มหัศจรรย์ของการวิ่ง : คอลัมน์ 'ชีวิต...วิ่งขึ้น...วิ่งลง...' : 'ทรงยศ กมลทวิกุล'

มหัศจรรย์ของการวิ่ง : คอลัมน์ 'ชีวิต...วิ่งขึ้น...วิ่งลง...' : 'ทรงยศ กมลทวิกุล'

 

"นิ้วกลม" เขียนสิบข้อดีของการวิ่งไว้ มีสองข้อที่ตรงกับความคิดของเรา นั่นคือ 1.วิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่าย คนเดียวก็ทำได้ 2.การวิ่งทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง จิตใจสะอาด มีสมาธิ วิ่งทำให้เรารู้สึกดีๆ กับตัวเอง 

 

สำหรับเรา เวลาวิ่งความคิดดี ๆ มักจะเกิดขึ้นเสมอ ๆ ที่สำคัญการวิ่งนำมาซึ่งความมีวินัย การเอาชนะตัวเอง

 

นักวิ่งมือสมัครเล่นหลายคนค้นพบความมหัศจรรย์ของการวิ่งในหลากหลายมิติ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับหลายคนรวมทั้งเราเองด้วยคือ การค้นพบความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง ที่พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง

 

จำวันที่ตั้งใจจะวิ่งให้จริงจังมากขึ้น วางเป้าไว้ว่า จะลงงานวิ่งสักงาน วันที่ไปซื้อรองเท้าวิ่ง คนขายรองเท้าถามว่า “วิ่งวันละกี่กิโลครับ” เราตอบว่า “วิ่งออกกำลังกายอยู่วันละประมาณสามกิโลเมตร” จากสามกิโลเมตรในวันนั้น นำเราไปสู่สิบกิโลเมตร ยี่สิบเอ็ดกิโลเมตร และสี่สิบสองกิโลเมตรในเวลาต่อมา

 

และเมื่อเรายังลงมือทำต่อไปเรื่อย ๆ เวลาของเราก็จะดีขึ้น เราสามารถโอบกอดความเหนื่อย ความล้า เป็นมิตรต่อกัน มากกว่าจะผลักไสมันออกไป นี่เป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ ที่การวิ่งมอบแด่ผู้ลงมือวิ่งในความรู้สึกของเรา

 

กระบวนการขัดเกลาและเปลี่ยนแปลงตนเอง ด้วยการนำการวิ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จึงเป็นเรื่องที่ลงตัว อีกเดือนเศษ ๆ เพื่อนที่ชักนำเราไป สู่ "หิมาลัย" เพื่อนที่ดึงเราเข้าสู่การวิ่งอย่างเป็นเรื่องเป็นราว จะลงสนามเทรลระยะสี่สิบกว่ากิโลเมตร มันเป็นแรงผลักอีกครั้งหนึ่ง ที่ทำให้เราตั้งเป้าหมายว่า นอกจากจะเพิ่มจำนวนมาราธอนให้ตัวเองแล้ว เราจะลองลงงานวิ่งเทรลดูบ้าง

 

ส่วนการเขียนเป็นสิ่งหนึ่งที่เรารักชอบ เราหาเลี้ยงชีวิตด้วยสิ่งนี้ นอกจากเขียนเพื่องาน เราเขียนทั้งบันทึกประจำวันลงในสมุด เขียนความรู้สึก ความคิด บางมุมบางเรื่องเราแชร์ลงใน FB ของเรา การเขียนทำให้เราได้ทบทวนตัวเอง ทำให้มองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งตื้นและลึกลงไป เพราะมันต้องผ่านกระบวนการคิด ใคร่ครวญ ทบทวน เพื่อสำรวจผังภูมิชีวิตของตนเอง มองทั้งข้างนอกและเดินลึกเข้าไปข้างใน สรุปเรื่องราวที่เราเผชิญหน้า เป็นส่วนหนึ่ง เป็นบทเรียนเตือนใจตัวเอง เพื่อลดการผิดซ้ำ เพิ่มการทำเรื่องดี ๆ ในทุกวันที่ใช้ชีวิต แม้ไม่ง่าย แต่ก็ต้องลงมือทำ...

 

ในการทำงานเรากระโจนเข้าสู่วิถี Freelance มานาน เรามีเพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นน้อง รุ่นพี่หลายคนดำรงชีวิตอยู่ด้วยการไม่มีสังกัดเฉกเช่นเดียวกัน รุ่นพี่คนหนึ่งเคยบอกว่าใช้ชีวิต Freelance เหมือนกับมือกระบี่เดียวดายท่องไปในยุทธจักร เราคุ้นเคยกับการทำงานคนเดียว เวลาเดินทางขับรถเดินทางคนเดียว กินข้าวคนเดียว นอนโรงแรมคนเดียว พบปะผู้คน สัมผัสกับธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่เราไม่คุ้นเคย บางวันเราไม่คิดอะไร บางวันเราคิดถึงคนบางคน บางครั้งก็รู้สึกเหมือนนักแล่นเรือใบคนเดียวในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่... 

 

Doldrums / เขตลมสงบ / นักแล่นเรือใบ นักเดินเรือด้วยสายลม ย่อมไม่ชื่นชอบภาวะเช่นนี้ในท้องทะเล แต่เมื่อมันเกิดขึ้น ผู้ถือหางเสือทำได้เพียงแค่รอคอย น่านน้ำที่เรือติดอยู่ในภาวะลมสงบนั้นโดยรอบนิ่งเงียบ ผืนน้ำนิ่งเรียบราวแผ่นกระจก บางทีความสงบและนิ่งเงียบชวนให้อึดอัด 

 

ภาวะลมสงบ (Doldrums) นั้นไม่อาจคาดเดาระยะเวลาได้ บางครั้งเป็นช่วงสั้น ๆ บางครั้งกินเวลาเป็นวันหรืออาจจะหลายวัน สิ่งเดียวที่เราทำได้คือรอคอยอย่างอดทน

 

จอมดาบ มือกระบี่ ซามูไร เมื่อพวกเขาทุ่มเทสมาธิให้กับการฝึกฝน อาจจะเจอกับสภาวะเช่นนี้ สภาวะแห่งความไม่คืบหน้า หยุดนิ่ง

 

บางทีมันมีความจำเป็นที่พวกเขาต้องเข้าสู่สภาวะลืมเลือน ลืมอดีต ไม่มุ่งหวังถึงอนาคต ลืมดาบ ลืมท่วงท่า ลืมทุกสิ่ง เพื่อหลุดพ้น ก้าวไปสู่ความสำเร็จ

 

ไร้ดาบก็เหมือนมีดาบ แต่ใช่ว่าทุกคนจะหลุดพ้น ก้าวจากมือดาบธรรมดาผู้หนึ่งไปสู่ระดับปรมาจารย์ได้ 

 

จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีสมาธิ มีความอดทน มีความมุ่งมั่น มีความเพียร รอคอยสัญญานจากธรรมชาติ เพราะเขตลมสงบไม่ยืดยาวจนเป็นนิรันดร์

 

เพราะเมื่อมีความเพียร แม้เราจะไปไม่ถึงระดับปรมาจารย์ แต่เราจะก้าวจากมือดาบธรรมดาผู้หนึ่งไปเป็นจอมดาบได้...

 

หมายเหตุ : 

Songyot Kamontavikun

https://www.facebook.com/songyot.kamontavikun

 
//..................