ชวนอุดหนุน “ปักจิต ปักใจ” งานฝีมือชิ้นพิเศษจากหัวใจงดงาม
“...คุณค่าที่เกินกว่าความสวยงาม...งานปักที่ใช้ใจทำ ไม่ต้องใช้ตา มอง สวยงามเปี่ยมไปด้วยความอดทน และตั้งใจจริง น่าชื่นชมมากๆ ...”
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อความที่ปรากฏในหน้าเพจ Facebook Pakjit Pakjai “ปักจิต ปักใจ” The unseen art from the freedom hearts ซึ่งใช้เป็นหนึ่งในช่องทางการจำหน่ายสินค้าของโครงการ “ปักจิตปักใจ” สร้างโอกาส สร้างงาน สร้างรายได้ ให้แก่ผู้พิการทางสายตา ผ่านงานฝีมือที่เต็มไปด้วยจินตนาการและความงดงามภายในหัวใจ ซึ่งถ่ายทอดออกมาเป็นงานผ้าหลากหลายรูปแบบ ที่รับรองได้ว่าหากเป็นของขวัญของฝากจะต้องถูกใจผู้ให้ประทับใจผู้รับอย่างแน่นอน
โครงการ “ปักจิตปักใจ” เป็นโครงการปักผ้าซาชิโกะ (สไตล์ญี่ปุ่นโบราณ) โดยคนตาบอด สนับสนุนการฝึกอบรมโดยสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยและสมาคมคนตาบอดสาขาภาคเหนือ ร่วมกับ Sewing Studio ของ “ครูป้าหนู-ภวัญญา แก้วนันตา” เริ่มต้นฝึกคนตาบอดกลุ่มแรก 6 คนที่สมาคมคนตาบอดจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2561 เป็นครั้งแรก และมีแผนจะขยายการฝึกอบรมให้คนตาบอดทั่วประเทศต่อไป เพื่อบรรจุเป็นอาชีพใหม่ให้กับคนตาบอดในประเทศไทย โดยมี “ครูผึ้ง - วันดี สันติวุฒเมธี” นักเขียนอิสระและนักกิจกรรมเพื่อสังคม ร่วมขับเคลื่อนโครงการนี้อย่างเข้มแข็ง
และนี่หนึ่งในเรื่องราวอันน่าประทับใจของสมาชิกใน โครงการ “ปักจิตปักใจ”
รอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจของสายจันทร์เจ้าเอย...ในที่สุดเจ้าก็ทำได้นะสายจันทร์
สายจันทร์เป็นนักเรียนปักผ้ารุ่น 3 ที่น่าเป็นห่วงว่าจะวางเข็มเย็บผ้าก่อนใครเพื่อน เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยรู้เลยว่าเข็มเย็บผ้าหน้าตาเป็นอย่างไรแค่ได้ยินคำว่าเข็มเธอก็กลัวจนใจสั่น แต่ด้วยเพราะได้ยินรุ่นพี่ในร้านนวดเดียวกันพูดถึงโอกาสที่จะมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นจากอาชีพนวดในอนาคต รวมทั้งโอกาสที่จะได้กลับไปปักผ้าอยู่ที่บ้านกับครอบครัวในอำเภอห่างไกลจากเมือง สายจันทร์จึงสมัครมาเรียนปักผ้ารุ่น 3 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทว่าวันแรกของการจับเข็มเย็บผ้า สายจันทร์มีอาการหวาดกลัวและเกร็งจนครูอ๊อด ซึ่งเป็นครูสอนไม้เท้าขาวให้คนตาบอดมานานยี่สิบปีถึงกับส่ายหัวและถอนหายใจวันละหลายรอบ ส่วนครูป้าหนูก็คอยเติมกำลังใจให้เต็มเปี่ยม
ขณะที่เพื่อนๆ ฝึกสนเข็มเย็บผ้าจนคล่องและเริ่มลงมือปักผ้าในวันรุ่งขึ้น แต่สายจันทร์กลับยังต้องฝึกสัมผัสเข็มเย็บผ้าจนกว่าจะหายกลัว และต้องฝึกสัมผัสจนกว่ารู้ว่าด้านไหนเป็นก้นเข็มสำหรับร้อยด้าย และด้านไหนเป็นปลายเข็มแหลมคมที่ต้องระวัง
ก่อนกลับบ้านในสัปดาห์แรก ครูผึ้งต้องกอดสายจันทร์แน่นๆ และบอกสายจันทร์ว่า "สัปดาห์หน้าครูอยากเห็นหน้าสายจันทร์อีกนะ" (ทุกๆ คอร์สอบรมช่วงสัปดาห์แรกต้องเติมกำลังใจให้มากๆ)
ในทุกๆ สัปดาห์ที่ผ่านไป ครูทุกคนต่างเฝ้าลุ้นว่าสายจันทร์จะใจสู้กลับมาเรียนต่อหรือไม่ สิ่งที่เราได้เห็นคือเธอกลับมาเรียนด้วยหัวใจที่เข็มแข็งและเต็มเปี่ยมด้วยความพยายามมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากเรียนจบ 6 สัปดาห์ ขณะที่เพื่อนๆ ส่วนใหญ่เริ่มมีรายได้จากการปักผ้ากันบ้างแล้ว แต่สายจันทร์เป็นคนเดียวที่งานยังไม่ผ่านเพราะเธอปักผ้าแล้วยับย่นจนชิ้นงานไม่สามารถส่งช่างเย็บได้ บรรดารุ่นพี่และรุ่นเพื่อนในร้านนวด ทั้งป้าพัตร พี่หวล เบิ้ม และป้าทับทิมต่างช่วยกันแนะนำสายจันทร์ด้วยวิธีการสื่อสารแบบคนตาบอดด้วยกันจนสายจันทร์สามารถปักผ้าได้สวยงามมากขึ้นจนน่าชื่นชมดังภาพด้านล่างนี้
เมื่อวานนี้สายจันทร์หยิบผลงานมาส่งให้ครูผึ้งดูแล้วถามว่า "ผ่านไหมคะ". ครูเห็นแล้วร้องกรี้ดด้วยความดีใจ "ผ่านและสวยมากทุกชิ้นเลยค่ะ"
ภาพรอยยิ้มของสายจันทร์ด้านล่างถูกบันทึกไว้เมื่อวานนี้ ส่วนอีกสามภาพถูกบันทึกไว้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ขอบคุณสายจันทร์ที่ใช้เวลาฝึกฝนฝีเข็มในความมืดยาวนานกว่าครึ่งปีโดยไม่เคยท้อใจจนวางเข็มเย็บผ้า
ขอบคุณสายจันทร์ที่เป็นแบบอย่างให้คนที่ยังมีดวงตามองเห็นรู้ว่า "ความมืดมิใช่ความน่ากลัว" ขอเพียงเราทุกคนมีแสงสว่างในหัวใจ ไม่ว่าอุปสรรคจะน่าหวาดกลัวเพียงใด เราก็ก้าวผ่านมันไปได้เสมอ
สำหรับใครที่สนใจต้องการสนับสนุนโครงการนี้ ลองติดตามกันได้ที่แฟนเพจ โครงการ “ปักจิตปักใจ” ซึ่งขณะนี้โครงการได้ปรับแผนการตลาดใหม่ เปิดตัวทีละคอลเลคชั่น สินค้าบางอย่างหมดแล้วหมดเลยเพราะผ้าบางสีหมดแล้วหมดเลยและต้องสั่งเย็บงานขั้นต่ำทีละคอลเลคชั่น เพื่อลดต้นทุนการผลิต ใครชอบแบบไหนลองติดตามและสั่งจองกันไว้ได้
CR : Facebook Pakjitpakjai