกร้อนเพื่อรักษาโลกที่ดีกว่าไว้ให้ลูกหลาน เส้นทางสู่ความสำเร็จในการ ลดสภาวะโลกร้อนที่มีความเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว ต้องเริ่มจากรัฐบาลทุกประเทศต้องให้ความสำคัญ กำหนดนโยบายให้มีความชัดเจน เพื่อฝ่ายบริหารบ้านเมือง ทุกระดับได้นำไปปฏิบัติ เช่น ประเทศไทย โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ประกาศการบริหารจัดการขยะเป็นนโยบายแห่งชาติ  พร้อมมอบหมายให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นผู้รับสนองนโยบาย

 

 

 

          ทั้งนี้ได้มอบต่อให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นผู้ขับเคลื่อน ดำเนินการรณรงค์การคัดแยกขยะเปียกและขยะแห้ง โดยจัดทำถังขยะเปียกระบบปิดลดโลกร้อน ให้ทุกครัวนำถังมาเจาะก้นและฝังไปในดิน 2/3 ส่วน และนำเศษอาหารและขยะอินทรีย์แยกไปทิ้งในถังขยะเปียก โดยมีฝาปิดและภายใน 30 วันจะกลายสภาพเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ส่วนขยะแห้งที่สามารถนำไป recycle ได้ก็ให้นำไปขายเป็นกองทุนให้เป็นสวัสดิการชุมชน ในช่วงเวลาการขับเคลื่อน ประมาณ 1 ปี มีประชาชนกว่า 35 ล้านคนร่วมโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน สามารถช่วยลดสภาวะโลกร้อนได้ 500,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

 

 

           นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญโดยกำหนดการลดก๊าซเรือนกระจกในแผนพัฒนาพลังงานของประเทศ และมีการกำหนดการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทนในสัดส่วนกว่า 30 % ในอนาคตอีก 20 ปี ซึ่งจะสามารถช่วยลดสภาวะโลกร้อนกว่า 20 ล้านตันคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เทียบเท่า อย่างไรก็ตามเชิญชวนทุกคนในโลก ได้จับมือรวมพลังในการลดสภาวะโลกร้อนโดยเริ่มจากบ้าน ชุมชน จนสามารถขับเคลื่อนได้ในระดับประเทศ เพื่อรักษาโลกที่ดีกว่าไว้ให้ลูกหลานต่อไป